เมื่อเข้ามาในตัวเมืองแล้วก็เดินทางต่อไปยังร้านขายสมุนไพรเฮงเฮงของเถ้าแก่เจา
“คารวะเถ้าแก่เจาเจ้าค่ะ” หนิงลู่ซือกล่าวทักทายทันทีที่เห็นเถ้าแก่เจาออกมาดูแลความเรียบร้อยในร้าน
“คารวะเถ้าแก่เจาเจ้าค่ะ” หนิงลี่อินทำตามพี่สาวโดยที่ไม่ต้องมีใครมาบอก
เจาเจ๋อหันมองไปทางเสียงเรียกก็พบเข้ากับหนึ่งหญิงสาวหน้าตาถึงจะไม่งามล่มเมืองแต่ก็งดงามไม่น้อย กับอีกหนึ่งเด็กหญิงตัวน้อยที่ยืนข้างๆ พี่สาวของตนกำลังส่งยิ้มมาให้ วันนี้ก็ยังคงใส่ชุดสีเดียวกันเช่นเคย
“ข้าบอกกี่ครั้งแล้วว่าไม่ต้องมากพิธี ไหนๆ วันนี้มีสมุนไพรอันใดมาขาย”
“วันนี้ไม่มีสมุนไพรมาขายหรอกเจ้าค่ะ ข้าเอาถังหูลู่กับปลามาขาย จะมาขอเช่าพื้นที่ข้างร้านเถ้าแก่เจ้าค่ะ”
“ได้สิๆ ไม่มีปัญหา เดี๋ยวข้าจะให้เด็กเอาโต๊ะไปตั้งไว้ที่เดิมก็แล้วกัน” เช่าอะไรกัน เขาไม่เอาหรอก “อาซือวันนี้ข้าซื้อปลาเจ้า 5 ตัว เอาตัวใหญ่ๆ เลยนะ เมื่อวานข้าซื้อไปให้แม่ครัวที่บ้านทำอาหาร รสชาติดียิ่งนัก” เจาเจ๋อสั่งปลากับหนิงลู่ซือ เมื่อวานเนื้อปลาสดๆ อร่อยยิ่งนัก
“ได้เลยเจ้าค่ะเถ้าแก่เจา”
“อาอินวันนี้มีถังหูลู่มาขายใช่หรือไม่” เจาเจ๋อหันไปถามกับเด็กน้อยที่ยืนฟังผู้ใหญ่คุยกันอย่างเงียบๆ
“ใช่เจ้าค่ะเถ้าแก ถังหูลู่ของข้ามีถังหูลู่ซานจา กับถังหูลู่ผิงกั่ว ขายไม่แพงหรอกนะเจ้าคะ ขายเพียงแค่ไม้ละ 2 อีแปะเท่านั้นเจ้าค่ะ” ถังหูลู่ของนางขายถูกกว่าในตลาดอีกนะจะบอกให้
“ไอหยา ขายถูกกว่าในตลาดอีก งั้นลุงเอาอย่างละ 10 ไม้ อาอินจัดให้ลุงด้วยเล่า” เจาเจ๋อจะซื้อไปฝากเจ้าลูกชายหน้าเหม็นทั้งสองของเขา ที่วันๆ เอาแต่เล่นซนเขาละปวดหัวจริงๆ
“ได้เลยเจ้าค่ะเถ้าแก่ เดี๋ยวข้าจัดให้เจ้าค่ะ” เมื่อลูกจ้างในร้านเอาโต๊ะไปตั้งให้เรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็เข้ามาแจ้งแก่เถ้าแก่เจา สองพี่น้องจึงออกไปตั้งของขาย
ชาวบ้านบางคนจำได้ว่าสองพี่น้องนี้ เมื่อวานขายผลไม้กับปลาราคาถูก วันนี้พอเห็นสองพี่น้องก็รีบเข้ามาถามไถ่ พอรู้ว่ามีปลาที่ยังมีชีวิตก็รีบต่อแถวซื้อทันที นอกจากปลาแล้วก็ยังมีถังหูลู่หน้าตาน่ากินด้วย แถมราคายังถูกอีกด้วย ไม่นานแผงขายของเล็กๆ ของสองพี่น้องก็คึกคักเต็มไปด้วยผู้คน
หนิงลู่ซือจะเป็นคนขายปลา ส่วนหนิงลี่อินจะเป็นคนขายถังหูลู่ ตอนนี้หนิงลี่อินนับเลขบวกลบตัวเลขได้บ้างแล้ว เพราะโดนพี่สาวบังคับให้ท่องทุกวัน ถึงแม้จะยังไม่ค่อยคล่องก็ตาม
“ข้าต้องการเหมาปลาของเจ้าทั้งหมด” จู่ๆ ในขณะที่หนิงลู่ซือกำลังชั่งปลาให้ท่านลุงคนหนึ่งอยู่นั้น ก็มีเสียงของใครบางคนดังขึ้นมา หนิงลู่ซือจึงเงยหน้าขึ้นมองก็พบกับชายรูปร่างเจ้าเนื้อมีอายุคนหนึ่ง พร้อมกับคนติดตามอีก 2 คน
“ไม่ทราบว่าเมื่อสักครู่ท่านลุงกล่าวว่าอย่างไรนะเจ้าคะ” หนิงลู่ซือได้ยินไม่ชัดจึงถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
“ข้าเจียงเฉินเป็นหลงจู้จากเหลาอาหารเซียงเซียง ต้องการเหมาปลาพวกนี้ของเจ้าทั้งหมด และจะให้ราคามากกว่าที่เจ้าขายด้วย” เมื่อวานมีเด็กในร้านไปบอกเขาว่ามีคนมาขายปลาที่ยังมีชีวิตอยู่ ได้ยินดังนั้นเขาก็รีบมายังจุดที่ขายทันที แต่มาไม่ทันเพราะตอนที่มาถึงปลาได้ถูกขายไปหมดแล้ว
ชาวบ้านที่ยังต่อแถวได้ยินว่าหลงจู้จากเหลาอาหาร จะซื้อปลาพวกนี้ในราคาที่แพงกว่าที่นางขายให้พวกชาวบ้าน ก็คิดกันไปว่าวันนี้คงไม่ได้กินปลาพวกนี้เป็นแน่
ต่างจากหนิงลู่ซือที่ทำเพียงแค่ยิ้มน้อยๆ ให้กับหลงจู้ผู้ยิ่งใหญ่ แล้วตอบกลับอย่างหนักแน่นว่า “ข้าไม่ขายเจ้าค่ะ”
หลายคนที่ได้ยินคำตอบจากปากเล็กๆ ของนางก็เกิดความงุนงง ไม่เข้าใจขึ้นมา
“เจ้าว่าอย่างไรนะ” หลงจู้คิดว่าถ้าตนเสนอราคาที่แพงกว่าราคาที่นางขาย นางคงจะรีบขายให้เขาอย่างรวดเร็วไหนเลยจะคิดว่านางปฏิเสธ
“ข้าบอกว่าข้าไม่ขายเจ้าค่ะ ต่อให้ท่านจะเสนอราคาให้ข้าชั่งละ 1 ตำลึง ถ้าก็ไม่ขายเจ้าค่ะ” นางว่าอย่างไรนะ ชั่งละ 1 ตำลึง นางก็จะไม่ขายอย่างนั้นหรือ ตอนนี้ชาวบ้านหลายคนมึนงงไปหมดแล้ว เพราะถ้าเป็นพวกเขาคงขายไปตั้งแต่หลงจู้บอกว่าจะให้ราคามากกว่าที่ขายตอนนี้แล้ว
“เจ้ากล้าปฏิเสธข้าหรือ!” หลงจู้เมื่อโดนปฏิเสธก็เริ่มโมโหขึ้นมาแล้ว “ข้าบอกว่าข้าจะเหมา เจ้าก็ต้องขายให้ข้า!” ไม่ยอมยังไงวันนี้เขาก็ต้องได้ปลามีชีวิตพวกนี้ไปขายที่เหลาอาหารให้ได้
“ถ้าท่านอยากซื้อปลาก็เชิญท่านไปต่อแถวเจ้าค่ะ เพราะข้าจะขายให้กับคนที่ต่อแถวเท่านั้น และเหตุผลที่ข้าไม่ขายปลาให้ท่านเพราะถ้าขายให้ท่านหมดแล้ว ชาวบ้านที่มาก่อนท่าน ชาวบ้านที่รอจะซื้อปลาพวกนี้ไปทำอาหารให้คนในครอบครัวกินเขาจะทำอย่างไรเจ้าคะ ไม่ว่าท่านจะพอใจหรือไม่ แต่ข้ายังยืนยันคำเดิมคือถ้าท่านอยากได้ปลาก็เชิญไปต่อแถวเจ้าค่ะ” ไม่ใช่นางไม่อยากได้เงินเยอะๆ เสียเมื่อไหร่ แต่ถ้านางขายให้หลงจู้คนนี้หมด แล้วชาวบ้านคนอื่นละ พวกเขาตั้งใจมาซื้อของของนาง นางจะทำให้พวกเขาผิดหวังกับนางได้อย่างไร
ชาวบ้านหลายคนที่ได้ยินต่างกันรู้สึกดีกับแม่ค้าสาว ถ้านางขายให้หลงจู้นางก็จะได้เงินเยอะกว่าขายให้พวกเขาหลายเท่าตัวนัก แต่นางกลับไม่ขายเพราะนางนึกถึงคนอื่นด้วย ไม่ได้นึกถึงแต่ตนเอง
หลงจู้ที่ทำอะไรไม่ได้จึงสั่งให้ลูกน้องไปต่อแถว อย่างน้อยๆ อาจจะได้ปลาสัก ตัว สองตัว ไปขายที่เหลาอาหารของตน
เหตุการณ์กลับมาสงบอีกครั้ง หนิงลู่ซือจึงหันกลับมาขายปลาของนางต่อ ฝั่งหนิงลี่อินก็ไม่น้อยหน้ามีเด็กๆ มาซื้อถังหูลู่ของนางหลายคน อีกทั้งยังมีท่านลุง ท่านป้า ที่มาซื้อปลากับพี่สาวและซื้อถังหูลู่ของนางไปฝากเด็กๆ ด้วย
“อาอินเก่งจังเลย ดูสิขายถังหูลู่หมดด้วย”
“อาอินเก่ง” เด็กน้อยยกยอตนเอง
“จ้าๆ ไหนแล้ววันนี้ขายได้เท่าไหร่
“ขายได้ 500 อีแปะเจ้าค่ะ” ถังหูลี่มีทั้งหมด 300 ไม้ ขายไม้ละ 2 อีแปะ เป็นเงิน 600 อีแปะ แต่บางครั้งก็แถมให้กับชาวบ้านที่ซื้อเยอะๆ สุดท้าจึงขายได้เงินทั้งหมด 500 อีแปะตามที่หนิงลี่อินบอก
“ว้าวว อาอินของพี่ใหญ่เก่งจังเลย” เด็กน้อยยิ้มรับคำชมจนหน้าบานเป็นจานข้าวแล้ว “เงินนี้พี่ให้เจ้าทั้งหมด อยากกินอะไร หรืออยากซื้ออะไรก็เอาเงินนี้ไปซื้อ”
“ไม่เอาเจ้าค่ะ ข้ามีเงินที่พี่ใหญ่ฝากไว้ให้ในโรงรับฝากเงินแล้วนะเจ้าคะ”
“เงินนั่นเป็นเงินที่พี่ใหญ่จะให้เจ้าเมื่อเจ้าอายุครบ 15 หนาว แต่เงินนี้เป็นน้ำพักน้ำแรงของเจ้า เจ้าเก็บเอาไว้ เดี๋ยวพี่ใหญ่จะไปหากล่องไม้มาให้เจ้าใช้เก็บเงินที่ขายของได้”
“ก็ได้เจ้าค่ะ”
“ไอหยา อาอินน้อยจะร่ำรวยแล้ว ถ้ารวยแล้วอย่าลืมลุงแก่ๆ คนนี้เล่า” เจาเจ๋อออกมาได้ยินสองพี่น้องคุยกันพอดี ความคิดของหนิงลู่ซือถือว่าดีมากๆ
“อาอินไม่มีทางลืมเถ้าแก่เจาแน่นอนเจ้าค่ะ” หนิงลี่อินหันมาตอบเจาเจ๋อ
“เถ้าแก่อะไรกัน ต่อไปพวกเจ้าก็เรียกข้าว่าท่านลุงก็แล้วกัน”
“จะดีหรือเจ้าคะ” หนิงลู่ซือเกรงใจ
“แบบนี้แหละดีที่สุดแล้ว” เจาเจ๋อยืนยัน
“เจ้าค่ะท่านลุงเจา จริงสิอาอินเจ้าไปเอาไข่มาให้ท่านลุงเจาหน่อย” หนิงลู่ซือนึกขึ้นได้ว่าเมื่อเช้านางให้หนิงลี่อินเอาไข่ไก่มาฝากท่านลุงเจา เป็นการตอบแทนที่ให้ใช้พื้นที่