“สวัสดีเจ้าค่ะพี่ชายหมิง ข้าเอารถเข็นมาคืนและก็เอากับข้าวมาฝากเจ้าค่ะ”
“ท่านแม่ไม่อยู่หรอกไปบ้านท่านตานะ”
“งั้นข้าฝากของให้ท่านป้าด้วยนะเจ้าคะ” หนิงลู่ซือยื่นตะกร้าด้านในมีกล่องอาหารอยู่ 2 กล่อง
“ได้ๆ ขอบใจเจ้ามากนะ” เว่ยหมิงรับตะกร้ามาจากหญิงสาว เหมือนเขาจะได้กลิ่นหอมๆ ลอยออกมาจากกล่องข้าวด้วย
“อ๋อ จริงสิพี่ชายหมิง ท่านพอจะทราบไหมเจ้าคะว่าข้าจะหาซื้อรถเข็นแบบนี้ได้จากที่ไหน” นางคงต้องไปขายของในเมืองบ่อยๆ จะให้มายืมของท่านป้าหลินตลอดก็คงไม่ดีนัก
“บ้านท่านลุงเหลียงทำรถเข็นแบบนี้ขาย เจ้าจะลองไปดูหรือไม่เดี๋ยวพี่พาไป” เว่ยหมิงบอก
“จะเป็นการรบกวนพี่ชายหมิงหรือไม่เจ้าคะ”
“ไม่รบกวนๆ เดี๋ยวพี่เอาของไปเก็บก่อนเจ้ารอพี่สักครู่” เว่ยหมิงรีบเอาของไปเก็บไว้ในบ้าน ไม่ลืมที่จะร้องบอกน้องชายที่อยู่หลังบ้านว่าเขาจะพาหนิงลู่ซือกับหนิงลี่อินไปบ้านท่านลุงเหลียง
“ไปกัน” ทั้ง 3 คน เดินไปยังบ้านลุงเหลียง
“ท่านลุงเหลียงขอรับอยู่หรือไม่”
เว่ยหมิงตะโกนเรียกท่านลุงเหลียงอยู่หน้ารั้วบ้าน รอไม่นานก็มีชายชราอายุไม่น่าจะต่ำกว่า 50 ปี เดินออกมาจากในบ้าน
“อาหมิง เจ้ามีอันใดหรือไม่” ปากถาม ส่วนมือเปิดประตูให้แขกเข้ามาในบ้าน
“ข้าพาน้องสาวมาสั่งซื้อรถเข็นจากท่านขอรับ” เว่ยหมิงชี้แจงเหตุผลที่มาในวันนี้ เหลียงเซาจึงหันไปมองหนึ่งหญิงสาว หนึ่งเด็กหญิงที่ใส่ชุดสีเดียวกัน
“คารวะท่านลุงเหลียงเจ้าค่ะ” หนิงลู่ซือกับหนิงลี่อินกล่าวขึ้นพร้อมกัน
“ตามสบายๆ เจ้าอยากได้รถเข็นหรือ”
“เจ้าค่ะ ข้าอยากได้รถเข็นสักคัน เพื่อใช้ใส่ของเข้าไปขายในเมืองเจ้าค่ะ”
“อืม ตามข้ามาๆ พวกเจาโชคดีมาก ตอนนี้ข้ามีรถเข็นที่เพิ่งทำเสร็จอยู่ 1 คัน” เหลียงเซาพาทั้ง 3 คนเดินไปที่ไว้รถเข็น เมื่อหลายวันก่อนเขาทำรถเข็นเพื่อจะใช้งาน เพิ่งทำเสร็จวันนี้ ยังไม่ทันได้ใช้งานก็มีคนมาขอซื้อเสียแล้ว แต่ไม่เป็นไรเขาขายคันนี้แล้วค่อยทำคันใหม่ก็ได้
“ท่านลุงเหลียงขายอย่างไรเจ้าคะ”
“ข้าขายรถเข็นคันละ 500 อีแปะ ถ้าเจ้าคิดว่าแพงข้าสามารถลดให้ได้นิดหน่อย” เหลียงเซาบอกราคาแก่หนิงลู่ซือ
“ไม่แพงเลยเจ้าค่ะ รถเข็นที่ท่านลุงทำถือว่าเป็นงานฝีมือ ไหนจะต้องใช้ความประณีตอีก ราคานี้ถือว่าคุ้มมากๆ เจ้าค่ะ” สิ่งไหนที่เป็นฝีมือ ใช้ความสามารถ เราไม่ควรไปด้อยค่าของสิ่งนั้น “ข้าซื้อรถเข็นคันนี้เจ้าค่ะ”
เมื่อการตกลงซื้อขายเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทั้ง 3 คนก็เดินกลับบ้านของตนทันที
“ขอบคุณพี่ชายหมิงมากนะเจ้าคะที่พาข้าไปซื้อรถเข็น” ตอนนี้เดินมาถึงบ้านของเว่ยหมิงแล้ว
“ไม่เป็นไรเรื่องเล็กน้อย พวกเจ้ารีบกลับเถิดฟ้าเริ่มมืดแล้ว หรือจะให้ข้าไปส่งหรือไม่” เว่ยหมิงขันอาสาเห็นฟ้าเริ่มมืดก็กลัวสองพี่น้องจะเป็นอันตราย
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ข้ากลับเองได้ งั้นข้าขอตัวกลับก่อนนะเจ้าคะ”
“เสี่ยวอินขอตัวลาก่อนเจ้าค่ะพี่ชายหมิง”
“อร่อย!” กินอาหารเย็นที่แสนอร่อยแล้ว ก็ยังมีถังหูลู่ให้กินล้างปากด้วย ถูกใจหนิงลี่อินยิ่งนัก!
“เดี๋ยวกินเสร็จแล้วก็ไปอาบน้ำ พี่ใหญ่ทำตรงนี้เสร็จก็จะไปอาบน้ำนอนแล้วเช่นกัน” วันนี้เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว อีกทั้งพรุ่งนี้ยังต้องตื่นเช้ามาทำถังหูลู่เข้าไปขายในเมืองอีก
ตอนนี้นางกำลังล้างผิงกั่วและซานจาป่าที่แยกไว้สำหรับทำถังหูลู่มีอย่างละ 1 ตะกร้า โดยซานจาป่านั้นหนิงลู่ซือกับหนิงลี่อินช่วยกันเสียบไม้ไว้เรียบร้อยแล้วได้มากถึง 100 ไม้เลยทีเดียว ส่วนผิงกั่วต้องหั่นเป็นชิ้นๆ แล้วค่อยเสียบไม้ แต่นางจะหั่นและเสียบในวันพรุ่งเนื่องจากถ้าทำไว้ในคืนนี้ผลผิงกั่วจะดำได้
หัวถึงหมอนสองพี่น้องก็สลบไปในทันที ต้องรีบพักผ่อนจะได้มีแรงในการทำงานต่อไป
ยามโฉ่ว (01.00-02-59 น.)
วันนี้หนิงลู่ซือต้องตื่นเร็วเป็นพิเศษ เพราะนางต้องหั่นผิงกั่วออกเป็นชิ้นๆ นำมาเสียบไม้รอเคลือบน้ำตาล ผิงกั่วเสียบไม้มีทั้งหมด 200 ไม้ ทำผิงกั่วเสร็จแล้วก็ต้มน้ำให้เดือด เมื่อเดือดแล้วจึงเทน้ำตาลลงไป คนไปเรื่อยๆ จนสีของน้ำตาลกลายเป็นสีเหลืองอ่อนๆ เมื่อน้ำตาลได้ที่แล้วนำผิงกั่วและซานจาป่าจุ่มลงไปเคลือบน้ำตาล และนำมาพักไว้ในถาดที่เตรียมไว้
กว่าทุกอย่างจะเสร็จเรียบร้อยก็ล่วงเลยมาจนถึงยามเหม่า เงยหน้าขึ้นมาหลังจากวางซานจาไม้สุดท้ายก็พบใบหน้าเล็กๆ ยืนขยี้ตาอยู่ตรงประตูห้องครัว
“ถ้าง่วงก็ไปนอนอีกสักหน่อยดีหรือไม่” น้องสาวนางเพิ่งจะ 5 หนาว จะนอนตื่นสายสักหน่อยก็ไม่เป็นอันใดหรอก
“ไม่เจ้าค่ะ เดี๋ยวข้าขอไปเก็บไข่ไก่และให้อาหารไก่ก่อนนะเจ้าคะ” จะให้นอนต่อได้อย่างไร พี่สาวนั่งทำงานงกๆๆ นางก็ต้องทำงานด้วยสิ
“เก็บไข่เสร็จแล้วเจ้าค่ะ” หนิงลี่อินเดินมาพร้อมตะกร้าใบเล็กที่ใส่เก็บไข่ นำไข่ที่เก็บได้ไปใส่ไว้ในตะกร้าใบใหญ่อีกใบที่มีไข่อยู่ก่อนแล้วหลายฟอง
“อย่าลืมให้อาหารไก่ด้วยนะอาอิน” หนิงลู่ซือกำลังยุ่งอยู่หน้าเตา วันนี้นางทำโจ๊กหมูเป็นมื้อเช้า
“เจ้าค่ะ เดี๋ยวข้าไปให้อาหารไก่ก่อนเจ้าค่ะ” กล่าวจบก็วิ่งปรู๊ดไปให้อาหารไก่ จะได้กลับมากินข้าวเช้าไวๆ นางได้กลิ่นหอมๆ ลอยมาแตะจมูกอีกแล้ว
“อาอินมากินข้าวได้แล้ว” เห็นนางสาวไปให้อาหารไก่นานจึงตะโกนเรียกให้มากินข้าว
“มาแล้วเจ้าค่า” ไม่ต้องรอให้พี่สาวเรียกซ้ำ หนิงลี่อินก็รีบวิ่งมาอย่างไว
“วันนี้พี่ใหญ่ทำโจ๊กหมูใส่ไข่ และยังมีเนื้อหมูแดดเดียวทอดด้วย ลองชิมดูสิ อย่าลืมเป่าไล่ความร้อนด้วยเล่า”
หนิงลี่อินพยักหน้ารับอย่างเชื่อฟัง ตักข้าวคำโตที่มีหมูอยู่ในช้อนขึ้นมาเป่าตามที่พี่สาวบอก สุดท้ายก็ส่งเข้าปากเคี้ยวอย่างอร่อย
“เหตุใดพี่ใหญ่ทำอะไรก็อร่อยไปทุกอย่างเลยเจ้าคะ” ยกยอพี่สาวสักหน่อยเดี๋ยวจะได้ขอกินถังหูลู่สักไม้
“ก็พี่ใหญ่บอกแล้วว่าพี่ใหญ่เก่ง”
“ใช่เจ้าค่ะ พี่ใหญ่เก่งที่สุด” หนิงลู่ซือขมวดคิ้ว ปกติน้องสาวตัวน้อยของนางไม่มีทางพูดแบบนี้แน่
“อาอินเจ้าจงบอกพี่ใหญ่มาว่าเจ้าต้องการสิ่งใด”
“แฮะๆ ข้าอยากกินถังหูลู่อีกเจ้าค่ะ”
“ได้สิ พี่ใหญ่ให้เจ้ากินได้ 1 ไม้ถ้วน!”
กว่าสองพี่น้องตระกูลหนิงจะได้เข้าเมืองก็ยามเฉินแล้ว ชาวบ้านหมู่บ้านซานหลานคนก็เดินทางเข้าเมืองด้วยเช่นกัน บางคนไปขายของ บางคนไปหางาน บางคนก็ไปเที่ยวเล่น
หลายคนมองมาที่รถเข็นของสองพี่น้อง ในรถเข็นมีถังไม้ขนาดกลางถึง 4 ถัง ไหนจะถาดที่มีผ้าคลุมอย่างมิดชิดอีกหลายถาด มีเด็กสาวในชุดสีฟ้านั่งอยู่บนรถเข็น
“พวกเจ้าจะเข้าไปขายของในเมืองหรือ” ยายหลี่คันปากยิกๆ ทนไม่ได้ต้องเข้ามาสอบถาม ด้วยความอยากรู้อยากเห็น นางเห็นสองพี่น้องเข้าเมืองไปขายของหลายครั้งแต่ไม่รู้ว่าขายอะไร ทำไมถึงมีเงินซื้อชุดใหม่ และคาดว่าน่าจะซื้อหลายชุด เพราะแต่ละครั้งที่เจอสองพี่น้องไม่เคยใส่ชุดซ้ำกันเลย
หนิงลู่ซือที่กำลังเข็นรถเข็นอยู่จึงหยุดรถแล้วหันไปทางยายหลี่ที่เข้ามาถามตน แต่ตามองของในรถเข็นของนางไม่วางตา “เจ้าค่ะ ข้ากับน้องสาวจะเข้าไปขายของในเมือง ท่านป้ามีอันใดหรือไม่เจ้าคะ”
“ไม่มีอันใดหรอกข้าก็แค่อยากรู้ว่าเจ้าเอาอะไรไปขายในเมืองหรือ”
“อ๋อ วันนี้ข้านำปลากับถังหูลู่ไปขายเจ้าค่ะ”
ปลากับถังหูลู่หรือ ขายแค่นี้ก็ได้เงินมากแล้วหรือ ยายหลี่ยังสงสัย “ถ้าท่านป้าไม่มีอันใดแล้วข้าขอตัวก่อนนะเจ้าคะ” ไม่อยู่ให้ยายหลี่ถามต่อ หนิงลู่ซือก็เข็นรถที่มีหนิงลี่อินนั่งอยู่ตรงไปยังประตูเมือง