ตอนที่ 4

2228 คำ
เมื่อถึงบ่ายทุกคนก็ออกไปทำงานอีกรอบ พี่สะใภ้จะไปเก็บผักเพื่อแลกแต้มจึงนำหลานชายตัวน้อยมาฝากไว้ให้ช่วยดูแล " อาเย็กครับ อาหยางมาหาคับอาเย็กหายหรือยังคับ" "น้องเล็ก พี่สะใภ้ฝากดูอาหยางหน่อยนะจ๊ะ พี่สะใภ้จะไปเก็บ ผักเดี๋ยวตอนเย็นพี่จะกลับมาทำกับข้าวเองนะ น้องเล็กพักให้หายก่อนไม่ต้องทำนะ " "ได้ค่ะ หยางหยาง อาเล็กหายแล้วมาหาอาเล็กเร็วเข้า เด็กดี " หยางหยางน้อย เป็นเด็กน้อยช่างพูดทุกคนในบ้านจึงรักและเอ็นดู ทำให้ฉันหายเหงาได้ดีทีเดียว "หยางหยางหิวไหมอยากกินขนมไหม วันนี้อาเล็ก ซื้อขนมมาด้วย แต่หยางหยางต้องไม่บอกใครว่าได้กินขนมนะได้ไหม " "ครับ อาหยางไม่พูดครับ" "ดีมาก หยางหยางเด็กดี" อันหนิง แอบหยิบลูกอมรสนมออกมา 2 เม็ด และป้อนเข้าปากให้หลานขายกินพอเห็นหลานชายยิ้มทั้งปากและตา เพียงเท่านี้เธอก็มีความสุขมากแล้ว ตกเย็นทุกคนกลับมาจากทุ่งนา พี่สะใภ้กลับมาได้สักพักแล้วและกำลังทำกับข้าวอยู่ในห้องครัว คงใกล้จะเสร็จแล้วเพราะกับข้าวก็ไม่ได้มีอะไรมาก เพียงข้าวต้ม ผักดอง ผัดผักป่าและไข่ตุ๋น ซึ่งก็ถือว่าดีมากแล้ว พอทุกคนล้างมือ ล้างตัวแล้วก็มารวมกันกินข้าว โดยแยกเป็น 2 โต๊ะ ชาย ผู้หญิง อันหนิงนั่งมองกับข้าว แล้วได้แต่ถอนหายใจแล้วก้มหน้ากินข้าวไปเงียบ ๆ รอดูสถานการณ์ ก่อนว่าจะมีอะไรบ้าง เพราะจากการสังเกตหน้าของป้าสะใภ้ใหญ่แล้วคงมีเรื่องให้อยากพูดและคงอดทนได้อีกไม่นาน ต้องพูดเรื่องเสียหายที่หนองน้ำของเธอออกมาอย่างแน่นอน. *บ้านเวย* "คุณพ่อคุณแม่ค่ะ เรื่องที่น้องรองลงไปช่วยน้องสาวบ้าน เยว่ ที่ตกลำธารเมื่อวันก่อนชาวบ้านพูดกันจนเสียหายมากเหมือนกันนะคะ เรื่องความแนบชิดระหว่างหญิงชายที่ไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด ฝั่งผู้หญิงเขาคงอับอายมากเหมือนกันเห็นว่าไม่สบายพึ่งฟื้นไข้มาด้วย " สะใภ้ หลงฟานพูดขึ้นมา " อืม พ่อเองก็ได้ยินแล้วก็ว่าจะถามเจ้ารองว่าจะเอายังไง " พ่อเวย หันไปมองหน้าลูกชายคนรองที่เป็นต้นเรื่อง " แม่ว่าในเมื่อเจ้ารองเองก็ยังไม่มีคู่หมาย ลูกก็สมควรจะต้องรับผิดชอบน้องนะ หรือว่าลูกมีคนที่ชอบพอหมายตาใครไว้แล้วก็บอกแม่มา แม่กับพ่อจะได้ไปช่วยพูดให้เรื่องแบบนี้ไม่มีใครอยากให้เกิดและก่อนที่ลูกจะลงไปช่วยน้อง ก็น่าจะคิดไว้แล้วว่าผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไร " แม่เวยพูดกับลูกชาย " ผมรู้ครับและคิดจะรับผิดชอบน้องอยู่แล้ว อีกอย่างผมก็ยังไม่มีคนที่ชอบพอ อันหนิงเองเท่าที่ผมรู้จักก็เป็นคนเงียบๆ และน่ารักดีครับ" ทุกคนมองหน้ากันอมยิ้ม " หึ หึ ที่แท้ก็ชอบน้องเขาอยู่สินะ " พี่ใหญ่เวย "พ่อว่าเราไปบ้านเยว่กันเถอะ ป่านนี้ทางนั้นคงกังวลใจมากแล้ว คงไม่รู้ว่าเราจะว่าอย่างไรและคงไม่กล้ามาถาม เดี๋ยวพ่อจะเดินไปบอกปู่กับย่าก่อน ว่าจะไปคุยเรื่องขอหมั้นหลานสาวบ้านเยว่ให้เจ้ารอง อ้อแล้วของหมั้นแม่เจ้ารองก็ดูให้เหมาะสมนะ " " พ่อแม่ครับ เรื่องสินสอดของหมั้นผมจะเป็นคนจัดการเองครับ " "อืม ก็ได้ส่วนเรื่องบ้านเจ้ารอง ถ้าเจ้ารองแต่งงานพ่อแม่จะสร้างบ้านแยกให้นะได้เป็นสัดส่วนไม่อึดอัดอยู่กันหลายครอบครัวสะใภ้จะลำบากใจได้ ในเมื่อเจ้ารองจะแต่งงานแล้วก็แยกบ้านใครบ้านมันกันเถอะ ในเมื่อโตๆ และมีครอบครัวเป็นของตัวเองกันแล้ว พ่อกับแม่ก็อยู่บ้านหลักกับเจ้าใหญ่ตามธรรมเนียมส่วนเจ้ารองจะมีใจกตัญญูส่งเสียเลี้ยงดูก็เอาตามความเหมาะสมและไม่ลำบากตัวเองก็พอ พ่อแม่ไม่ได้แก่ขนาดทำงานไม่ได้ ลูกๆ ก็เพียงใช้ชีวิตกันให้ดีๆ เจ้าใหญ่เห็นด้วยกับพ่อไหม " " ผมยังไงก็ได้ครับพ่อ ถ้าจะปลูกบ้านต้องไปแจ้งผู้ใหญ่บ้านแต่เนิ่นๆ นะครับ ปลูกในที่ข้างๆ บ้านใหญ่นี่แหละ เวลาน้องรองไม่อยู่จะได้ช่วยดูแลน้องสะใภ้กันได้" "ขอบคุณครับพี่ใหญ่ พ่อไปบ้านปู่เถอะครับ เราจะได้ไปบ้านเยว่กัน " " อืม ที่อย่างนี้รีบเลยนะ นั่งอยู่ตั้งนานทำไมไม่พูดอะไร" พ่อเวยพูดกระทบลูกชาย * บ้านรองเวย ค่อนข้างจะมีฐานะในหมู่มีบ้านอิฐ 5 ห้องนอน คนในหมู่บ้านอยากให้ลูกแต่งเข้าบ้านนี้ทั้งนั้น พ่อแม่สามีใจดีไม่กดขี่ลูกสะใภ้แต่มีลูกชายแค่ 2 คน คนโตก็แต่งงานแล้วส่วนคนรองไปทหารนาน ๆ ถึงจะกลับมาสักครั้ง ซึ่งทางพ่อแม่เวย ไม่บังคับเรื่องคู่ครองของลูก แต่กรณีของลูกชายคนรองถือว่าเป็นเหตุสุดวิสัย แต่เมื่อดูแล้วลูกชายก็พอใจไม่น้อยกับเหตุการณ์ดังกล่าวจึงถือเป็นเรื่องที่ดีของบ้านเวยเช่นกัน* *รายละเอียดบ้านเยว่ ฐานะปานกลางเพราะเป็นครอบครัวใหญ่ ยังไม่ได้แยกบ้านทุกคนทำงานได้เงินก็เข้ากองกลาง ย่าเป็นคนเก็บเงินคนเดียว โดยมีรายได้หลักจากหลานชายที่ทำงาน โรงงานในเมืองให้เดือนละ 5 หยวน แต่ครอบครัวค่อนข้างประหยัด ย่าจึงพอมีเงินเก็บบ้าง ป้าสะใภ้ใหญ่จึงไม่ค่อยพอใจ เพราะคิดว่าเป็นเงินลูกชายตัวเอง อยากเก็บเองส่วนลุงใหญ่ไม่มีปัญหาอะไร เพราะยังไงก็เป็นพ่อแม่ตัวเองหากมีเรื่องเดือดร้อน ท่านก็ช่วยเหลืออยู่แล้ว ส่วนพ่อแม่ของอันหนิงก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะถึงปู่ย่าจะไม่ค่อยสนใจ แต่ไม่ถึงขั้นเอาเปรียบ เพียงแต่ได้กินใช้น้อยกว่าคนอื่นนิดหน่อยเท่านั้น แต่ก็ไม่ถึงขั้นได้อดอาหาร ถึงยังไงลูกชายคนบ้านรอง ก็ยังได้เรียนจบ ม.ปลาย ตอนนี้ลูกชายคนรองกำลังรองาน โรงงานในเมืองและมาทำนารอตำแหน่งว่าง ส่วนอาสาม ค่อนข้างจะเอาเปรียบคนอื่นนิดหน่อย เพราะว่าถูกย่าเยว่โอ๋จนเคยตัว จะได้กินอิ่มกว่าคนอื่นทำงานก็ได้แต้มไม่เต็มเท่าคนอื่นเพราะชอบอู้ อาสะใภ้สามก็ค่อนข้างเป็นที่รักของย่า เพราะฐานะทางบ้านถือว่าดี แต่ย่าไม่รู้ว่าบ้านอาสะใภ้สามไม่ได้รักอาสะใภ้สามเท่าที่ควร และไม่ได้สนับสนุนอะไร ส่วนอาเล็กลูกสาวคนเล็กของบ้านเยว่ แต่งงานออกไปอยู่บ้านสามีที่หมู่บ้านอื่น ปีใหม่จะมาปีละครั้งบางปีก็ไม่มาแต่ก็มีส่งของมาแสดงความกตัญญูปู่ย่าบ้างทุกปีแต่ไม่เยอะ บ้านสามีอาเล็กค่อนข้างมีฐานะ แต่เพราะยังไม่ได้แยกบ้านเหมือนกัน อันหนิงไม่ค่อยรู้จักอาเล็กเพราะตอนอาเล็กแต่งงานเธอยังไม่เกิด * กลับมาปัจจุบัน บ้านเยว่ "คุณพ่อแม่ค่ะ ตอนนี้คนนินทาเรื่องลูกสาวน้องรองกันหนาหูนะคะ เรื่องที่เธอตกน้ำตกท่าและยังได้แนบชิดกับชายหนุ่มแบบนั้น คนพูดกันไปในทางเสียหายแบบนี้ต่อไปคงจะหาการแต่งงานดีๆ ไม่ได้แล้วนะคะ" ป้าสะใภ้ใหญ่ " ฉันเห็นเขาพูดว่าคงไม่มีใครกล้าขอไปเป็นลูกสะใภ้แล้วด้วยนะคะเพราะกอดกันแนบชิดขนาดนั้น " อาสะใภ้สามรีบเสริม " คนช่วยคนตกน้ำจะอะไรนักหนา หรือต้องปล่อยให้จมน้ำตายกันเลยหรือไง" พ่อฉันพูดขึ้น " เจ้ารองมันเป็นธรรมเนียมบ้านเรา เอ็งต้องเข้าใจแล้วทางบ้านนู้นเขามีมาถามอะไรไหม " ย่าพูดขึ้น "ยังเลยค่ะ หนิงหนิงเองก็พึ่งฟื้นไข้เองนะคะ " แม่พูด "อืม ก็รอดูก่อนเถอะเราจะโทษเขาก็ไม่ได้ เพราะถ้าเขาไม่ช่วย เสี่ยวหนิงก็ไม่รู้จะเป็นอย่างไรทีหลังก็ระวังหน่อยนะ เรื่องนี้ก็ต้องปล่อยให้มันเงียบไปเองก่อน " ปู่บอก " ค่ะ คุณปู่วันนั้นหนูหน้ามืดแล้ววูปไปเลยค่ะ" อันหนิง หันไปมองป้าสะใภ้ใหญ่แต่ป้าสะใภ้รีบก้มหน้าหลบ ลุงใหญ่พอรู้สาเหตุแลพก็ว่าภรรยาไปแล้วว่าไม่สมควรใช้หลานสาวมากนัก เพราะหลานสาวเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ "แล้วถ้าเขาไม่รับผิดชอบจะทำอย่างไรคะ เราไม่ต้องเลี้ยงอันหนิงไปจนแก่หรือคะ "สะใภ้สามผู้เก่งกล้า "ลูกสาวฉัน เดี๋ยวฉันหาเลี้ยงเองไม่ให้เธอลำบากหรอกน้องสะใภ้ " พ่อพูดขึ้นบ้าง อาสามจึงมองหน้าเมียให้เงียบ *บ้านเยว่ เป็นบ้านกึ่งอิฐและดินคือบ้านอิฐหลังหลักจะมีห้องของปู่ย่ากับลุงใหญ่ป้าสะใภ้ แล้วต่อเป็นห้องพี่ลี่เฟิงลูกชายลุงใหญ่ 1 ห้องกับห้องพี่ลี่ชวน 1 ห้องทางปลีกขวา ห้องหลักฝั่งซ้ายเป็นห้องอาสาม และต่อออกไปอีก 1 ห้องเป็นห้องพี่อ้ายซ่างส่วนของคนรอบครัว อันหนิงอยู่ด้านหลังต่อออกมาจากบ้านใหญ่มี 3 ห้อง แต่พ่อกั้นผนังไม้ไผ่อีกห้องให้พี่รองของเธอ ส่วนพี่ใหญ่ 1 ห้องของฉัน 1 ห้องจึงเหมือนชุมชนแออัดเล็กๆ ยังไม่มีคนได้พูดต่อ ก็ได้ยินเสียงคนเรียกอยู่หน้าบ้านพี่รองลุกขึ้นไปดูแล้วมาบอกบ้านเวยมาหาจึงได้เข้ามาคุยในบ้าน อันหนิงหันหน้าไปมอง เห็นคนมากันหลายคนเอาแล้วไงมาไม่ถึง 3 วันเจอเนื้อคู่แล้วไง เธอหันไปสบตากับชายหุนุ่มที่เดินตามหลังเข้ามาอืมก็หล่อแหละ ผิวเข้มนิดๆ เหมือนคนก่ำแดดแต่ก็เป็นคนผิวขาว นี่มันพรหมลิขิตชัดๆ อันหนิงนั่งคิดอยู่ในหัวคนเดียว " อาเทียน วันนี้พวกฉันจะมาคุยเรื่องหมั้นหมายหนูเสี่ยวหนิง เรื่องที่เกิดในวันก่อนฉันได้ยินมาหนาหูเหมือนกัน ทางเราไม่ได้นิ่งนอนใจนะ และเจ้ารองของเราก็คิดรับผิดชอบน้องตั้งแต่ต้น เพียงแต่รอให้หนูเสี่ยวหนิงฟื้นไข้เสียก่อน แต่ไม่คิดว่าชาวบ้านจะพูดไปในทางเสียหายเร็วขนาดนี้ คนช่วยชีวิตคนแท้ๆ ถ้าเป็นลูกหลานพวกเขาจะเป็นอย่างไร คนสัดแต่ว่ามีปากก็พูดกันไปไม่คิดถึงคนอื่น ไม่คิดว่าเหตุการณ์อาจเกิดกับตัวเองได้เหมือนกัน " ปู่เวยพูดขึ้น "ฉันไม่โทษหลายชายเอ็งหรอกนะ อาหลงเพราะถ้าหลานชายไม่ลงไปช่วยเสี่ยวหนิงของเรา ไม่รู้จะเป็นอย่างไร อย่างไงก็ต้องขอบใจหลานชายมากนะที่ตัดสินใจลงไปช่วยน้อง ทั้งที่รู้ว่าตัวเองจะต้องได้รับความเดือดร้อนได้" "ครับ ผมเต็มใจช่วยและพร้อมจะรับผิดชอบทุกอย่างที่ตามมาครับ" ลู่หาน พูดพร้อมกับหันไปวางอันหนิงเล็กน้อย " ที่มาวันนี้ก็คิดว่าจะขอหมั้นหมายเอาไว้ก่อน เจ้ารองมาเยี่ยมบ้านรอบนี้อยู่ได้อีก 5 วัน แล้วจึงจะเข้ากรม จะได้ส่งของหมั้นและทำหนังสือสัญญาหมั้นหมายไว้ให้เรียบร้อย ส่วนงานแต่งรอหนูเสี่ยวหนิงครบ 18 ปี ค่อยจัดงานแต่งอีกทีดีไหมครับ " พ่อเวยลู่คง เป็นคนพูด " ทางเราไม่มีปัญหาอะไร หนิงหนิงลูกขัดข้องไหม พ่อต้องถามลูกก่อน " เฟยหลง หันไปถามลูกสาวก่อน " หนูแล้วแต่พ่อแม่จ้ะ " อันหนิง (ตอบตกลงโดยไม่ต้องพูดว่าตกลง) " งั้นก็เอาตามนั้นครับ " " เรื่องค่าสินสอดผมจะจัดเตรียมมาให้เหมาะสม ไม่ทราบว่าคุณอาเยว่ ต้องการอะไรเพิ่มเติมไหมครับ" " อากับอาหญิง ไม่เรียกร้องอะไรหรอกนะก็เอาตามที่อาลู่หานว่านั่นแหละ" " ฉันคิดว่าเรื่องหนังสือหมั้นหมายและของหมั้นทางเราจะมาส่งพรุ่งนี้นะ " พ่อเวยบอกขึ้น พ่อแม่ฉันพยักหน้ายิ้มให้ ส่วนปู่ย่าก็พอใจรวมทั้งลุงใหญ่ ป้าสะใภ้ใหญ่ ทำหน้าตาอิจฉาออกมาอย่างชัดเจนมาก รวมทั้งอาสะใภ้ 3 ก็เหมือนกันส่วนพี่ใหญ่และพี่สะใภ้นั่งยิ้มยินดีรวมถึงพี่รองด้วย สรุปคือ วันนี้ฉันมีคู่หมั้นเรียบร้อยจ้า แต่ก่อนที่จะแต่งงานก็คงต้องคุยกับคู่หมั้นเรื่องแผนต่างๆ อีกมากทั้งเรื่องเรียน เรื่องการงานเส้นทางอีกยาวไกล และเรื่องแต่งงานก็คงอีกหลายปี และนี่ก็เป็นเพียงการหมั้นหมายเท่านั้น อย่าพึ่งไปคิดอะไรมากเลย แค่รู้ว่าคู่หมั้นหล่อบอกต่อด้วยก็พอแล้ว.
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม