เมื่อตกลงกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เรื่องการทำหนังสือหมั้นและส่งของหมั้นในวันพรุ่งนี้ บ้านเวยก็ได้ขอตัวกลับ พ่อแม่ ให้อันหนิงเดินออกมาส่งว่าที่คู่หมั้นหนุ่มหน้าบ้านตามมารยาทเจ้าบ้านและเพื่อสร้างความคุ้นเคยต่อกัน ก่อนกลับลู่หานก็หันมาถามถึงอาการป่วยของเธอ
" อาการดีขึ้นแล้วใช่ไหมครับ"
" ค่ะหายดีแล้วค่ะ วันนี้ก็ไปให้หมอตรวจแล้วค่ะ ขอบคุณมากนะคะที่ช่วยเหลือในวันนั้น"
"ครับ พี่เต็มใจ พี่กลับก่อนนะพักผ่อนให้มากๆ นะ "
" ค่ะ"
อันหนิงตอบก่อนที่ว่าที่คู่หมั้นหนุ่มจะกลับบ้านไป เธอกลับมาในห้องโถง ปู่ย่า บอกว่าพรุ่งนี้ให้ทุกคนหยุดงานเพราะบ้านเวยมาส่งของหมั้น ต้องเตรียมของเลี้ยงแขกเล็กน้อยแต่ก็เป็นเรื่องน่ายินดีของบ้านเยว่
...............................................................
ตอนเช้านี้ย่าให้เงินแม่ของอันหนิงไปซื้อของอาหารมาทำเพื่อเลี้ยงแขกบ้านเวย พวกผู้ชายที่วันนี้ไม่ได้ไปลงชื่อทำงานก็ช่วยทำงานบ้าน และทำคอกหมู เพราะปู่เยว่ได้ทำเรื่องขอเลี้ยงหมูไว้และจะได้มาถึง 3 ตัวเพราะในบ้านมีคนเเยอะ จึงถือโอกาสที่ทุกคนหยุดงานไปตัดไม้ไผ่มาช่วยกันทำคอกหมูแต่เช้า ส่วนป้าสะใภ้กับอาสะใภ้สามนั้นพักผ่อนอยู่ในบ้าน อันหนิงไปตลาดซื้ออาหารกับแม่แต่เช้า แม่ให้เงินเธอไว้ 3 หยวนและคูปองเนื้อและให้ยืนต่อคิวรอซื้อเนื่อหมู ซึ่งเงินจำนวนนี้จะซื้อเนื้อแดงได้ 1ชั่ง ส่วนแม่ไปซื้อผักในตลาดจะได้เสร็จเร็วขึ้น แม่สั่งกับเธอว่าถ้าซื้อได้แล้วให้ไปรอที่หน้าสหกรณ์เพราะแม่ต้องซื้อของหลายอย่างอาจจะใช้เวลานาน พอพ้นหลังจากแม่อันหนิงก็เดินออกแถวที่ยืนต่ออยู่ทันที เธอเดินมาจนถึงที่ลับตาคนจากนั้นก็รีบหยิบหมูเนื้อแดงออกมาจากมิติที่มีนำ้หนัก 1 ชั่งพร้อมตับหมูอีก 1 ชิ้นและได้คิดหาข้ออ้างไว้แล้วว่าจะบอกแม่ว่าอย่างไร เพราะถ้าแม่สงสัยเธอก็จะบอกว่าเถ้าแก่ร้านหมูแถมมาแม่ก็คงไม่สงสัยอีก
อันหนิงเดินไปรอแม่ที่หน้าร้านค้าสหกรณ์ตามที่แม่สั่ง แต่เห็นว่าแม่ยังไม่มาเธอจึงเดินเข้าไปดูของในสหกรณ์เพื่อรอเวลาแม่มา เธอเดินดูที่ชั้นที่วางสินค้าจำพวกของใช้ ทั้งสบู่ ยาสระผมและสบู่ซักผ้า ของในชั้นแทบจะไม่มีวางขายเธอเห็นทั้งชั้นมีเพียงสบู่ซักผ้า 1 ก้อนไม่ใหญ่มากวางอยู่ สบู่ถูตัวไม่มีวางขายอาจจะหมดพอดี อันหนิงจึงเดินไปที่โต๊ะที่คนขายยืนอยู่เพื่อสอบถาม
" พี่สาวคะ สบู่ถูตัวมีไหมคะ ขายยังไง"
"ก้อนละ 1 หยวน คูปอง 1 ใบจ้ะแต่ตอนนี้ของน่าจะหมดนะต้องรอมาอีกทีวันจันทร์หน้านะจ๊ะน้องสาว"
ฉันจึงเดินไปข้างๆ โต๊ะที่ลับตาหน่อยและแอบหยิบสบู่ออกมา 1 ก้อนกลิ่นกุหลาบซึ่งเป็นก้อนใหญ่ แล้วยื่นให้พี่สาวใต้โต๊ะที่พี่สาวคนขายยืนอยู่ พี่สาวถึงกับตาโต เมื่อเห็นสบู่ก้อนนั้นเธอรับไปและดมที่ก้อนสบู่
" ฮือหอมมากเลย "
"ถ้าพี่สาวสนใจพอจะมีเวลาคุยกับหนูสักครู่ไหมคะ"
เยี่ย จินเมย มองหน้าเด็กสาวก่อนจะพยักหน้าและพาเดินไปที่หลังร้าน เพื่อคุยรายละเอียดกัน
"น้องสาวพี่ชื่อ เยี่ย จินเมย ต่อไปเรียกพี่สาวจินก็ได้จ้ะ ว่าแต่น้องสาวชื่ออะไรจ๊ะ"
"หนูชื่อเยว่ อันหนิงค่ะ พี่สาวจินเรียกหนิงหนิงก็ได้ค่ะ "
" เอาล่ะเข้าเรื่องสบู่เลยนะ น้องมีของเยอะไหมและก็ขายราคาเท่าไหร่ สบู่น้องก้อนใหญ่และหอมมาก พี่สนใจและอยากทำการค้าด้วย"
"ตอนนี้หนูมีของอยู่จำนวนหนึ่ง หนูขายส่งให้พี่ราคา 1.5 หยวนได้ไหมคะ เพราะรับมาแพงเหมือนกัน พี่น่าจะขายก้อนละ 2 หยวนหรือมากกว่านั้นได้ เพราะก้อนใหญ่กว่าที่ขายในร้านเกือบ 2 เท่าพี่สาวจิน อยากได้สักเท่าไหร่คะ"
" พี่อยากได้สัก 50 ก้อนก่อน หนิงหนิงมีเลยไหมหรือสะดวกมาส่งวันไหนบอกพี่ได้เลย "
"วันนี้ได้ค่ะแต่หนูขอไปเอาตรงซอยข้างๆ นี่ค่ะไม่ไกล แต่พี่สาวจินช่วยไปรับที่หลังร้านได้ไหมคะ"
"ได้สิ ถ้าเธอเอาของมาแล้วก็ส่งสัญญาณให้พี่เดี๋ยวพี่ออกไปนะ "
อันหนิงเดินไปซอยตรงข้างสหกรณ์เพราะมีมุมลับตาคนแล้วหยิบสบู่ออกมา 50 ก้อนและครีมทาผิว ขนาดเล็กมา 1 ขวด ลิปสติกสีแดง 1 แท่งมาแถมเป็นของขวัญพบหน้า ได้ของที่ต้องการแล้วก็เดินถือถุงผ้ามาหลังสหกรณ์และเห็นพี่สาวจินยืนมองทางรออยู่ก่อนแล้ว
" พี่สาวจินในถุงมีสบู่ 50 ก้อนค่ะ 75 หยวนพี่จะจ่ายเลยหรือจะนำไปขายก่อนค่อยมาจ่ายให้ฉันก็ได้นะคะ ฉันไว้ใจพี่ค่ะ "
"ขอบใจมากนะหนองหนิง พี่จะจ่ายให้ก่อน 35 หยวนอีก 40 หยวน พี่จะขอจ่ายพร้อมรับของรอบหน้าได้ไหมจ๊ะ "
" ได้ค่ะไม่มีปัญหาพี่สาวจิน นี่เป็นครีมทาผิวกับลิปสติกฉันให้เป็นของขวัญพบหน้าของเรานะคะ "
อันหนิงเห็นหน้าพี่สาวคนใหม่ตื่นเต้นมากที่เห็นลิปสติกแท่งสวย
" ลิปสติกสีสวยมากเลยหนิงหนิงขอบใจมากนะจ๊ะ แต่ตอนนี้พี่สาวต้องรีบไปทำงานแล้วฝากเพื่อนดูโต๊ะให้เกรงใจเขา หนิงหนิงจะมาอีกทีวันไหน พี่หยุดทุกวันศุกร์เรานัดเจอกันดีไหม "
" หนูอยู่หมู่บ้านเหอซานค่ะ แล้วพี่สาวอยู่หมู่บ้านไหนคะ "
"พี่อยู่หมู่บ้านเหอจงใกล้ๆ กัน เดี๋ยววันศุกร์พี่ไปหาที่สหกรณ์หมู่บ้านหอซานนะ เอาเป็นช่วงก่อน เที่ยงแล้วกัน เธอจะได้ไม่ต้องเข้ามาในเมืองอีกดีไหม"
" ดีค่ะ หนูไม่ค่อยจะได้มาในเมืองคนเดียวเท่าไหร่เอาตามพี่สาวว่าเลยนะคะ รอบหน้าจะมีกลิ่นอื่นด้วยค่ะ"
" งั้นตามนี้นะขอบใจมากนะจ๊ะ "
" ค่ะพี่สาวจินชอบก็ดีแล้วค่ะ"
จินเมย ไม่สนใจหรอกว่าหนิงหนิงจะได้ของมาจากไหน เธอคิดว่าคนเราทุกคนต้องมีความลับด้วยกันทั้งนั้น แค่ไม่ทำให้เธอเดือดร้อนเธอก็ไม่มีปัญหา การค้าดีดีแบบนี้หาได้ง่ายๆ ที่ไหนกัน
เมื่อตกลงกันเรียบร้อย อันหนิงรีบเดินมาจุดนัดพบกับแม่ทันที ตอนนี้ในกระเป๋าผ้าเธอเริ่มมีเงินทั้งค่าสบู่และค่าเนื้อหมูก่อนหน้ารวม38 หยวน และยังมีคูปองเนื้ออีก 1 ใบด้วย สุขใดไหนจะเท่าเรามีเงินในกระเป๋า แม้จะเป็นเงินเพียงน้อยนิดมากก็ตาม ของแบบนี้มันต้องค่อยเป็นค่อยไปล่ะนะ อันหนิงบอกตัวเอง
" หนิงหนิง ลูกซื้อเสร็จนานหรือยังเรารีบกลับเถอะสายแล้ว "
" ค่ะ"
อันหนิง รีบเดินตามแม่ไปขึ้นรถที่ท่ารถ ที่อยู่อีกซอยถัดกันออกมา เมื่อมาถึงรถก็ออกพอดี
พอกลับมาถึงบ้านแม่ของเธอก็เข้าครัวทำกับข้าวทันที เพราะกลัวไม่ทันเที่ยงตามที่นัดเวลาไว้กับบ้านเวย โดยมีพี่สะใภ้ฉีชิงกับป้าสะใภ้ใหญ่เข้ามาช่วยทำ คุณย่านั่งเล่นอยู่หน้าบ้านโดยมีหลานเล็ก 2 คน ฉีหลงกับหยางหยางวิ่งเล่นอยู่ใกล้ๆ
อันหนิงจึงเข้าห้องงเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ เพราะตอนเช้ายังไม่ได้อาบน้ำเนื่องจากออกไป แต่เช้าพอออกมาเธอจึงเดินเข้าไปดูแม่ในครัวอีกที ทันได้ยินเสียงป้าสะใภ้ถามแม่ว่าไปซื้อหมูที่ไหนเนื้อดีมา และได้ยินแม่บอกว่าเธอเป็นคนไปเข้าแถวรอซื้อที่ร้านหมูส่วนกลาง
" สงสัยพอเด็กสาวไปซื้อคนขายถึงให้แต่ส่วนดีแน่เลย"
ป้าใหญ่พูดขึ้น แม่ไม่ตอบอะไรแค่ฟังเงียบๆ ไม่นานกับข้าวก็เสร็จ อาหารมีซุปไข่ ผัดผักใส่หมู ผัดตับพริกหยวก กับข้าว 3 อย่างแต่ทำจำนวนมาก แค่นี้ก็นับว่าเป็นอาหารชั้นเลิศมากแล้วสำหรับชนบท
ก่อนเที่ยงราวๆ ครึ่งชั่วโมง บ้านเวยก็มาพร้อมกับผู้ใหญ่บ้านและเลขาคอมมูนที่มาร่วมเป็นพยานให้ด้วย เมื่อเห็นว่าทั้งสองฝ่ายพร้อมแล้ว ผู้ใหญ่บ้านก็ได้กล่าวนำพิธีขอหมั้นตามธรรมเนียม
" วันนี้เจ้ารองเวยลู่หานได้มาส่งของหมั้นหมายให้แม่หนูเยว่ อันหนิง ลูกสาวเจ้ารองเยว่ เฟยหลงฉันจึงมาเป็นพยานและเขียนหนังสือสัญญาหมั้นมาให้ด้วย และเชิญเลขาอู่ ห้าวไห่ มาร่วมเป็นพยานอีกคน " ผู้ใหญ่บ้านกล่าวอย่างเป็นทางการ
" ในส่วนของของหมั้น วันนี้ผมเตรียมเงินมา 200 หยวน และสร้อยข้อมือทับทิมนี้เป็นของหมั้นของแทนใจให้หนิงเอ๋อครับ ในวันแต่งงานผมจะจัดสินสอดมาใหม่ต่างหากให้สมฐานะของน้องนะครับ คุณอาทั้งสองวางใจได้ผมจะไม่ให้น้องต้องน้อยหน้าใครหรอกนะครับ" ลู่หาน เป็นคนบอกกับพ่อแม่ของคู่หมั้นสาวอย่างหนักแน่น
อันหนิงมองที่ทับทิมเส้นนั้นแล้วก็ต้องตกใจ เพราะมันเหมือนกันกับทับทิมในด้ายแดงที่คุณตาให้เธอมายังกับเป็นอันเดียวกัน พ่อของเธอรับเงินมาพร้อมหนังสือสัญญาหมั้น เธอยื่นแขนไปให้พี่ชายเวย สวมสร้อยให้ และหยิบผ้าเช็ดหน้าสีเทาคืนให้ไปเป็นสิ่งของแลกเปลี่ยน เพราะไม่ได้เตรียมอะไรไว้ หากจะให้ของมีค่าก็คงจะถูกสงสัยอีกว่าเอามาจากไหน เพราะอันหนิงคนเดิมอย่าว่าแต่ของมีค่าเลยแม้แต่ผ้าเช็ดหน้าเนื้อดีในมือคู่หมั้นเธอก็ไม่มีปัญญาหามาติดตัวหรอก เพราะเงินไม่มีติดตัวสักเหมาก็ว่าได้ เธอมองหน้าคู่หมั้นหนุ่มที่มองผ้าเช็ดหน้าในมือพร้อมกับส่งยิ้มมาให้ก็อดจะออกอาการเขินไม่ได้เหมือนกัน คนอะไรขนาดหน้านิ่งก็ว่าดูดีแล้ว ยังจะมาส่งยิ้มมุมปากให้เธออีก ใครจะไปทานทนได้กันล่ะ.
พิธีการไม่มีอะไรอีกเพียงเชิญแขกร่วมทานข้าวด้วยกัน อิ่มแล้วก็ต่างคนต่างกลับบ้านกัน และถือว่าอันหนิงได้มีคู่หมั้นอย่างเป็นทางการเป็นอันเสร็จพิธี.