อันหนิง รู้สึกตัวอีกทีเธอรู้สึกปวดตามเนื้อตามตัว คอแห้งมากคงเนื่องจากที่เจ้าของร่างเดิมเป็นไข้ ตอนนี้เธอกำลังรวบรวมความจำของเจ้าของร่างเดิมมีกับตัวตนเดิมเข้าด้วยกัน ยิ่งทำให้รู้สึกมึนเวียนศีรษะมากขึ้นไปอีก พอได้ยินเสียงคนเปิดประตูเข้ามา เธอจึงรีบหลับตาลงเพื่อรอดูว่าเป็นใครที่เข้ามา
"หนิงหนิง ลูกตื่นทานยาก่อนนะไข้จะได้ลด เดี๋ยวถ้าไม่ดีขึ้นแม่จะให้พ่อพาไปหาหมอที่โรงพยาบาลอีกที ตอนนี้พ่อไปขอเงินจากย่าเพื่อพาลูกไปหาหมออยู่น่ะ"
เธอลืมตาขึ้นมามองหน้าแม่แล้วก็เหมือนที่คิดแม่ หน้าตาแม่คล้ายๆ กับแม่ของเธอในโลกเก่าแต่ดูผอมและขาดการดูแลหน้าตาผิวพรรณ จึงทำให้แม่เธอดูแก่กว่าอายุจริงอยู่มาก เธอคิดว่าพ่อก็คงเหมือนกันไม่งั้นหน้าเธอ คงไม่เหมือนเดิมอย่างนี้ใช่มะ
" หนูรู้สึกดีขึ้นแล้วค่ะแม่ "
" ดีแล้ว ดีแล้ว "
แม่เธอยิ้มน้ำตาคลอตอนที่ลูกเพ้อเพราะพิษไข้ เธอเจ็บปวดใจมากเพราะตัวเองอ่อนแอเงินติดตัวก็มีอยู่ไม่ถึงหยวน ไม่รู้จะทำอย่างไรสามีตื่นแต่เช้ารีบออกไปหา พ่อแม่เพื่อขอเงินมาพาลูกไปหาหมอในตำบล แต่ยังไม่รู้จะได้ไหมและถ้าได้จะได้เท่าไหร่กัน
สักพัก พ่อเปิดประตูเข้ามา เธอหันไปมองดูหน้าตาของพ่อซึ่งก็คล้าย ๆ หน้าตาพ่อของเธอในภพก่อนมากเหมือนกันเธอนั่งมองหน้าพ่อแม่แล้วน้ำตาคลอ
เธอคิดถึงพ่อแม่ของเธอมากเพราะตอนโลกก่อนความบ้างาน ทำให้เธอพลาดโอกาสดีๆ ในการดูแลท่าน ไม่ว่าจะไม่สบาย ท่านก็จะดูแลกันเอง เธอหาเงินได้มากมาย แต่ก็แทบจะไม่ได้ใช้เลยจนวันที่ไม่มีท่านอยู่ถึงรู้ว่า เวลามันไม่ย้อนกลับมาพ่อแม่เหลืองเพียงป้ายวิญญาณเธอเหงามาก เธอได้แต่กอดตัวเองอยู่คนเดียวและทำงานเพื่อให้ตัวเองไม่ว่างแค่นั้น
เธอเคยคิดว่าตัวเองคงต้องคำสาปให้ไม่มีใครขนาดเพื่อนเธอยังแทบไม่มี ทุกคนที่เข้ามาก็เพื่อธุรกิจเท่านั้น ยังดีที่มีบริวารคนงานที่ดีและไว้ใจได้อยู่รอบข้าง ตอนนี้เธอเริ่มรู้สึกว่าตัวเองช่างโชคดีมากจริงๆ ที่ได้มาที่นี่และได้มาอยู่กับพ่อแม่อีกครั้ง แถมยังมีพี่ชายอีก 2 คนและหลานชายตัวน้อยอีก 1 คน เธอคิดว่าจะใช้ชีวิตให้ดีขณะอยู่ที่นี่ ใครดีมาก็ดีตอบ ใครร้ายมาร้ายตอบ เธอจะต้องพาครอบครัวให้อยู่สุขสบายกว่านี้อะไรที่ไม่เกี่ยวข้องกับครอบครัวเธอจะไม่ยุ่ง ให้ปวดหัวชีวิตเก่าที่ผ่านมาเธอก็ไม่ชอบยุ่งกับใครอยู่แล้ว
" คุณคะ คุณแม่ให้เงินมาไหม "
เสียงแม่ถามพ่อเบา ๆ ให้มา 5 หยวนครับ ผมจะพาลูกไปให้หมอในตำบลให้ตรวจหน่อยลูกเป็นไงบ้างเจ็บตรงไหนอีกไหม "พ่อตอบแม่และยังหันมาถามฉัน
" หนู ดีขึ้นแล้วค่ะปวดหัวนิดหน่อย ไม่ต้องไปหาหมอหรอกค่ะพ่อนอนอีกหน่อยก็หายค่ะ"
ฉันคิดว่า จะเอายาในมิติมากินอยู่แล้วจึงไม่อยากไปหาหมอ ที่นี่คงจะไม่มียาหรือมีคงไม่ดีเท่ายาในยุคปัจจุบันและค่าหมอคงแพงมาก เทียบกับเงินที่พ่อได้มาอาจจะไม่พอด้วยซ้ำ
"งั้นไปให้หมอดูหน่อยไหมพ่อจะได้สบายใจ"
"ก็ได้ค่ะ แต่พ่อไม่ต้องซื้อยามานะคะ หนูกินยาที่แม่ต้มให้ก็รู้สึกดีขึ้นแล้ว " ฉันรีบบอกให้พ่อสบายใจเพราะรู้ว่า พ่อแม่รักฉันมากอาจจะมากกว่าพี่ชาย 2 คนด้วยซ้ำ
" ได้ ได้ พ่อเชื้อลูก ลูกสาวพ่อรู้ความมากจริงๆ คงโตขึ้นแล้วสินะ " พ่อเอามือลูบหัว และยิ้มให้ฉันแล้วแม่จึงช่วยฉันเช็ดตัวและแต่งตัวไปหาหมอกับพ่อ ส่วนแม่จะออกไปลงชื่อทำงานที่ทุ่งนาแลกแต้มตามปกติ ถ้าไม่อย่างนั้นก็จะถูกย่าบ่นอีก
"แม่ไปกินข้าว เถอะค่ะเดี๋ยวไม่มีแรงทำงานไม่รู้ป้าสะใภ้จะเหลืออะไรให้กินไหม "
"เมื่อเช้าแม่ต้มโจ๊กกับผัดผักป่าไว้แล้ว หนูกินโจ๊ก หน่อยนะแม่จะไปตักมาให้แล้วค่อยไปหาหมอนะ"
พูดเสร็จแม่ก็ลุกไปสักพักแม่กลับมาพร้อมถ้วยโจ๊กเรียกโจ๊กก็แสนจะเกรงใจมันเหมือนน้ำข้าวใส ๆ มีเม็ดข้าวหัก ๆ อยู่นิดหน่อยฉันยกถ้วยขึ้นดื่มรวดเดียวแล้วยิ้มให้แม่ เพราะอยากให้แม่สบายใจ
"ขอบคุณค่ะแม่"
"เด็กดี "
"ไปเถอะ พ่อรออยู่หน้าบ้าน"
"ค่ะ"
เมื่อออกมาหน้าบ้าน เจอ ทุกคน กำลังจะไปทำงานที่ทุ่งนา จึงหยุดมองมาที่ฉันสายตาแตกต่างกันออกไป
" หนิงหนิง เป็นไงบ้างค่อยยังชั่วแล้วใช่ไหม" พี่ชาย ถามมา สายตาเป็นห่วงฉันยิ้มให้แล้ว
"ดีขึ้นแล้วค่ะแต่ยังปวดหัวอยู่ค่ะ"
"หายแล้วจะไปหาหมออีกทำไมสิ้นเปลืองจริง ๆ" เสียงป้าสะใภ้ใหญ่ดังขึ้นฉันหันไปมองแต่ไม่พูดอะไร
" เธอจะไปทุ่งนาก็รีบ ๆ ไปเถอะเดี๋ยวจะสาย " ลุงใหญ่พูดขึ้นเพราะไม่อยากให้มีเรื่องกับบ้านน้องชาย
"เสี่ยวหนิง ช่วงนี้พักให้หายก่อนวันสองวันค่อยทำงานนะ " ปู่ เยว่ บอกกับหลานสาว
"ค่ะคุณปู่"
" อืม ไปกันเถอะ เดี๋ยวสาย " ปู่หันไปบอกคนอื่น ย่าก็พยักหน้าแล้วหันมามองหันฉันและพยักหน้าให้แล้วเดินตามกันไปลงชื่อทำนา
"ไปกันเถอะเดี๋ยวไม่ทันรถ"
พ่อบอก ฉันเดินตามหลังพ่อไปช้าๆ เพราะยังไม่มีแรงพ่อหันมามองแล้วจึงเดินมาจับมือพาประคองเดินไป ความอบอุ่นทำให้ขอบตาร้อนผ่าว ฉันรีบก้มหน้าเดินตามพ่อไปขึ้นรถแทรกเตอร์ ของคอมมูนที่จอดรออยู่เพราะพ่อไปบอกไว้แล้วว่าขอติดรถพาลูกสาวไปหาหมอที่โรงพยาบาล
* โรงพยาบาลประจำตำบล*
(อนามัยหรือ สถานีสาธารณสุข ในปัจจุบัน)
พ่อพาฉันไปรอคิวให้หมอตรวจคนไม่ค่อยเยอะ เพราะส่วนใหญ่ถ้าไม่เป็นอะไรมากก็จะไม่ค่อยมีใครมาหาหมอ ถ้าเป็นอาการเพียงเล็กน้อยก็นิยม ต้มยาสมุนไพร ตามบ้านกินเองและมีหมอเท้าเปล่าที่คอยจัดยาให้ตามหมู่บ้าน พอถึงคิวหมอเรียกและตรวจอาการทั่วไป วัดอุณหภูมิ ถามอาการและสรุปอาการ แค่นั้นเพราะหมอตามโรงพยาบาลชนบทก็ไม่ใช่หมอแบบเต็มหลักสูตร ยังเป็นหมอฝึกหัดเป็นส่วนใหญ่
" ไม่น่าเป็นห่วงแล้วนะคะไข้ลดแล้ว อย่างอื่นก็คงไม่มีปัญหาอะไร ช่วงนี้ก็พักอีกหน่อยก็คงปกติแล้วค่ะ "
"ขอบคุณค่ะ/ครับ หมอ "
"หมอจะให้ยาลดไข้ไปไว้ เผื่อเวลาไข้ขึ้นนะคะ"
" ไม่เป็นไรค่ะหมอ ที่บ้านยังมียาเหลืออยู่ค่ะ" ฉันรีบบอกหมอเพราะกลัวหมอจ่ายยา
" อ้อ ค่ะงั้นเสร็จแล้วค่ะ "
"ต้องจ่ายค่าหมอตรงไหนครับ" พ่อถาม
"ติดต่อช่องการเงินเลยค่ะด้านหน้าซ้ายมือ"
"ครับ"
พ่อพาฉันเดินออกมา (ในใจฉันคิด พูด 3 คำคิดเงินด้วยเหรอ เนี๊ยะ พ่อจ่ายเงินค่าหมอตั้ง 1 หยวน ถ้ามียาด้วยเงินจะพอจ่ายไหมนะ ไม่อยากจะคิด
จากนั้นออกมาพ่อซื้อซาลาเปา 6 ลูก 2 หยวน แล้วยื่นให้ฉันกิน 1 ลูก ที่เหลือคงเก็บไปให้แม่กับพี่ชาย พี่สะใภ้กับหลานเพราะนาน ๆ ครั้งจะได้เข้ามาที่ตำบลสักทีฉันคิดถึงซาลาเปาในมิติมาก เพราะไส้เยอะกว่านี้ ลูกก็ใหญ่กว่านี้ พอกินเสร็จพ่อพามารอรถกลับบ้าน ตรงหน้า โรงพยาบาลสักพักรถก็มาเมื่อถึงบ้านก็ลงจากรถแล้วพ่อจ่ายค่ารถ ไป-กลับรวม 4 เหมา ฉันจึงกลับมาพักที่บ้าน และพ่อไปทำแปลงผักที่หลังบ้าน เพราะวันนี้พ่อลาหยุด งานที่ทุ่งนาไว้แล้ว และต้องอยู่คอยดูแลฉันด้วย
(ลูกละ 4 เหมา 3 ลูก 1 หยวน)
เสียงออดหยุดพักดังขึ้น ให้พักตอนกลางวันสักพักได้ยินเสียงคนที่ทำงานเข้ามากินข้าว เพราะส่วนใหญ่กิน 2 มื้อ ก็คงมานอนพักและไปทำต่อตอนบ่าย แม่รีบเข้ามาหาฉันและสอบถามอาการ พี่สะใภ้ตามมาด้วย ฉันจึงรีบบอกกับแม่ว่าหายแล้ว หมอบอกไม่เป็นอะไรแล้วแม่ฉันยิ้มกับพี่สะใภ้ สักพักพี่สะใภ้ทำหน้าแบบไม่สบายใจ แม่จึงถามว่ามีอะไรหรือเปล่า
" ฉันได้ยินคนเขาคุยกัน ที่หนิงหนิง ตกน้ำคนที่ลงไปช่วยขึ้นมาเป็นผู้ชายแล้วก็....เออ เหมือนน้องสาวจะถูกว่าให้เสียหาย เขาพูดกันในทางไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แม่ว่าเรื่องนี้จะทำยังไงดี " พี่สะใภ้พูดด้วยท่าทางลำบากใจ
" แม่ ก็เห็นคนพูดบ้างเดี๋ยวสักพักคงถึงหู ปู่ ย่า แน่นอนยิ่งสะใภ้ใหญ่ด้วยคงไม่นาน "
แม่สีหน้าไม่สบายใจ ฉันทบทวนความจำตอนนั้นลืมคิดถึงเรื่องนี้เลย จึงหันไปมองแม่กับพี่สะใภ้เพราะฉันก็พอรู้เรื่องความใกล้ชิดระหว่าง หญิงชายในยุคนี้ว่าข้อจำกัดค่อนข้างเยอะทำอะไรมากไม่ได้จึงรอดูพ่อแม่จะทำยังไง ฉันยังไงก็ได้อยู่แล้ว ในเมื่อถูกกำหนดให้มาในรูปแบบนี้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นย่อมถูกลิขิตไว้แล้วเช่นกัน ฉะนั้นเธอจะไปกังวลทำไม ปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินของมันไป ก็เท่านั้น .