ครอบครัวประหลาด

3249 คำ
“ซุนหวางข้าต้องไปแล้ว เฮ้อ..ทำไมเจ้าถึงไม่ยอมรับคนที่ข้าจะส่งมาให้ดูแลเจ้า คนที่จวนโน้นล้วนซื่อสัตย์และทำงานดีทั้งนั้น ข้าไม่อยากให้เจ้าลำบากเลย สองคนกับพื้นที่บ้านที่กว้างขวางขนาดนี้จะดูแลอย่างไรไหว” ชิวหานพยายามเกลี้ยกล่อมให้ซุนหวางรับเอาคนของเขาที่จะส่งมาอยู่เพื่อช่วยเหลืองานต่าง ๆ แต่คนตัวเล็กก็มีแต่บ่ายเบี่ยงไม่ยอมรับใครทั้งนั้น จนเขาสุดจะทนทำไมถึงไม่เข้าใจถึงความห่วงใยที่เขามีให้บ้างเลยนะ ช่างดื้อดึงยิ่งนัก “ข้าอยู่ได้ขอรับท่านแม่ทัพ พวกข้าเคยชินกับการอยู่กันแค่สองคน” ยังไงซุนหวางก็ยังดึงดันและไม่ยอมรับคนที่ท่านแม่ทัพจะส่งมาให้อยู่ดี “อืม..ก็แล้วแต่เจ้า หากมีสิ่งใดที่ต้องการก็แจ้งไปที่ท่านลุงเหอ เข้าใจหรือไม่ซุนหวาง!” ท้ายประโยคชิวหานสั่งคนตัวเล็กด้วยเสียงที่ดังคล้ายกับสั่งการกับเหล่าทหารไม่มีผิด “อ่อ..ขอรับข้าเข้าใจแล้ว” ซุนหวางได้แต่รับคำด้วยความสงบทั้งที่จริงก็ตกใจอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน ไหนเลยท่านแม่ทัพจะเคยใช้เสียงดุดันกับเขาเช่นนี้เล่า “ไปกันได้แล้วเหว่ยเจี๋ย!” ด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวที่ยังคั่งค้างเสียงสั่งลูกน้องจึงดังขึ้นกว่าปกติ แล้วชิวหานก็ควบม้าออกไปทันที จนลูกน้องตอบรับแทบไม่ทัน ทั้งยังไม่หันหลังกลับมาดูคนงามเลยแม้แต่น้อยเขาไม่อยากให้จากกันแบบนี้เลย แต่ซุนหวางก็ทำให้เขาหงุดหงิดเอามาก ๆ จะให้อะไรก็ไม่รับสักอย่าง แค่เขาต้องการให้คนตัวเล็กมีบ่าวรับใช้บ้างจะเป็นไรไป ทำไมถึงได้ดื้อดึงนักนะ “ขอรับท่านแม่ทัพ..” เหว่ยเจี๋ยตอบรับเจ้านายแล้วจึงหันกลับมาลาหนุ่มน้อยทั้งสอง “ข้าไปก่อนนะฟงน้อย ข้าลาแล้วขอรับคุณชายซุนหวาง” “โชคดีท่านนายกอง/ขอรับท่านนายกองเหว่ย” ซุนหวางและเสี่ยวฟงตอบออกไปพร้อมกัน “ท่าทางท่านแม่ทัพจะโมโหน่าดูเลยนะขอรับคุณชาย” “ช่างเขาปะไร จากนี้ไปใช่ว่าเราจะเจอเขาบ่อย ค่ายทหารก็อยู่ห่างไกลตั้งหลายร้อยลี้เขาคงไม่ได้มาที่นี่อีกนาน เป็นแบบนี้ละดีแล้วเราจะได้ปลอดภัย” ซุนหวางบอกกับคนของตนด้วยใบหน้าที่นิ่งเรียบ หากคนอื่นได้เห็นคงจะคิดว่าเขาไร้ความรู้สึกและไม่คิดจะแยแสใคร แต่คงไม่ใช่กับเสี่ยวฟง ‘โธ่..คุณชาย คิดว่าอาฟงดูไม่ออกหรืออย่างไร หากว่ามันดีแล้วทำไมถึงได้ทำหน้าเศร้าอย่างนี้ ห้ามร้องไห้เชียวนะขอรับ’ เป็นเช่นนี้สีหน้าและความรู้สึกของซุนหวางก็มีแค่เสี่ยวฟงเท่านั้นที่อ่านออกและมองเห็น “คุณชายหิวหรือไม่ขอรับ” เสี่ยวฟงรีบเปลี่ยนเรื่องคุยทันที เพราะไม่อยากเห็นเจ้านายจมอยู่กับความเศร้า “อืม..กินเสร็จแล้วข้าอยากจะขึ้นเขา” “ขะ..ขึ้นเขาไปทำไมหรือขอรับ” “ข้าอยากขึ้นไปเสาะหาสมุนไพรว่ามีอย่างที่ผู้คนร่ำลือไหม สมุนไพรหลายชนิดที่เราซื้อมาจากร้านขายยา ส่วนมากก็มาจากหุบเขาเจียงซานทั้งนั้นแหละ มันไม่อันตรายหรอกเราไปสำรวจแค่ชายป่าด้านนอกก็พอ” “แน่ใจนะขอรับ เราไม่เคยเดินป่าเลยนะขอรับ” “เคยสิ ทำไมจะไม่เคย” ซุนหวางตอบกลับอย่างมั่นใจ “เอ๋ ตอนไหนขอรับ คุณชายแอบหนีข้าไปเดินป่าตอนไหนกัน” เสี่ยวฟงถามอย่างสงสัย ก็ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาเขาไม่เคยเห็นคุณชายเข้าป่าหรือขึ้นเขาที่ไหนเลยสักครั้ง ที่เมืองหลวงหรือจะมีป่าเขาให้พวกเขาได้เดิน “คิก ๆ ก็ตอนที่เราโดนตามล่ายังไงล่ะ เรายังเข้าไปถึงป่าชั้นในได้เลย” “คุณชายขอรับ อันนั้นไม่ได้เรียกว่าเดินป่านะขอรับ” ‘ตลกล่ะคุณชาย คิดได้ยังไงเนี่ย’ เสี่ยวฟงแอบค่อนแคะนายของตนอยู่ในใจ “เหมือนกันนั่นแหละ ป่าหลังบ้านของเราไม่ได้น่ากลัวสักนิด ทหารก็ขึ้นเขาอยู่ทุกวันไม่เห็นจะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นเลย” ซุนหวางก็ยังคงเถียงอย่างไม่ยอมแพ้ “นั่นมันทหารนะขอรับ” เสี่ยวฟงเพิ่งจะเคยเจอคุณชายดื้อก็คราวนี้ อาจเป็นเพราะโหยหาอิสรภาพมาตลอดสี่ปีพอหลุดออกจากกรงได้จึงเหมือนนกที่กำลังจะติดปีกบิน อาฟงจะไม่ห้ามคุณชายก็แล้วกัน “วันนี้ลองดูก็ได้แต่ไม่เกินสองชั่วยามก็ต้องลงมานะขอรับ จะได้หรือไม่ได้สมุนไพรอย่างไรก็ต้องอยู่ไม่ให้เกินสองชั่วยาม” “เสี่ยวฟงแค่เดินขึ้นแล้วเดินลงก็คงหมดไปสองชั่วยามแล้วกระมัง ขออีกสักหนึ่งชั่วยามก็แล้วกันนะไปกันเถอะมันจะสายแล้ว” “ไปเปลี่ยนชุดก่อนขอรับ เดี๋ยวข้าจะเตรียมอาหารกับน้ำดื่ม” “อ้อ..ข้าลืมไป” ‘คุณชายของอาฟงจะไหวไหมเนี่ย ไม่เป็นไรถือเสียว่าเราไปเรียนรู้ชีวิตใหม่’ นายบ่าวทั้งสองพอเตรียมตัวเรียบร้อยก็ได้สะพายตะกร้าสานขึ้นหลังไปคนละอันน้ำคนละกระบอกและข้าวอีกคนละห่อ แล้วจึงพากันออกไปโดยใช้ประตูรั้วหลังบ้านที่ถูกสร้างขึ้นมา ใหม่อย่างแน่นหนาและแข็งแรง โดยทหารของท่านแม่ทัพ “กำแพงบ้านของเราเกือบจะสูงเท่ากับกำแพงเมืองแล้วนะขอรับ ฮิฮิ ท่านแม่ทัพท่าทางจะห่วงคุณชายจริง ๆ นะเนี่ย” “...........” ซุนหวางก็ได้แต่เงียบ เขากำลังลืมท่านแม่ทัพไปชั่วขณะหนึ่งแต่กลับมาถูกกระตุ้นเพราะเสี่ยวฟงแท้ ๆ เชียว “รีบเดินได้แล้วอาฟง ข้าอยากจะเห็นสมุนไพรต้นเป็น ๆ เสียทีและอยากได้เมล็ดกับต้นอ่อนเอามาปลูกที่บ้านด้วย” ครึ่งชั่วยามแล้วที่พวกเขาเดินขึ้นเขาแต่ก็ยังไม่ได้สมุนไพรเลยสักต้น “คุณชาย แน่ใจนะขอรับว่าเราจะได้สมุนไพร” “ได้แน่นอน ทุกคนที่มายังหุบเขาเจียงซาน ไม่เคยมีใครเลยที่จะต้องกลับบ้านมือเปล่า เราแค่ยังไม่เจอเดินเข้าลึกไปอีกนิดเถิด ไม่ต้องกลัวหลงทางข้าทำเครื่องหมายเอาไว้แล้ว” “คุณชายรอบคอบเสมอนะขอรับ” เสี่ยวฟงขอแค่ได้กล่าวชื่นชมเจ้านายแค่วันละนิดละน้อยก็เอา ตลอดหนึ่งชั่วยามที่ทั้งสองเดินขึ้นไปบนเขาก็จะมีสมุนไพรให้เก็บเกี่ยวบ้างตามรายทาง “คุณชายเรามาลึกเกินไปหรือไม่ขอรับ เหมือนไม่เคยมีคนใช้เส้นทางนี้มาก่อนเลย” “แบบนี้แหละดีเราจะได้เจอสมุนไพรเยอะ ๆ อาฟงนั่น ดูนั่นสิสมุนไพรทั้งนั้น สมุนไพรดี ๆ ทั้งนั้นเลย เห็นหรือไม่ข้าบอกแล้ว รีบไปเก็บกันเราจะได้รีบกลับ” ด้วยความดีใจมาก ซุนหวางและเสี่ยวฟงต่างรีบรุดไปเก็บสมุนไพรจนไม่ได้สังเกตุว่ามีสายตาหนึ่งคู่กำลังเฝ้ามองอยู่ “พวกท่านกำลังทำอะไรกัน” “อ๊ากกกก เจ้า..เจ้าเป็นใคร!” เสี่ยวฟงตกใจจนเผลอร้องเสียงหลงออกมา แต่ก็ยังคงมีสติและตะโกนถามออกไป ในป่าลึกเช่นนี้ทำไมถึงมีเด็กน้อยตัวเล็ก ๆ กันเล่า “เป็นข้าต่างหากที่ควรจะถาม พวกท่านเป็นใครมาขโมยสมุนไพรของข้าทำไม” “สมุนไพรเหล่านี้เป็นของเจ้าหรือเด็กน้อย” ซุนหวางเอ่ยถามเด็กน้อยผู้ชายที่อายุน่าจะหกหรือเจ็ดปีเห็นจะได้ เพราะคิดว่าตัวเองนั้นฟังผิด ใครจะมาปลูกสมุนไพรไว้ในป่าลึกเช่นนี้กัน “ถึงข้าไม่ได้ปลูกเองแต่พ่อแม่ของข้าก็เป็นคนปลูก มันย่อมเป็นของข้าด้วยเช่นกัน” “พ่อแม่ของเจ้าหรือ แล้วพ่อแม่ของเจ้าอยู่ที่ใด” “พ่อแม่ของข้าก็ย่อมอยู่ที่บ้านของข้าสิ ถามอะไรแปลก ๆ” เด็กน้อยตอบอย่างยียวน “แล้วบ้านของเจ้าอยู่ไหนหรือ อ้อ หรือว่าที่แท้เจ้าเป็นคนในหมู่บ้านตีนเขา” “หมู่บ้านอะไรนั่นข้าไม่เคยรู้จักหรอก บ้านของข้าก็อยู่ที่นี่แหละ พวกท่านอยากไปบ้านข้าไหมล่ะ” เด็กน้อยถามอย่างกระตือรือร้นเพราะไม่เคยเจอะเจอผู้คนมาก่อนและพวกเขาก็ดูท่าทางจะเป็นมิตร เด็กน้อยก็ยังคิดไปอีกว่าท่านพ่อและท่านแม่คงจะไม่ว่าอะไรหรอกนะ หากเขาจะพาพี่ชายทั้งสองคนนี้กลับบ้านไปด้วย “คุณชายจะไปดีหรือไม่ขอรับ เขาอาจจะเป็น จ..” ยังไม่ทันที่เสี่ยวฟงจะพูดจบเลยซุนหวางก็รีบเอามือปิดปากไว้ได้ทัน “ไปสิเด็กน้อย ข้าอยากจะไปบ้านของเจ้า” ซุนหวางไม่เชื่อหรอกว่าพวกเขาจะเป็นคนไม่ดี พวกเขาปลูกสมุนไพรเยอะแยะมากมายขนาดนี้นั่นหมายถึงการทำมาหากินที่สุจริต อาจจะทำมาค้าขายสมุนไพรหรือถ้ามากกว่านั้นก็คงจะถึงขั้นเป็นหมอเลยก็ได้ “ข้าชื่อเสี่ยวจุ้น หนานจุ้น แล้วพวกท่านล่ะ” เด็กน้อยเสี่ยวจุ้นบอกชื่อแซ่ของตัวเองและถามกลับมาอย่างฉะฉาน ฟังแล้วไม่เหมือนเด็กน้อยบ้านป่าบ้านเขาเลยสักนิด “ข้าซุนหวาง และนี่เสี่ยวฟงเป็นคนของข้าเอง” “พี่ซุนหวาง พี่เสี่ยวฟง ข้าเรียกเช่นนี้ได้หรือไม่ขอรับ” “อืม..ได้สิเสี่ยวจุ้น เจ้าอยู่กับท่านพ่อและท่านแม่แค่นั้นหรือ” “อื้ม..อ่อ ขอรับ” “คิก ๆ เจ้าน่ารักจริง ๆ เลย ใกล้ถึงบ้านของเจ้าหรือยังล่ะ” เสี่ยวจุ้นกับซุนหวางทั้งเดินทั้งคุยกันไปอย่างถูกคอ “นั่นไงบ้านของข้า” “โอ้! นั่นบ้านหรือ ที่สร้างอยู่บนต้นไม้นั่นก็ด้วย เป็นบ้านจริง ๆ หรือ” ซุนหวางถามด้วยความประหลาดใจปนตื่นเต้น เพราะเขาไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน “พี่ซุนหวางชอบบ้านของข้าหรือไม่ขอรับ” เด็กน้อยถามอย่างอยากรู้และตื่นเต้นเช่นกันที่มีคนชอบบ้านของตนเอง “ชอบสิชอบมากด้วย สร้างบ้านบนต้นไม้ได้อย่างไรกันนะ” “ท่านพ่อของข้าเก่งใช่ไหมล่ะ” “อืม..” ซุนหวางเห็นด้วย หากว่าพ่อของเด็กน้อยคนนี้เป็นผู้สร้างบ้านบนต้นไม้จริง เขาก็นับว่าเป็นผู้ที่มีฝีมือยอดเยี่ยมมากเลยทีเดียว “เสี่ยวจุ้นนั่นเจ้าพาใครมาน่ะ พ่อเคยบอกแล้วไม่ใช่หรือว่าห้ามพาใครมาที่นี่เป็นอันขาด” หนานตงเอ่ยถามบุตรชายเสียงดัง ทำให้ผู้ที่มาด้วยถึงกับสะดุ้งไปตาม ๆ กัน “ทะ..ท่านพ่อ พี่ชายทั้งสองหลงเข้ามาเองนะขอรับ ข้าไม่ได้ตั้งใจพาเข้ามา” เสี่ยวจุ้นกล่าวแก้ตัวเพราะเห็นว่าบิดาโกรธแล้วแน่ ๆ “มาทางไหนก็กลับไปทางนั้นเลย แล้วอย่าได้หวนกลับมาที่นี่อีก และให้ลืมไปซะว่าพวกเจ้าได้พบเห็นสิ่งใด ไม่เช่นนั้นละก็.. เข้าบ้านได้แล้วเสี่ยวจุ้น!” หนานตงทิ้งท้ายไว้ด้วยคำขู่ก่อนจะเรียกบุตรชายเข้าบ้าน ด้วยน้ำเสียงที่ดังขึ้นกว่าเดิม “อัก อ๊าาาา ทะ..ท่านพี่” แล้วจู่ ๆ พวกเขาก็ได้ยินเสียงคนร้องด้วยความเจ็บปวดอยู่ในบ้านอีกหลังที่ไม่ใช่บ้านต้นไม้ “อาจิน/ท่านแม่” สองพ่อลูกตะโกนขึ้นพร้อมกันแล้วก็รีบวิ่งเข้าไปในบ้านหลังนั้นทันที “เสี่ยวฟงเราเข้าไปดูกันเถอะ เผื่อจะช่วยอะไรได้บ้างยาของเราเราก็มี” “จะดีหรือขอรับคุณชาย คนผู้นั้นเขาไล่เราแล้วนะขอรับ อีกไม่นานก็จะค่ำแล้ว เราจะกลับอย่างไรขอรับ” ซุนหวางไม่ได้ฟังเสียงทัดทานของเสี่ยวฟงแม้แต่น้อย ในใจของเขาพะวงอยู่กับคนเจ็บที่ร้องโอดโอยอยู่ในบ้านมากกว่าที่จะกลัวคำขู่ของบุรุษผู้นั้น พอซุนหวางเข้ามาถึงก็เห็นบุรุษอีกคนรูปร่างบอบบางนอนคุดคู้มือก็กุมท้องเอาไว้ด้วยความเจ็บปวดอยู่บนเตียงตั่งภายในห้องโถงของบ้าน ทั้งยังมีเลือดไหลซึมออกมาเปรอะเปื้อนชุดที่สวมใส่อยู่ “อาจิน! อาจิน! เป็นอย่างไรบ้างอดทนเอาไว้นะ ข้าจะไปต้มน้ำร้อนก่อน” หนานตงบอกกับภรรยา ถึงแม้จะเห็นภรรยาเจ็บปวดเช่นนี้จนชินตาแต่เขาก็ทำใจให้สงบไม่ได้เสียที จนลืมไปว่ามีคนนอกเข้ามาอยู่ในบ้านด้วย “อือ..ท่านพี่ข้าปวดเหลือเกิน ฮึก ฮึก” “ท่านแม่เจ็บมากไหมขอรับ อดทนไว้นะขอรับเดี๋ยวท่านพ่อก็มา” ช่างเป็นครอบครัวที่ประหลาดจริง คำเรียกของเด็กน้อยสร้างความฉงนให้กับซุนหวางและเสี่ยวฟงยิ่งนัก ดูก็รู้ว่าคนเจ็บนั้นเป็นบุรุษแต่เหตุไฉนเสี่ยวจุ้นถึงเรียกว่ามารดา แต่ก็คงจะเป็นไปได้ที่พวกเขาอาจจะรับเสี่ยวจุ้นมาเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม ยิ่งอาการเช่นนี้มันดูคุ้นเคยไม่น้อย คิดได้อย่างนั้นซุนหวางจึงรีบเดินเข้าไปหา แค่เพียงได้กลิ่นเลือดเขาก็มั่นใจเต็มสิบส่วนว่าเป็นเลือดของรอบเดือนแน่นอน “นี่มัน..” ก่อนที่มือของซุนหวางจะถึงตัวคนที่นอนเจ็บอยู่ พรึ่บ! ขวับ! “หยุดมือของเจ้าเดี๋ยวนี้! หากไม่อยากทิ้งร่างที่ไร้วิญญาณอยู่ที่นี่” หนานตงชักดาบออกมาจากฝักแล้วจ่อเอาไว้ที่ต้นคอของซุนหวางทันที “ยะ..อย่านะขอรับ! คุณชายของข้าไม่ได้ตั้งใจแค่อยากจะช่วยเท่านั้น” เสี่ยวฟงวิ่งเข้าไปกอดร่างของเจ้านายเอาไว้ ด้วยความกลัวว่าบุรุษผู้นี้จะพลั้งเผลอลงมือไปจริง ๆ “ช่วยอะไร พวกเจ้าช่วยไม่ได้หรอกไปให้พ้น” ขนาดเขาเป็นหมอเขายังช่วยภรรยาไม่ได้เลย แล้วเด็กนี่เป็นใคร? อีกอย่างความลับของภรรยาจะต้องไม่ให้ใครรู้ “ข้าช่วยได้จริง ๆ นะ” ซุนหวางบอกไปอย่างใจเย็น เพราะเขามั่นใจว่าบุรุษที่นอนเจ็บอยู่เป็นเหมือนเขาแน่นอน กลิ่นเลือดนั่นมันไม่เหมือนกลิ่นเลือดทั่วไปมันคือเลือดต้องสาป “ช่วยหรือ เจ้าเป็นหมอหรืออย่างไร” “ท่านมีสมุนไพรพวกนี้หรือไม่” ซุนหวางร่ายรายชื่อของสมุนไพรที่เขาต้องการให้กับบุรุษผู้อารมณ์ร้อนฟังอย่างใจเย็นเช่นเคย “ข้าคิดว่ามี..รอสักครู่ เจ้ามั่นใจใช่ไหมว่ามันได้ผล” “ขอรับ ข้ามั่นใจ” “พี่ซุนหวาง จะช่วยท่านแม่ของข้าได้จริงหรือขอรับ” เสี่ยวจุ้นถามทั้งอดที่จะดีใจไม่ได้ เพราะท่านแม่เจ็บปวดอยู่ย่างนี้มาตลอดตั้งแต่เขาจำความได้ ท่านพ่อก็พยายามหาวิธีปรุงยาหลายขนานแล้วแต่ก็ไม่ได้ผลเลย “แน่นอน ข้าช่วยได้แน่นอนเสี่ยวจุ้นวางใจเถิดนะ ต่อไปท่านแม่ของเสี่ยวจุ้นจะไม่เจ็บปวดอีกต่อไปแล้ว” “ข้าเชื่อขอรับ” เสี่ยวจุ้นตอบรับด้วยรอยยิ้มที่เต็มเปี่ยมบนใบหน้า ไม่นานนักหนานตงก็มาพร้อมกับสมุนไพรครบถ้วน “สมุนไพรตามที่เจ้าต้องการได้ครบหมดแล้ว หากภรรยาของข้าไม่หายอย่างที่เจ้าว่าข้าจะบั่นคอเจ้าทิ้งเสีย” หนานตงสำทับด้วยการขู่อีกครั้ง “ข้าขอเวลาสักครึ่งชั่วยาม ท่านคงมีอุปกรณ์ที่ใช้บดยาใช่หรือไม่” “อืม..ใช้ห้องปรุงยาของข้าได้ เสี่ยวจุ้นพาเขาไป” หนานตงสั่งบุตรชายก่อนจะเข้าไปหาภรรยาที่กำลังกัดฟันเพื่อสะกดกลั้นความเจ็บปวดที่ยังไม่บรรเทาลงเลย เหงื่อเป็นเม็ด ๆ ก็เริ่มผุดขึ้นมาเต็มใบหน้า เขาได้แต่คอยเช็ดเหงื่อและประคบน้ำร้อนที่ท้องน้อยให้ภรรยา ถุงน้ำร้อนที่ถูกส่งมาก็เป็นหนุ่มน้อยอีกคนที่นำมาให้จากในครัว ‘นี่พวกเขาวุ่นวายกับบ้านข้าเกินไปหรือไม่’ หนานตงได้แต่คิด ตอนนี้เขาไม่เหลืออารมณ์ที่จะต่อว่าและขู่เข็ญใครอีกแล้ว หลังจากถูกบิดาสั่ง เสี่ยวจุ้นก็พาซุนหวางไปยังห้องปรุงยาอย่างคนรู้งาน หากช้ากว่านี้เขาเกรงว่าบิดาจะเปลี่ยนใจ ครึ่งชั่วยามดังที่ซุนหวางบอกไว้ เด็กหนุ่มก็เดินออกมาจากห้องปรุงยาและพร้อมที่จะป้อนยาให้กับคนเจ็บ “เดี๋ยว..มันคือยาอะไร บอกไว้ก่อนแค่ยาแก้ปวดธรรมดา เขาไม่หายหรอกนะ” หนานตงยังคงไม่วางใจให้ภรรยาของตนได้ทดลองยา ที่เขาก็ไม่รู้ว่าเป็นยาอะไรกันแน่ “มันคือยาแก้ปวดรอบเดือน” ซุนหวางยังคงตอบด้วยท่าทีที่สงบ ต่างจากหนานตงที่ตกใจถึงกับผงะ ความลับของภรรยาที่เขาเก็บงำมันไว้อย่างดี เด็กหนุ่มคนนี้รู้ได้อย่างไร “เจ้าพูดเรื่องอะไรกันเจ้าบ้าไปแล้วหรือ บุรุษที่ไหนจะมีรอบเดือน” หนานตงยังคงไม่ยอมรับและพยายามจะปฏิเสธให้ถึงที่สุด “เช่นนั้น ท่านจะไม่ยอมให้ภรรยาของท่านกินยานี้ใช่ไหม หากท่านไม่รู้ข้าจะบอกให้ ยานี้เป็นยาเฉพาะใช้ได้ผลแค่อาการนี้เท่านั้น หากท่านไม่ยินยอมก็ไม่เป็นไร ข้ากับอาฟงจะกลับแล้วและสัญญาว่าจะไม่มาที่นี่อีก” เมื่อได้ยินเด็กหนุ่มพูดจาเด็ดขาดเช่นนั้นทั้งท่าทางก็ดูมั่นใจเกินกว่าจะเป็นคำโป้ปดมดเท็จ หนานตงก็อับจนไร้ซึ่งหนทางแล้ว จึงได้แต่ยอมรับให้ภรรยากินยาแต่โดยดี แค่เพียงหนึ่งเค่อตัวยาก็ช่างออกฤทธิ์ได้เร็วเหลือเกิน ภรรยาที่นอนคุดคู้กุมท้องด้วยความเจ็บปวดอยู่นั้นเพียงไม่นานอาการก็เริ่มดีขึ้นจนเกือบจะเป็นปกติ “ท่านแม่/อาจิน” สองพ่อลูกเรียกขานคนที่ตนรักพร้อมกันอีกครั้ง “อาจินเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง หายดีแล้วใช่ไหม” “อืม..ข้าคิดว่าหายดีแล้วท่านพี่ ขอบคุณคุณชายที่ช่วยข้า” “ไม่เป็นไรขอรับข้าเต็มใจ ท่านหายเจ็บก็ดีแล้วพวกข้าจะได้กลับเสียที” “จะกลับได้อย่างไรข้างนอกก็เริ่มจะมืดแล้ว อันตรายมากนักได้โปรดพักอยู่กับเราที่นี่สักคืนเถิด” ลั่วจิน ได้รั้งพวกเขาเอาไว้ เพราะรู้สึกถูกชะตากับหนุ่มน้อยสองคนนี้เหลือเกิน “จินจิน...” “ท่านพี่มีปัญหาหรือ” “โอ้..ไม่เลย แล้วแต่ภรรยาเถิด” ‘ที่ข้ายอมเพราะกลัวว่าเจ้าจะเจ็บปวดอีกครั้งหรอกนะ ฮึ’
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม