หยกพกกับผ้าผูกผม

2481 คำ
ครืดดดด “อ๊ะ..ทะ..ท่านแม่ทัพ” หมับ!! อื้อ… อื้อ... อี้อ… “เสี่ยวฟงเงียบก่อน หากเจ้าเงียบข้าจะปล่อยมือและห้ามส่งเสียงดังเป็นอันขาด เข้าใจหรือไม่” อื้อ อื้อ เสี่ยวฟงทั้งผงกหัวทั้งส่งเสียงอู้อี้ เพราะว่าโดนมือใหญ่ปิดปากอยู่และยังถูกกระชากลากถูออกมาถึงนอกเรือน จากนั้นคนข้างหลังก็ปล่อยมือ ฟังเสียงแล้วรู้สึกคุ้นหูพิกล “เป็นท่านเหวินเจี๋ยหรือว่าท่านเหว่ยเจี๋ยขอรับคราวนี้” เขาไม่รู้หรอกว่าสองคนที่ว่าเป็นคนเดียวกันหรือไม่ หากว่าเป็นคนเดียวกันแล้วจะกลั่นแกล้งเขาไปทำไมไม่ได้รู้สึกตลกด้วยสักนิด “แล้วเจ้าคิดว่าใครล่ะ” ‘เฮอะ! ใครจะไปรู้ หากบอกว่าเป็นเหวินเขาคงจะบอกว่าเป็นเหว่ยกระมัง’ เสี่ยวฟงคิดว่ามันต้องเป็นเช่นนี้แน่ ๆ “ข้าไม่รู้หรอกขอรับ ว่าแต่ท่านลากข้าออกมาทำไม แล้วเหตุใดท่านแม่ทัพถึงได้ไปอยู่ในห้องของคุณชายของข้าละขอรับ อีกทั้งยังนอนอยู่บนเตียงด้วยกัน...” ท่านแม่ทัพรังแกคุณชายของอาฟงไปแล้วหรือทำไมท่านแม่ทัพถึงเป็นคนเช่นนี้ไปได้ เสียแรงที่อาฟงคนนี้ไว้ใจนักหนา “เสี่ยวฟงเจ้าอย่าเพิ่งโวยวายไปสิ มันอาจจะไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิดก็ได้ ท่านแม่ทัพไม่มีทางหักหานน้ำใจใครเป็นแน่” “ท่านจะบอกข้าว่าคุณชายของข้าสมยอมเช่นนั้นหรือ” เสี่ยวฟงขึ้นเสียง ยิ่งฟังก็เหมือนว่าบุรุษผู้นี้พูดจาไม่เข้าหูเสียอย่างนั้น “ไม่ใช่เสียหน่อย พวกเขาคงยังไม่ถึงขั้นนั้นกันหรอก แต่ที่แน่ ๆ ท่านแม่ทัพรักคุณชายของเจ้าจริง ๆ เชื่อข้าเถอะ” “แต่ว่าคุณชายของข้าเป็นบุรุษ จะมีใครที่ไหนกล้ารักบุรุษด้วยกันอย่างจริงใจบ้าง ข้ายังไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย” “เจ้าไม่เคยได้ยินก็ใช่ว่าจะไม่เคยมี เชื่อข้าเถอะท่านแม่ทัพไม่ใช่คนเช่นนั้นหรอก” “อืม..ข้าเชื่อท่านเจี๋ยก็ได้” “ฮ่า ๆ ๆ ๆ ฟงน้อยนี่เจ้ากลัวเรียกชื่อข้าผิดขนาดนั้นเลยหรือ ถึงได้เรียกแค่เจี๋ยน่ะ” “แล้วมันจริงไหมล่ะขอรับ คราวก่อนข้าก็หลงคิดว่าท่านคงจะเป็นท่านเหวินเจี๋ย แต่ก็ไม่ใช่นี่ขอรับ” “มองข้าใหม่สิแล้วก็จำไว้ให้ดี สีผิวของข้าเหมือนเหวินเจี๋ยหรือไม่” เมื่อบุรุษที่ยืนอยู่ข้างหน้าของเสี่ยวฟงพูดจบ เสี่ยวฟงจึงได้เพ่งพิศและมองใหม่อีกครั้ง จะดูอีกกี่ทีก็คือท่านเหวินเจี๋ยนั่นแหละ “ก็เหมือน ๆ กันไม่เห็นมีอะไรผิดแปลกตรงไหน ก็แค่ท่านคล้ำขึ้นอาจจะเป็นเพราะขี่ม้าตากแดดมากไปใช่ไหมล่ะ” “นั่นแหละที่แตกต่าง ข้าชื่อเหว่ยเจี๋ย จงเหว่ยเจี๋ยเป็นแฝดผู้พี่ของจงเหวินเจี๋ย อย่าจำผิดอีกล่ะ” “เอ๋..เป็นอย่างนั้นเองหรือขอรับ พวกท่านเป็นแฝดกันจริงหรือแฮะ ๆ วันนั้นข้าคิดว่าท่านแกล้งล้อข้าเล่นเสียอีก” เสี่ยวฟง ยอมรับความจริงด้วยอาการขวยเขินที่หลงเข้าใจผิดมาตั้งนาน “นี่ตัวเล็ก ดู ๆ ไปเจ้าก็ตลกดีนะ หึ ๆ ตอนนี้ข้าคิดว่าเจ้าควรไปทำอาหารเช้าไว้รอคุณชายหวางกับท่านแม่ทัพจะดีกว่าไหม อย่าลืมของบำรุงให้ท่านแม่ทัพด้วยล่ะฟงน้อย” เมื่อทิ้งความสงสัยไว้ให้กับเสี่ยวฟงแล้วเหว่ยเจี๋ยก็เดินหายไปอย่างสบายอารมณ์ หนุ่มน้อยคนนี้ ก็กลั่นแกล้งได้สนุกดีเหมือนกันนะ หึ ๆ ๆ “ท่าน..ไหนบอกว่า..” ‘ไหนบอกว่าท่านแม่ทัพจะไม่รังแกคุณชายของข้าอย่างไรล่ะแล้วจะเอาของบำรุงไปทำไม โธ่..คุณชายของอาฟงไม่น่าเลย’ เสี่ยวฟงได้แต่โอดครวญอยู่ในโรงครัวคนเดียว แม้แต่อาหารของท่านแม่ทัพ เขาก็ไม่คิดอยากจะทำให้ด้วยซ้ำ แต่ก็ต้องจำใจและฝืนทำเพราะเห็นแก่คุณชายของอาฟงหรอกนะ “ซุนหวาง เจ้านอนนานเกินไปหรือไม่” “อือออ..เสี่ยวฟงข้ายังไม่อยากตื่น” อากาศยามเช้ากำลังเย็นสบายทำให้ซุนหวางไม่อยากจะลุกไปไหนเลย ทั้งความอบอุ่นที่เขากำลังซุกไซร้อยู่นี่อีก ที่นอนหนาก็อุ่นดีเหลือเกินมันทำให้นอนหลับสบายเกินไปแล้ว “หึ ๆ ๆ ข้าควรจะปลุกเจ้าแบบไหนดีนะขี้เซาน้อย” มือหนาลูบไล้ไปเรื่อย ๆ หวังจะปลุกคนงามให้ตื่นเสียที แต่ยิ่งไล้นิ้วไปที่ใดกลับเป็นตัวของเขาเองที่จะทนต่อไปไม่ไหว ก็รู้ ๆ กันอยู่ว่ายามเช้าแบบนี้ตัวเขาก็ยิ่งมีความรู้สึกที่ไวและตื่นตัวอยู่แล้ว จะปลุกคนงามที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยหรือจะปลุกตัวเองกันแน่ ชิวหานจึงได้หยุดและสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อจะได้ผ่อนคลายความเครียดเกร็งที่กำลังก่อตัว ซุนหวางรู้สึกตัวตั้งแต่โดนมือหนาลูบไล้ไปที่สะโพกแล้ว แต่ก็ไม่กล้าขยับเพราะตอนนี้ตัวเขากำลังซุกอยู่ในอ้อมกอดของท่านแม่ทัพและถูกแขนแกร่งโอบรัดอย่างแนบแน่นเสียด้วยสิ ไหนบอกว่าจะไปตอนที่เขาหลับแล้วล่ะแล้วทำไมยังอยู่ที่นี่อีก “ตื่นแล้วหรือ” “ขอรับ ทำไม เอ่อ...” “ข้านอนข้างนอกไม่ได้ยุงมันเยอะ จะให้นอนเตียงตั่งมันก็แข็งเกินไปทำให้ปวดหลัง ข้าเลยมาขอนอนกับเจ้าไม่ได้หรือ” “แต่...” “อดทนหน่อยนะ ไว้ข้าสร้างกำแพงเสร็จและต่อเติมห้องเพิ่มให้เรียบร้อยไหนจะซ่อมแซมหน้าต่างนี่อีก เสร็จเมื่อใดข้าก็จะกลับเข้าค่ายแล้ว ให้ข้าพักอยู่ด้วยนะ..ในห้องนี้ ข้าจะไม่ทำอะไรเจ้าสัญญาด้วยเกียรติของทหารเลย แต่ขอแค่จูบได้ใช่ไหม” ชิวหานพอได้คืบแล้วก็จะเอาศอกคนผู้นี้นี่ยังไงกัน “.........” ซุนหวางยังคงเงียบ ยิ่งได้ยินสิ่งที่แม่ทัพชิวขอเขาก็ยิ่งมุดเข้าจนจมมิดอกหนาไปอีก เพราะไม่รู้จะพูดยังไงปากมันก็เอ่ยอะไรไม่ออกจึงได้แต่สงบนิ่งก็มันคิดไม่ออกว่าจะจัดการกับความรู้สึกของตัวเองอย่างไรดี “เงียบเช่นนี้หมายความว่าเจ้าอนุญาตข้าแล้วนะ ข้าสัญญาจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นจนกว่าเจ้าจะพร้อม ซุนหวาง” จุ๊บ... “ลุกขึ้นได้แล้วขี้เซาน้อย ไว้คืนนี้เถอะค่อยมาซุกใหม่ อกอุ่น ๆ ของข้าไม่หายไปไหนหรอก เร็วเข้าเสี่ยวฟงมาตามหลายรอบแล้วนะ” “สะ..เสี่ยวฟงหรือขอรับ แล้วทำไมท่านไม่ปลุกข้าให้เร็วกว่านี้” ซุนหวางถามด้วยความตกใจ แล้วเสี่ยวฟงจะว่าอย่างไรบ้างที่เห็นท่านแม่ทัพมานอนอยู่ที่นี่ ฮ่า ๆ ๆ ๆ “ซุนหวางข้าปลุกเจ้าตั้งนานแล้วแต่เจ้าไม่ยอมตื่นเองต่างหาก เห็นไหมข้าเคยบอกเจ้าแล้ว หากข้าไม่อยู่เจ้าอาจจะคิดถึงข้าก็ได้ ข้าจะทำให้เจ้าคุ้นชินที่มีข้าอยู่ข้างกาย” “..........” ‘จะมีแต่ตัวข้าที่คิดถึงท่านอย่างนั้นหรือท่านแม่ทัพ แล้วท่านจะคิดถึงข้าบ้างหรือไม่’ ซุนหวางอยากจะถามออกไปแบบนี้บ้างแต่ก็ได้เพียงรำพึงอยู่ภายในหัวใจดวงน้อยเท่านั้น “คุณชายมาแล้ว มานั่งนี่เลยขอรับ ตื่นสายขนาดนี้ท่านต้องหิวมากแน่ ๆ เช้านี้ข้าทำโจ๊กไก่ฉีกให้ ทหารพากันขึ้นเขาและได้ไก่ป่ามาตั้งหลายตัวแน่ะ ส่วนของท่านแม่ทัพเป็นไก่ตุ๋นสมุนไพรขอรับ” เมื่อทั้งสองมาถึงโต๊ะอาหารเสี่ยวฟงก็สาธยายรายการอาหารเช้าให้กับเจ้านายอย่างมีความสุข จนกระทั่งถึงรายการอาหารของท่านแม่ทัพ เสี่ยวฟงกลับกดเสียงหนัก ๆ ลงไปฟังดูแล้วมันฝืน ๆ ชอบกล “แล้วทำไมของข้าต้องแตกต่างจากคนอื่นด้วยล่ะ” “ก็ท่านเหว่ยเจี๋ยเป็นคนบอกว่าท่านแม่ทัพจำเป็นต้องกินของบำรุงร่างกายนี่ขอรับ” เสี่ยวฟงตอบไปอย่างกระแทกกระทั้น สมควรแล้วหรือที่เขาจะต้องเอาใจใส่คนผู้นี้ ฮึ..มารังแกคุณชายของเขาได้ยังไง หึ ๆ ๆ ชิวหานอดขำกับการกระทำของบ่าวตัวน้อยไม่ได้ คงจะโดนเหว่ยเจี๋ยหลอกเข้าแล้วละสิ แม้อาหารเช้าจะไม่เหมือนใครแต่ชิวหานก็ยังกินไก่ตุ๋นจนหมดทั้งตัวแม้แต่น้ำแกงก็ไม่เหลือไว้ให้ใครได้กินด้วย ฝีมือทำอาหารของเสี่ยวฟงนับว่าใช้ได้อย่างที่เหวินเจี๋ยชมแล้วชมอีก หลังจากที่ได้กินโจ๊กในวันนั้น “ท่านแม่ทัพ วันนี้ข้าอยากจะไปขอบคุณท่านลุงเหอได้ไหมขอรับ” เมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทางดีแล้วซุนหวางก็อยากจะไปเยี่ยมเยือนและขอบคุณท่านลุงเหอบ้าง แต่ก็ยังอดประหลาดใจไม่ได้ที่ทุกอย่างมันดูเข้าที่เข้าทางรวดเร็วเหลือเกิน คงเป็นเพราะทหารที่มาด้วยกระมังที่ช่วยกันจัดการงานต่าง ๆให้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นสวนหลังบ้านและพื้นที่บางส่วนก็ได้กลายเป็นคอกม้าไปแล้ว แปลงผักที่ถูกขึ้นแปลงไว้อย่างสวยงาม บ่อน้ำและบริเวณรอบ ๆ บ้านก็เช่นกัน แม้แต่ศาลานั่งพักผ่อนถึงจะเป็นเพียงงานแบบหยาบ ๆ แต่มันก็ดูสวยมากมองแล้วสบายตาด้วยแบบที่เรียบง่าย นี่พวกเขาเป็นทหารหรือเป็นช่างไม้กันแน่ถึงได้ทำงานพวกนี้สำเร็จเพียงแค่ข้ามคืน จะว่าไปแล้วบริเวณบ้านหลังนี้ก็ดูจะกว้างขวางเกินไป หากเหล่าทหารกลับไปที่ค่ายแล้วคงจะเหลือเขากับอาฟงแค่สองคน มันคงจะเงียบเหงาน่าดูเพราะเขาเริ่มจะเคยชินกับเสียงดังโหวกเหวกของเหล่าทหารแล้ว ตอนกลางคืนพวกเขาก็จะก่อไฟกองใหญ่และเล่าเรื่องตลกสู่กันฟังเหมือนตอนที่เดินทางมาไม่มีผิด “ได้สิ ไว้รอข้าพาไปก็แล้วกัน” “ตอนนี้ไม่ได้หรือขอรับ” “ไม่ได้” “ทำไมขอรับ ก็มันไม่มีอะไรจะทำแล้วทำไมถึงยังไปไม่ได้ล่ะ” “ง่วงนอน มาเถอะ..มานอนเป็นเพื่อนข้าหน่อยสิ เมื่อคืนข้ายังนอนเป็นเพื่อนเจ้าเลยนะ” “ไม่..ไม่ขอรับ ท่านนอนไปเลย พร้อมจะไปเมื่อไหร่ก็เรียกข้านะขอรับ” ซุนหวางบอกกับเขาแล้วก็ก้าวเท้าฉับ ๆ เข้าบ้านทันที ‘ยังจะมาพูดอีกคนบ้านี่ ฮื่อออ..และอาการร้อน ๆ ที่ใบหน้าของข้าเมื่อไหร่มันจะหายเสียทีนะ’ “สบายอารมณ์จริงนะ ไหนว่าจะรอให้เขาพร้อมก่อนแต่เจ้ากลับไปนอนในห้องกับเขาเสียแล้ว ไอ้แม่ทัพเจ้าเล่ห์” “ตวนหยางข้าแค่นอนไม่ได้ทำอย่างอื่นเสียหน่อย เจ้าอย่าพูดมากน่า” “ให้มันจริงเถอะ คงจะมีสักวันไม่วันใดก็วันหนึ่งนั่นแหละที่คนงามจะหลงเล่ห์กลของเจ้า” “หากถึงวันนั้นเมื่อใดข้าก็ยังมั่นใจว่าจะยังรักเขาเช่นเดิม อาจจะมากขึ้นเสียด้วยซ้ำ” ตลอดทั้งวันซุนหวางก็ไม่ได้ไปเยี่ยมท่านลุงเหอเลย พอจะไปกับเสี่ยวฟงท่านแม่ทัพก็ไม่ให้ไปแต่ซุนหวางก็ไม่ได้เซ้าซี้อะไร วันหลังก็ยังมีอีกถมเถไป “มานี่สิซุนหวาง ไม่โกรธข้าใช่หรือไม่ที่ข้าไม่ได้พาไปหาลุงเหอ” ตอนนี้พวกเขาสองคนอยู่ในห้องเดียวกันเหมือนคู่สามีภรรยาไม่มีผิด ชิวหานนั่งลงที่ขอบเตียงก่อนจะเรียกคนตัวเล็กให้เข้ามาหา “ไม่ขอรับข้าไม่ได้โกรธ” ซุนหวางตอบก่อนจะเดินเข้าไปหาตามคำเรียกของแม่ทัพชิวหาน หมับ! อ้อมแขนของคนตัวโตโอบกอดเข้าที่รอบเอวบาง แม้ซุนหวางคิดจะถอยหนีแต่ก็ไม่ทัน แล้วมือทั้งสองก็ขยุกขยิกอยู่ที่ผ้ารัดเอวของเขา ซุนหวางตื่นตกใจจึงรีบขืนตัวและพยายามแกะมือ ใหญ่นั่นออก ไหนว่าจะรอให้เขาพร้อมอย่างไรล่ะแล้วนี่อะไรกัน “ซุนหวางอยู่นิ่ง ๆ ข้าไม่ได้คิดจะทำอย่างนั้นเสียหน่อย” เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยชิวหานจึงดันร่างบางให้ถอยออกไปเล็กน้อย “ชอบหรือไม่” แม่ทัพหนุ่มถามพลางส่งสายตาให้ซุนหวาง มองตาม แล้วก็เจอหยกชิ้นหนึ่งที่ถูกห้อยเอาไว้กับสายรัดเอวอย่างดี ที่ทำขยุกขยิกที่แท้ก็เพราะห้อยหยกนี่ให้เขาหรอกหรือ “หยกพกของท่านแม่ทัพนี่เอามาให้ข้าทำไมขอรับ มันมีความสำคัญต่อท่านมากไม่ใช่หรือ” ใคร ๆ ก็รู้หยกพกเป็นสมบัติประจำตัวชิ้นแรกสำหรับบุรุษของสำคัญเช่นนี้เอามาให้เขาทำไมกัน “ก็เพราะว่ามันสำคัญนะสิถึงได้มอบให้กับเจ้า แม้นว่าเรา ไกลห่างแค่มีหยกพกอันนี้ก็เหมือนมีข้าอยู่เคียงข้างเจ้าตลอดเวลา พกติดตัวไว้อย่าให้ห่างกายเป็นอันขาด เข้าใจหรือไม่ซุนหวาง” “เข้าใจแล้วขอรับ” เมื่อท่านแม่พูดมาแบบนี้เขาก็ได้แต่รับเอาไว้ด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย หัวใจดวงน้อยของเขามันเต้นแรงอีกแล้ว พรึ่บ! “อ่ะ..ท่านแม่ทัพ จะทำอะไรขอรับ” ผมที่ถูกมัดรวบไว้อย่างดิบดี ได้ทิ้งตัวลงกระจายเต็มแผ่นหลังบางทันทีเมื่อผ้าผูกผมถูกดึงออกมา ความหอมและสัมผัสที่นุ่มลื่นของเส้นผมทำให้แม่ทัพหนุ่มจำต้องหยุดชะงัก และเผลอสูดดมกลิ่นหอมละมุนเข้าไปจนเต็มปอด “ผ้าผูกผมเส้นนี้ข้าขอแลกกับหยกพกอันนั้น เห็นไหมเจ้ามีแต่ได้กับได้ หยกพกมีราคามากกว่าเป็นไหน ๆ” “ข้าไม่ได้อยากจะแลกเสียหน่อย” ทำเองแลกเองหมดเลย แล้วยังจะมาพูดอีก ฮึ! หึ ๆ ๆ แม่ทัพหนุ่มขบขันกับเสียงบ่นเล็ก ๆ ของคนงาม มันน่าเอ็นดูเสียจนเขาอยากให้ซุนหวางบ่นให้แบบนี้ไปตลอดชีวิตที่เหลืออยู่เลยทีเดียว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม