ปัจจุบัน...
เดินทางไม่นาน..ไม่ถึงสองชั่วยามด้วยซ้ำ พวกเขาก็ได้เข้าสู่อาณาเขตของหมู่บ้านตีนเขา แต่การมาของเหล่าทหารจำนวนนับร้อยมันไม่ปกติสำหรับชาวบ้านตีนเขาที่แทบจะไม่มีใครเข้ามาเยี่ยมเยือนเลย แล้วคราวนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เหตุใดถึงมีทหารมามากมายเช่นนี้หรือจะมีเหตุร้ายที่ชายแดน ชาวบ้านหลายคนต่างก็สงสัยและพากันวิ่งออกมาดูด้วยความอยากรู้ บ้างก็พากันวิ่งหนีด้วยความหวาดกลัว
“ท่านพี่เกิดอะไรขึ้นเจ้าคะ ทำไมทหารถึงได้มากันมากมายขนาดนี้ ท่านไปทำสิ่งใดผิดมาหรือไม่” ฮูหยินเหอที่นับวันเฝ้ารอสามีและบุตรชายกลับมาจากเมืองหลวง ได้ถามไถ่กับสามีที่เข้ามาถึงหมู่บ้านก่อน แล้วนางก็เห็นคนกลุ่มใหญ่ควบม้าตามมาแต่ไกลและเข้ามาเกือบจะถึงหมู่บ้านอยู่แล้วพวกเขาก็พากันหยุดเสียก่อน แต่นางก็พอจะมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าคนกลุ่มนั้นเป็นทหารของกองทัพหลวงอย่างแน่นอน ด้วยเครื่องแบบที่พวกเขาสวมใส่และม้าศึกเหล่านั้นนั่นเอง
“ใจเย็น ๆ ก่อนเถิดฮูหยิน พวกเขาแค่มาส่งคนเท่านั้นเอง อย่าได้โวยวายไป ท่านแม่ทัพก็เดินทางมาด้วย”
“แม่ทัพ..ท่านแม่ทัพแห่งค่ายหน้าด่านน่ะหรือ แล้วท่านแม่ทัพมาส่งใครล่ะเจ้าคะ”
ยังไม่ทันที่เหอชวนจะได้ตอบฮูหยินของตน ก็มีเสียงหนึ่งขัดขึ้นเสียก่อน
“ผู้ใหญ่บ้านเหอ”
“ขอรับท่านแม่ทัพ” เหอชวนสะดุ้งโหยงจนสุดตัวที่ท่านแม่ทัพเข้ามาโดยไม่ให้สุ้มให้เสียง
“ท่านเคยบอกเอาไว้ว่ามีบ้านที่ต้องการจะขายมันอยู่ไหนหรือ” ฮึ..บ้านที่จะขายหรือ..ในหมู่บ้านตีนเขาเช่นนี้ใครจะอยากมาซื้อกัน ป่านนี้ไม่ทรุดโทรมไปหมดแล้วหรืออย่างไร เขาก็ถามท่านลุงเหอไปอย่างนั้น ในใจก็ภาวนาให้มันผุพังจนไม่อาจจะอยู่ได้เลยเถอะ
“อยู่ท้ายหมู่บ้านขอรับ”
“อืม..นำทางไป ซุนหวางไม่ต้องลงมาหรอกนะ.. ตวนหยาง มาขับรถม้า” กล่าวกับลุงเหอเสร็จเขาก็บอกคนงามอย่างนุ่มนวล แต่กลับใช้เสียงเด็ดขาดกับสหายรัก จนคนฟังรู้สึกคันยุบยิบในใจขึ้นมาทีเดียว
“ขอรับท่านแม่ทัพ ตอนนี้จากกุนซือที่เก่งกาจอย่างข้า ได้ผันตัวมาเป็นคนขับรถม้าเสียแล้ว ชิวหาน! ไอ้พวกนั้นก็ว่างทำไมเจ้าไม่ใช้พวกเขาหือ” ตวนหยางที่รู้ตัวว่ากำลังถูกกลั่นแกล้ง ได้แต่ส่งเสียงลอดไรฟันให้กับสหายรัก
“แล้วข้าจะช่วยขอเงินคืนจากท่านหมอปิง ให้ก็แล้วกัน”
“ฮิฮิ แล้วแต่ท่านแม่ทัพจะบัญชาเลยขอรับ ข้ายินดี ข้ายินดี..”
“หึ ๆ ตวนหยางเจ้าคนกะล่อน”
เพียงครึ่งเค่อพวกเขาก็มาถึงท้ายหมู่บ้าน ที่มีบ้านอยู่หนึ่งหลัง ตั้งโดดเด่นห่างไกลจากบ้านหลังอื่นอยู่ไม่น้อย มันไม่ได้เล็กอย่างที่เขาคิดและก็ไม่ได้ทรุดโทรมเช่นกัน ดูบรรยากาศแล้วก็ไม่เลวนักเหมาะที่จะมีไว้เพื่อพักผ่อนทีเดียว
“ใช่บ้านหลังนี้หรือท่านผู้ใหญ่” ชิวหานมองเข้าไปข้างในอย่างพอใจ หากได้รั้วที่สูงกว่านี้ก็คงจะดีท่านแม่ทัพหนุ่มวางแผนอยู่ในใจว่ามีสิ่งใดที่เขาพอจะทำกับบ้านหลังนี้ได้บ้าง
“หลังนี้แหละขอรับท่านแม่ทัพ ภรรยาของข้ามาทำความสะอาดเป็นประจำ รับรองว่าคุณชายน้อยเข้าอยู่ได้เลยขอรับ เป็นบ้านของท่านหมอที่เคยอาศัยอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้ ราคาอาจจะแพงไปสักหน่อย ทั้งชาวบ้านที่นี่ต่างก็มีที่ทางและมีบ้านเป็นของตัวเองทั้งนั้นเลยไม่มีใครอยากจะได้ขอรับ”
“เท่าไหร่หรือ”
“ห้าสิบตำลึงทองขอรับ ของใช้ในครัวเรือนก็ยังคงมีอยู่ครบ ท่านแม่ทัพเห็นว่าอย่างไรขอรับ”
“ให้ซุนหวางมาดูก่อน..ซุนหวางลงมาเถอะ เจ้าชอบหรือไม่ หากไม่ชอบข้าจะพาเจ้ากลับเข้าเมืองหูเจียงเดี๋ยวนี้”
“ท่านแม่ทัพ” เพียงแค่เรียกขานท่านแม่ทัพ ร่างบอบบางที่กำลังก้าวลงจากรถม้า ก็ถูกแม่ทัพหนุ่มยกตัวลงมาเสียก่อนแล้ว
“เอ่อ..ให้ข้าลงเองก็ได้ ไม่ใช่เด็กน้อยเสียหน่อย” ซุนหวาง บอกเขาไป ทั้งอายก็อายที่คนผู้นี้ทำอะไรประเจิดประเจ้อต่อหน้าคนมากมาย
“รู้แล้วว่าไม่ใช่เด็ก” ชิวหานโน้มศีรษะลงกระซิบที่ข้างหูของคนตัวเล็ก ให้พอได้ยินเพียงแค่สองคน จนใบหูเล็กขึ้นสีแดงระเรื่อทันทีทันใด
“เข้าไปดูในบ้านกันเถิด” แล้วเขาก็เกาะกุมมือบางให้เดินไปพร้อมกัน
“ฮึ..ข้าถูกหมางเมินแล้ว..ใช่ข้ากำลังถูกหมางเมิน ข้าคงไม่ได้อิจฉาพวกเขาหรอกนะ อย่างข้าต้องอกเป็นอกสะโพกเป็นสะโพก ไม่มีทางที่ข้าจะชื่นชอบแบบแบนราบเรียบเช่นนี้หรอก”
“ท่านกุนซือตวนหยางบ่นอะไรหรือขอรับ” เสี่ยวฟงลงจากรถม้าทีหลังและยังได้ยินเสียงของกุนซือตวนหยางบ่นอุบอิบอยู่คนเดียวพอดี..ตลกดีแท้คนผู้นี้ ก่อนจะส่ายหัวแล้วเดินเข้าบ้านไป
“เห็นนั่นไหมแม้แต่บ่าวรับใช้ยังเมินข้า เฮอะ!”
ในบ้านหลังใหม่ที่ไม่ได้ใหม่เท่าใดนัก ท่านแม่ทัพชิวหานตัดสินใจแล้วว่าซื้อแน่ ๆ เพราะเห็นท่าทางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ของคนงาม ก็คาดเดาได้ทันทีว่าคงจะชอบบ้านหลังนี้มากเป็นแน่ ชิวหานเดินดูรอบ ๆ บ้านอย่างสบายอารมณ์ไม่ได้สนใจว่าใครกำลังขุ่นเคืองอยู่แม้แต่น้อย
“ท่านแม่ทัพ ปล่อยมือได้แล้วขอรับข้าไม่หลงทางหรอก”
“หึ ๆ ข้าอยากกุมมือของเจ้าเอาไว้นาน ๆ ไม่ได้หรือ พอข้าไม่อยู่แล้วเจ้าอาจจะคิดถึงข้าก็ได้”
“ทำไมข้าจะต้องคิดถึงท่านด้วยล่ะ”
“หากตอนนี้ยังไม่คิดถึง ข้าก็จะทำให้เจ้าคิดถึงและจดจำข้าแต่เพียงผู้เดียว”
เฮ้อ..ซุนหวางถอนหายใจอย่างอับจนหนทางเพราะอย่างไรเขาคนนี้ก็คงไม่ยอมปล่อยมือแน่ ๆ
การซื้อขายบ้านได้เสร็จสิ้นลงโดยซุนหวางขอจ่ายเงินเอง ชิวหานเห็นสีหน้าจริงจังและดื้อดึงของคนงามก็พาให้อ่อนใจ หาก อยากจะซื้อก็ซื้อไปแต่อย่างอื่นเขาจัดการให้ก็ได้
“ชิวหานเจ้าว่าอะไรนะ! จะก่อกำแพงขึ้นอีกหรือแค่นี้ยังสูงไม่พอหรือยังไง แล้วห้องอีกล่ะเจ้าจะสร้างเพิ่มทำไม พวกเขาอยู่กันแค่สองคนเองนะ มีแค่สองห้องก็เพียงพอแล้วหรือไม่” ตวนหยางไม่เข้าใจสหายเลยจริง ๆ บ้านแม้ไม่ต่อเติมอยู่กันแค่สองคนก็ใหญ่โตเกินไปด้วยซ้ำ กำแพงก็สูงท่วมหัวอยู่แล้วจะเอาสูงไปไหนอีก คราวนี้เขามั่นใจแล้วว่าสหายรักยอมทุ่มเทให้กับหนุ่มน้อยผู้นี้จริงแท้แน่นอน
“เผื่อข้ามาพักด้วยอย่างไรเล่า”
“โอ้ว..นี่เจ้าหมายมั่นว่าจะมาพักที่นี่เลยหรือ บอกท่านอาของเจ้าก่อนดีกว่าหรือไม่” อีกครั้งที่แม่ทัพชิวหานทำให้สหายของเขาประหลาดใจ
คืนแรกหลังจากที่เดินทางมายาวนานพวกเขาก็ได้นอนในบ้านจริง ๆ และที่ที่นอนจริง ๆ ไม่ใช่รถม้าอีกต่อไป...
“อาฟงไปนอนได้แล้วข้านอนคนเดียวได้ ที่นี่ยังดูปลอดภัยกว่าจวนตระกูลซุนเสียอีก ไปนอนเถิดเจ้าก็เหนื่อยมาไม่น้อย” ซุนหวางบอกกับเสี่ยวฟงที่ยังคอยวนเวียนอยู่ใกล้ ๆ ไม่ไปไหน เขามั่นใจว่าที่นี่ปลอดภัยกว่าที่ไหน ๆ จะไม่ปลอดภัยได้อย่างไร ดูรอบบ้านสิมีแต่ทหารกล้าเต็มไปหมด ยังดีที่อนาเขตของบ้านนั้นกว้างขวางมีพื้นที่มากมายให้ใช้สอย แม้พวกเขาจะตั้งกระโจมหลายหลังมันก็ยังคงเหลือพื้นที่อีกตั้งมากโข
“ขอรับคุณชาย”
ถึงจะรู้ว่าที่นี่ปลอดภัยแน่นอนแต่จริง ๆ แล้วเขาก็กลัวอยู่เหมือนกัน เพียงแค่ไม่อยากรบกวนอาฟงมากเกินไป ตลอดการเดินทางมีแต่อาฟงที่ทำให้เขาทุกอย่างไม่เคยคิดรังเกียจ แม้แต่รอบเดือนของเขาอาฟงก็จัดการให้เป็นอย่างดี
“ยังไม่นอนอีกหรือ”
“ท่านแม่ทัพ เข้ามาได้อย่างไรขอรับ” ซุนหวางเอ่ยถามขึ้นด้วยสีหน้าที่เรียบเฉยไม่หลงเหลืออาการตื่นตกใจอีกแล้วสำหรับคนผู้นี้ เพราะการกระทำของท่านแม่ทัพที่คิดจะทำอะไรก็ไม่เคยจะบอกกล่าวกันก่อน หลายครั้งต่อหลายครั้งเข้า..มันเลยทำให้เขาเกิดความเคยชินไปแล้ว
“หน้าต่างปิดไม่สนิท”
“มันปิดได้แค่นั้นขอรับ คงต้องให้ช่างมาทำให้ใหม่”
“อืม..ข้าแค่มาอยู่เป็นเพื่อนเจ้า”
“ข้าอยู่ได้ขอรับ ท่านแม่ทัพไปพักผ่อนเสียเถิดข้าอยู่ได้จริง ๆ”
“จนกว่าเจ้าจะหลับแล้วข้าจะไป หากอยากให้ข้าไปเจ้าก็ต้องนอนให้หลับโดยเร็ว”
“ขอรับ ข้านอนเดี๋ยวนี้แหละ ขู่จริง” ด้วยกลัวคำขู่หรือว่า ความเพลียที่สะสมจากการเดินทางก็ไม่ทราบได้ หรือว่าเป็นเพราะมีท่านแม่ทัพนั่งเฝ้าอยู่ใกล้ ๆ กันแน่ ซุนหวางจึงได้หลับใหลไปอย่างง่ายดาย
จุ๊บ...
“หลับฝันดีซุนหวาง” จุมพิตก็แล้วลูบไล้ใบหน้านวลเนียนเล่นก็แล้ว ก็ไม่มีทีท่าว่าคนงามจะรู้สึกตัวสักนิด
“หลับลึกเสียจริงคนงาม ข้าจะกล้าปล่อยเจ้าให้อยู่เช่นนี้ได้จริง ๆ หรือ” ชิวหานล้มตัวนอนเคียงข้างแล้วดึงคนตัวเล็กเข้าสู่อ้อมกอดอย่างเบามือ รอยยิ้มอ่อนโยนผุดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าแค่ได้มองหน้าหรือแม้แต่คิดถึง มันคือความรักจริงแท้เขามั่นใจแม้จะไม่เคยสัมผัสกับความรักเช่นนี้มาก่อนก็ตาม