ช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน

2351 คำ
ซุนหวางและหมู่คณะพากันเดินทางแบบไม่หยุดพัก หากม้าไม่เหนื่อยพวกเขาก็จะไปต่อ จนเข้าวันที่สิบแล้วแต่ยังไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น ซุนหวางสงสัยว่าท่านลุงเหอจะคิดระแวงไปเอง พวกนั้นก็แค่อันธพาลในเมืองคงไม่คิดจะตามมาเพียงเพราะต้องการตัวเขากระมัง แต่ไม่ทันที่ความคิดนั้นจะจางหาย กรับๆ กรับๆ กรับๆ อี้! ย๊ะ ย๊ะ ย๊ะ ย๊ะ “คุณชายคนงาม ตามทันจนได้นะ” ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ เสียงหัวเราะและเสียงตะโกนโหวกเหวกของกลุ่มชายฉกรรจ์หลายคนที่ควบม้าติดตามกลุ่มของซุนหวางมา พวกมันใกล้เข้ามาแล้ว...ไม่คิดเลยว่าพวกมันจะตามมาจริง ๆ เหอเชียนจึงได้เร่งม้าให้วิ่งเร็วขึ้นยิ่งกว่าเดิม “คุณชายข้าจะบังคับรถม้าเข้าไปยังชายป่าพวกท่านต้องรีบลงและวิ่งหนีไปให้ไกล หาที่หลบซ่อนให้ดีข้าจะหลอกล่อพวกมันไปที่อื่นเอง” เมื่อนัดแนะกันดิบดีแล้วเหอเชียนได้พาทั้งสองไปปล่อยไว้ยังชายป่าดังว่า จากนั้นก็ขับรถม้าออกไปหลอกล่อและเบี่ยงเบนความสนใจจากพวกอันธพาลเพื่อจะให้พวกมันติดตามเขาไปอีกทาง “อาฟงเราหนีพวกมันพ้นหรือไม่” สองนายบ่าวทั้งวิ่งทั้งเดินแบบไม่รู้ทิศรู้ทาง หมวกและผ้าคลุมหน้าหลุดไปตอนไหนเขาหาได้ใส่ใจ รู้แค่ว่าต้องหนีและหาที่หลบซ่อนให้ได้จากการแนะนำของเหอเชียน ซอกหินนั่นไง! ที่ทั้งสองคิดว่ามันน่าจะเป็นที่หลบซ่อนได้ดี นานนับครึ่งชั่วยามที่พวกเขายังหลบอยู่ที่นี่แม้ผืนป่าจะดูเงียบแต่หัวใจสองดวงก็ยังคงเต้นโครมครามอยู่ไม่หยุด แกร๊บ! แกร๊บ! เสียงเหยียบใบไม้แห้งดังอยู่ตรงหน้า พวกเขาถูกพบเสียแล้วหรือ ซุนหวางและเสี่ยวฟงรีบถอยกรูดออกมาจากซอกหินอย่างรวดเร็ว บุรุษร่างบางสองคนกอดกันกลมด้วยความหวาดกลัว ร่างกายที่สั่นเทิ้มทำให้คนที่มองดูอยู่รู้สึกเวทนายิ่งนัก “คุณชายทั้งสองไม่ต้องกลัว ข้าแค่มาช่วยไม่ได้คิดจะทำร้าย” ซุนหวางเงยหน้ามองตามเสียงทุ้มของบุรุษที่บอกว่ามาเพื่อช่วยพวกเขา ดวงตาเรียวงามเอ่อคลอไปด้วยน้ำใส ๆ แต่พอสายตาคมดุจพญาเหยี่ยวของแม่ทัพชิวหานได้สบเข้ากับดวงหน้าหวานล้ำเท่านั้นแหละก็บังเกิดให้หัวใจของยอดนักรบสั่นไหวโดยไม่รู้ตัว “ทะ...ท่านมาช่วยพวกเรา แล้วพวกมันล่ะขอรับ กลุ่มคนของข้าด้วยพวกเขาปลอดภัยดีหรือไม่” เหมือนความกลัวได้ถูกปลดเปลื้องออกไปแล้วคำถามมากมายจึงได้พรั่งพรูออกมาจากริมฝีปากบาง “ทุกคนปลอดภัยดีและมีบาดเจ็บบ้างเล็กน้อย แต่ข้าว่าเจ้ากำลังได้รับบาดเจ็บนะ” ชิวหานสังเกตเห็นคราบเลือดที่เปรอะเปื้อนอยู่ตรงช่วงล่างของบุรุษตัวน้อยจึงได้ทักออกไป พลางก็คิดว่าพ่อหนุ่มน้อยคนนี้คงจะหวาดกลัวมากกระมังจนไม่รู้สึกตัวว่าตัวเองกำลังบาดเจ็บอยู่ “ให้ข้าทำแผลให้ดีหรือไม่ ข้าเคยทำแผลมาบ้างตอนอยู่ในสนามรบ” ชิวหานเสนอตัวเพราะเป็นห่วงว่าบาดแผลอาจจะลึกเอาการอยู่เลือดถึงได้ออกเยอะขนาดนี้ ‘แย่แล้วข้าไม่รู้ตัวเลยทำไมถึงมาก่อนเวลานะ’ ซุนหวางใจหายเมื่อรอบเดือนมาโดยที่เขาไม่รู้ตัว “ขอบคุณท่าน...เอ่อ” “แม่ทัพชิวหานจะเรียกข้าว่าแม่ทัพชิวก็ได้” “ขอบคุณท่านแม่ทัพชิว ข้าซุนหวางและคนของข้าก็ทำแผลได้ คงไม่ต้องรบกวนท่าน” “เช่นนั้นให้ข้าแบกเจ้ากลับออกไปเถอะ” “แต่ข้ายังเดินได้ขอรับ” ซุนหวางยังคงพยายามปฏิเสธต่อไป “หึ ๆ หนทางอีกตั้งไกลพวกเจ้าไม่รู้หรือว่าพากันหนีเข้ามาในป่าลึกแค่ไหน เลือดของเจ้าที่กำลังไหลอยู่อาจจะเรียกสัตว์ป่าเข้ามาหาก็เป็นได้ จะขี่หลังหรือจะให้ข้าอุ้มดีล่ะ เลือกเอาสักอย่างสิ” “แต่ชุดของท่านแม่ทัพจะเลอะเอาได้ คือมันสกปรกขอรับ” ‘หากเป็นเลือดของบาดแผลเขาก็ไม่คิดจะอิดออดหรอกนะ แต่นี่มันเกินไป เขาไม่เคยให้ใครเข้าใกล้หรือสัมผัสเลือดต้องสาปนี้ด้วยซ้ำ’ ซุนหวางรู้สึกหนักใจกับเรื่องนี้ “ขึ้นมาเถอะเดี๋ยวเลือดของเจ้าก็หมดตัวเสียก่อน อยู่ในสนามรบข้าเคยแม้กระทั่งอาบเลือดแทนน้ำ เจ้าอย่าได้คิดมากเลย เอ่อ...ซุนหวางเจ้าเกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลซุนหรือไม่” “ไม่ขอรับ ข้าแค่ใช้แซ่ซุนไม่ได้เกี่ยวข้องอันใดกับตระกูลใหญ่โตเช่นนั้นหรอกขอรับ” “หึ ๆ ข้าแค่ถาม ไม่มีอะไรหรอก ต่อให้เจ้าบอกว่าใช่มันก็ยากที่จะเชื่อ” ชิวหานสำรวจคนตัวเล็กอย่างถ้วนถี่ หน้าตาและผิวพรรณของคนตรงหน้าไม่เห็นจะมีส่วนใดเลยที่เหมือนคนตระกูลซุน ด้วยความจนใจและเพื่อไม่ให้เป็นที่สงสัยซุนหวางเลยต้องจำใจยอมขี่หลังของท่านแม่ทัพออกไป มือเรียวบางโอบกระชับรอบคอของท่านแม่ทัพอย่างเหนียวแน่นไม่ได้สนใจเลยว่าคนที่ถูกรัดจะหายใจออกหรือไม่ ใบหน้าข้างหนึ่งซบลงแนบบนแผ่นหลังหนาอย่างเหนื่อยอ่อน ก็ทั้งวิ่งหลบหนีและตอนนี้ยังมาเสียเลือดมากอีกทำให้ซุนหวางผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว การโอบรัดของซุนหวางไม่ได้สร้างความระคายเคืองหรืออึดอัดให้กับท่านแม่ทัพเลยแม้แต่น้อย ตัวหรือก็เบา...เบายิ่งกว่าดาบที่เขาสะพายอยู่เสียอีก ‘หืม...หอม หอมกลิ่นสมุนไพรนี่นา เจ้าเป็นใครกันนะซุนหวาง กลิ่นสมุนไพรถึงได้ติดตัวของเจ้ามากมายเช่นนี้ เป็นหมอหรืออย่างไร...ล้อเล่นน่า หมอที่ยังอายุน้อยเช่นนี้จะเป็นไปได้อย่างไรกัน’ หึ ๆ แม่ทัพหนุ่มรู้สึกขบขันกับความคิดของตัวเอง ช่างเพ้อเจ้อยิ่งนัก ไม่น่าเชื่อเลยว่าพวกเขาวิ่งเข้าป่ามาได้ลึกขนาดนี้ กว่าจะออกมาจากป่าได้ก็กินเวลานานถึงสองเค่อทีเดียว “ท่านแม่ทัพ คุณชายของข้าหลับไปแล้ว เอ่อ...” “ข้าจะพาไปส่งที่รถม้าของพวกเจ้าเอง” “ท่านแม่ทัพ ท่านไปตามถึงไหนมาขอรับถึงได้กลับมาช้านัก โอ้! บุรุษหนุ่มน้อยผู้นั้นเองหรือนี่ ช่างงดงามยิ่งนัก มิน่าล่ะพวกมันถึงได้...” “ตวนหยาง! เงียบปากซะ” “แม่ทัพชิวข้าพูดแค่นี้ท่านก็หวงแล้วหรือ” ‘ไหนบอกไม่นิยมตัดแขนเสื้อ...แล้วนี่อะไร ท่านแม่ทัพของพวกเขาเปลี่ยนแล้วไปจริง ๆ’ ตวนหยางคิดพลางทำหน้าสงสัย แม่ทัพชิวหานพาร่างที่หลับใหลมาส่งยังรถม้า และเหอเชียนก็เฝ้ารออยู่ตรงนั้นอย่างกระวนกระวาย “คุณชายน้อยเป็นอะไร? บาดเจ็บหรือขอรับ” เหอเชียนทั้งตกใจและเสียใจที่เห็นคุณชายน้อยถูกแบกออกมาโดยไม่มีสติแบบนี้ ทั้งยังมีเลือดเปรอะเปื้อนเต็มชุดไปหมด เป็นเพราะเขาละโมบกับค่าจ้างจนทำให้ทุกคนเกือบจะเอาชีวิตไม่รอด หากไม่ได้ทหารเหล่านี้เข้ามาช่วยเอาไว้ได้ทัน พวกเขาคงต้องแย่แน่ ๆ “คุณชายไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกคงจะเพลียจนหลับไป เดี๋ยวข้าจะดูแลคุณชายเอง” เสี่ยวฟงรีบบอกเพราะอยากจะให้พวกเขาจากไปไว ๆ “เจ้าแน่ใจนะว่ามียาห้ามเลือดและยาใส่แผล” ชิวหานถามย้ำ เพราะดูเหมือนว่าบ่าวตัวน้อยไม่ต้องการความช่วยเหลือจากเขาอีกแล้ว แต่เขากลับยังอยากจะอยู่ต่อเพราะว่าห่วงหรือเพราะสาเหตุใดเขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน “มีขอรับ ขอบคุณท่านแม่ทัพมากขอรับ” “อืม...ต้องการสิ่งใดให้บอกข้าก็แล้วกัน” ชิวหานจำใจพูดแล้วก็เดินจากไป ดูเหมือนพวกเขาอยากจะได้ความเป็นส่วนตัวมากกว่า จึงไม่ควรอยู่ขัดสินะ “ขออภัยนะขอรับ คุณชายโปรดอย่าโกรธเคืองอาฟงเลยนะ” เสี่ยวฟงกล่าวเบา ๆ ก่อนจะจัดการกับชุดที่เปื้อนเลือดของเจ้านาย เพราะซุนหวางไม่ชอบให้ใครเห็นและแตะต้องเลือดต้องสาปของตน หากมีรอบเดือนครั้งใดเขาจะไล่เสี่ยวฟงออกไปให้ไกลตัว แต่ตอนนี้เห็นทีจะเลี่ยงไม่ได้เพราะมันจำเป็นจริง ๆ เสี่ยวฟงจัดการทุกอย่างได้เป็นอย่างดี เสื้อผ้าที่เปรอะเปื้อนก็ห่อหุ้มไว้อย่างมิดชิดทั้งยังใช้สมุนไพรปกปิดกลิ่นคาวเลือดเอาไว้ด้วย หากเจอที่หมาะ ๆ เมื่อใดเขาก็จะขุดหลุมฝังกลบทันที ตอนนี้ถ้าคาดการณ์ไม่ผิดก็น่าจะเป็นยามเซิน [15.00-16.59น.] เสี่ยวฟงออกจากรถม้าเพื่อจะไปจัดการหุงหาอาหารให้กับคุณชายของตน รถม้าของพวกเขาอยู่กึ่งกลางระหว่างกลุ่มของท่านลุงเหอและกลุ่มของทหาร เมื่อเสี่ยวฟงก้าวลงจากรถม้าท่านลุงเหอและพี่เหอเชียนก็ได้วิ่งเข้ามาถามไถ่ถึงอาการของคุณชายน้อยด้วยความเป็นห่วงเป็นใย “เสี่ยวฟงคุณชายน้อยเป็นอย่างไรบ้าง อาการบาดเจ็บเป็นเช่นไร” สองพ่อลูกพูดขึ้นมาพร้อมกันเหมือนจะแย่งกันถามจนดูมีความวุ่นวายเล็ก ๆ เกิดขึ้น “ไม่เป็นอะไรแล้วขอรับแต่ว่าตอนนี้ข้าต้องการไฟเพื่อจะทำอาหารน่ะ” “โอ้ ข้ายังไม่ได้ก่อไฟเลยแต่กลุ่มของท่านแม่ทัพมีไฟอยู่นะ” เหอชวนบอกพร้อมกับชี้บอกทาง “อ้อ ขอรับ” เสี่ยวฟงพอได้รู้ว่ามีไฟอยู่ตรงไหนก็รีบรุดไปที่นั่นอย่างไว “ว่าอย่างไรหนุ่มน้อยเจ้าต้องการสิ่งใดหรือ” เป็นทหารนายหนึ่งที่เห็นคนตัวเล็กก่อนก็เลยเอ่ยถามขึ้นมา “โอ๊ะ! เป็นท่านนั่นเอง ขอบคุณนะขอรับที่เลือกม้าดี ๆ ให้ และยังมาช่วยเหลือพวกเราอีก” “ข้าคิดว่าเจ้าคงเข้าใจอะไรผิดไปแล้ว ข้าไม่เคยเลือกม้าให้กับผู้ใดเลยนะ และข้าก็เพิ่งจะเคยเห็นเจ้าเป็นครั้งแรก” สงสัยหนุ่มน้อยคนนี้คงคิดว่าเขาเป็นเหวินเจี๋ยกระมัง นายกองหนุ่มคิดไปถึงแฝดของตนที่กำลังนอนเจ็บอยู่ในกระโจม “เอ๋! เป็นเช่นนั้นหรอกหรือขอรับ” เสี่ยวฟงยอมรับแบบหน้าเสียเล็กน้อย ‘ฮึ! เข้าใจผิดหรือจะเป็นไปได้อย่างไร เขายังไม่เลอะเลือนเสียหน่อย อายุของเขาก็ยังน้อยความจำหรือก็เป็นเลิศ คุณชายของเขายังออกปากชมอยู่บ่อย ๆ จะให้เขาหลงลืมใบหน้าของคนที่เคยช่วยเหลือนั้นยิ่งเป็นไปไม่ได้เลย’ “ข้าอยากมาขอไฟทำอาหารได้หรือไม่ขอรับ” “อืม...ได้สิ” เสี่ยวฟงต้องรีบเร่งทำอาหารให้เร็วที่สุด เขาไม่คุ้นเคยที่จะอยู่ท่ามกลางชายฉกรรจ์ที่มีแต่คนหน้าตาดุดันทั้งนั้น ‘น่ากลัวชะมัด’ ข้าวต้มที่เสียวฟงกำลังทำอยู่ได้ส่งกลิ่นหอมฟุ้งลอยเข้าไปถึงข้างในกระโจมที่มีคนเจ็บนอนแผ่หราอยู่ข้างใน ฟุดฟิด ๆ “ข้าได้กลิ่นข้าวต้ม โอ้ยยย ซี้ดดดด” “หึ ๆ หิวก็ต้องรอก่อนแผลของเจ้าเริ่มปริอีกแล้ว” กุนซือตวนหยางบอกกับผู้เป็นทั้งสหายและลูกน้องในเวลาเดียวกัน “ฮ่า ๆ ๆ จงเหวินเจี๋ยก็ไหนเจ้าบอกว่าจะเอาคืนพวกมันให้สาสมยังไงล่ะ ตอนนี้คงสาสมใจเจ้าแล้วสิท่า สมน้ำหน้าคุยโวดีนัก” แม่ทัพชิวหานเยาะเย้ยลูกน้องของตนทั้งยังนอนเอนกายอย่างสบายอารมณ์ อาการบาดเจ็บของลูกน้องคนสนิทไม่ได้ทำให้เขาเป็นกังวลเลยสักนิด แต่ใจกลับคิดไปถึงบาดแผลของอีกคน บาดแผลจะดีขึ้นบ้างไหมหนอหรือว่าเขาควรจะเอายาไปให้ จะดีหรือไม่นะ… “ท่านแม่ทัพคุณชายซุนหวางแบ่งข้าวต้มมาให้และยังฝากยามาให้ด้วยขอรับ” หมับ! ตวนหยางรีบคว้าเอาขวดยาทั้งสามมาดูด้วยความสงสัยเพราะรู้สึกคุ้นเคยกับขวดบรรจุยานี้เหลือเกิน พอเปิดออกดูก็เป็นอย่างที่เขาคิดจริง ๆ “ยา...นี่มันยาของร้านฟู่เจียงนี่นา มีทั้งยาแก้ช้ำใน ยาห้ามเลือดและยาสมานแผลมีครบหมดเลย ของดี ๆ ทั้งนั้น ไหนร้านฟู่เจียงบอกไม่มียาขายแล้วอย่างไรล่ะ แล้วนี่มันยังไงกัน คุณชายซุนหวางกลับสามารถซื้อหามันมาได้อย่างนั้นรึ คงจะเหมามาหมดทั้งร้านละสิ” “โธ่ตวนหยาง ท่านกุนซือตวนหยางขอรับ หากว่าเป็นยาของร้านฟู่เจียงจริง ๆ ก็เอามาให้ข้าใช้ทีเถอะข้าอยากหายเต็มทนแล้ว แล้วข้าวต้มนั่นก็ควรจะเป็นของข้านะ! เพราะข้าเป็นคนป่วย” “รีบเอายาให้เหวินเจี๋ยใช้เถอะข้ารำคาญทั้งข้าวต้มนั่นก็ด้วย ยาของร้านฟู่เจียงนะหรือที่เจ้าสั่งซื้อไปใช้ในค่ายของเรา แล้วทำไมเขาถึงไม่มีขายแล้วล่ะ” “ข้าจะไปรู้หรือ! ตั้งแต่ไปถึงเมืองหลวงข้าก็เทียวไปถามแทบทุกวัน เขาบอกแค่ทางร้านไม่ได้ปรุงยาเอง พอรู้อย่างนั้นข้าก็จนใจแล้ว” กุนซือหนุ่มบอกสหายอย่างมีอารมณ์ เพราะกังวลว่าท่านหมอปิงจะว่าให้หากไม่ได้ยากลับไปคราวนี้ ตาแก่ขี้โมโหนั่นคงได้งอนเป็นเด็ก ๆ เป็นแน่
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม