ความรู้สึกของท่านแม่ทัพ

2792 คำ
การเดินทางครั้งนี้นับว่ายาวนานมากสำหรับซุนหวางผู้ที่ไม่เคยได้ก้าวย่างออกจากจวนเลยสักครั้งในชีวิต หลังจากผ่านพ้นเหตุการณ์ระทึกขวัญมาแล้ว หมายถึงคนอื่น ๆ แต่สำหรับซุนหวาง เหตุการณ์ที่น่าหวาดหวั่นของเขายังไม่ผ่านพ้นไป รถม้าคือสถานที่ที่น่าจะปลอดภัยที่สุดแล้วสำหรับซุนหวางในตอนนี้ ยามเหม่าทุกคนต่างรีบเร่งพากันเก็บสัมภาระ อีกแค่ห้าวันพวกเขาก็จะถึงหูเจียงแล้ว แต่ครั้งนี้พวกเขาไม่ได้เร่งรีบเพราะไม่ต้องระแวงต่อสิ่งใดเหมือนเช่นที่ผ่านมา กลุ่มทหารที่มีเพียงยี่สิบกว่านายในคราแรกนั้น แต่ตอนนี้เห็นมีมาเพิ่มอีกนับร้อยคน ทำให้พวกเขามั่นใจว่าอย่างไรก็ปลอดภัยแน่นอน [ยามเหม่า 05.00-06.59 น.] ขณะเดินทางกลุ่มของแม่ทัพชิวหานซึ่งเป็นทหารกลุ่มแรกที่ได้เข้ามาช่วยจัดการกับพวกอันธพาลได้ควบม้าอยู่รั้งท้ายขบวน หากผู้คนที่ผ่านไปมาได้พบกับขบวนเดินทางของพวกเขา ผู้คนคงได้เข้าใจผิดคิดว่ากลุ่มทหารกำลังคอยอารักขาคนสำคัญอยู่เป็นแน่แท้ “มองอะไรหรือขอรับท่านแม่ทัพ อยากรู้สิ่งใดทำไมไม่เข้าไปถาม” ตวนหยางสังเกตมาได้สักพักเมื่อเห็นสหายรักเอาแต่จดจ้องรถม้าที่อยู่เบื้องหน้าไม่ไกลนัก “ให้ข้าไปถามให้ก็ได้นะขอรับ” “เดินทางเงียบ ๆ ไปเถอะเหวินเจี๋ย หากไม่อยากให้แผลปริอีกก็จงสงบปากสงบคำเข้าไว้” เป็นเหว่ยเจี๋ยที่ปรามแฝดผู้น้องเอาไว้ ด้วยความหมั่นไส้เต็มประดา “แผลของข้าดีวันดีคืน ตอนนี้แทบไม่รู้สึกว่าตัวเองมีแผลด้วยซ้ำ ช่างน่าเสียดายที่ต่อไปจะไม่มียาของร้านฟู่เจียงอีกแล้ว หากท่านหมอปิงปรุงยาได้แบบนี้ก็คงจะดีนะขอรับ” “เฮอะ! ที่ข้าคอยเสาะหาซื้อยาพวกนี้ให้ก็เพราะตาแก่นั่นต้องการจะแยกแยะสมุนไพรและทดลองปรุงยาเหล่านั้นนั่นแหละ เป็นปีแล้วข้าไม่เห็นว่าเขาจะทำสำเร็จเลย” ตวนหยางบ่นอุบกับคำสั่งที่ได้รับมอบหมายมาจากท่านหมอปิง และยังกำชับให้เขานำยาจากร้านฟู่เจียงกลับไปให้ได้ “ท่านแม่ทัพ หากเราขอซื้อยาจากคุณชายซุนหวางเขาจะขายให้เราหรือไม่ ข้ามั่นใจว่าคุณชายน้อยผู้นั้นจะต้องมียาอยู่กับตัวไม่น้อยทีเดียว ผู้เฒ่าปิงจะได้ไม่โกรธข้าที่หาซื้อยาไปให้ไม่ได้ ท่านแม่ทัพได้โปรด ข้าน้อยตวนหยางต้องพึ่งพาบารมีและอาศัยความสามารถของท่านแล้วนะขอรับ” เสียงออดอ้อนที่ไม่เข้ากับใบหน้าของกุนซือหนุ่มเลยแม้แต่นิดเดียวได้สร้างความขบขันให้กับเหล่าสหายและผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาเป็นอย่างมาก หน้าตาหรือก็ไม่ให้สักนิดช่างหน้าหนาคิดกล้าทำเสียงสองเสียงสามเช่นนี้ “หึ ๆ น่าเกลียดยิ่งหยุดพล่ามเสียทีเถอะ” ชิวหานว่าให้สหายพลางคิดถึงใบหน้าของบางคน หากเป็นซุนหวางออดอ้อนเขาบ้างคงจะน่าเอ็นดูไม่น้อยทีเดียว นี่เขาคงเปลี่ยนไปดังเช่น ตวนหยางว่าจริง ๆ สินะ เพียงสบตาคู่นั้นแค่ครั้งเดียวมันทำให้ความรู้สึกของเขาเปลี่ยนไปได้จริง ๆ หรือนี่ “เขาอาจจะมีแค่พอไว้ใช้ แต่ข้าจะลองถามดูให้ก็แล้วกัน” ชิวหานบอกกับสหายก่อนที่จะควบม้าออกไปยังรถม้าที่อยู่เบื้องหน้าไม่ไกลนัก อย่างน้อย ๆ เขาก็มีข้ออ้างที่จะไปพบคนผู้นั้นได้แล้วโดยไม่ต้องกลัวว่าจะโดนล้อเลียน ก๊อก ก๊อก ก๊อก “คุณชายซุน ข้าแม่ทัพชิว ข้าขอสนทนาด้วยได้หรือไม่” “เอ่อ...ท่านแม่ทัพขอรับ คุณชายของข้าคงจะหลับ หากได้หลับแล้วก็ปลุกยากขอรับ” “เป็นเช่นนี้เอง แล้วแผลนั่นดีขึ้นแล้วหรือ” “อีกสองสามวันก็น่าจะหายแล้วขอรับ ขอบคุณท่านแม่ทัพที่เป็นห่วงคุณชายของข้า” “ไม่เป็นไร ข้าจะรอจนกว่าเจ้านายของเจ้าจะตื่นก็แล้วกัน เจ้าแน่ใจนะว่าเขาไม่เป็นอะไร” ชิวหานถามด้วยความเป็นห่วง ตั้งแต่เมื่อวานจนถึงตอนนี้นับสิบชั่วยามได้แล้ว เขายังไม่เห็นคนตัวเล็กออกมาจากรถม้าเลย ไม่รู้ว่าจะเป็นอะไรมากไหม “แน่ใจขอรับ ยาที่เรามีก็ใช้ได้ดีขอรับ ท่านแม่ทัพไม่ต้องเป็นห่วง" “แล้วยาของพวกเจ้ายังเหลืออยู่บ้างหรือไม่ หากว่าข้าจะขอซื้อ...” ซุนหวางที่อยู่ภายในรถม้าได้ยินการสนทนาของแม่ทัพชิวและเสี่ยวฟงตลอดเวลา พวกเขาอยากจะได้ยาหรือ ตอนนี้ยาที่มีอยู่ก็มีมากพอสมควร เขาไม่ได้ส่งยาให้กับร้านยาฟู่เจียงในรอบสั่งซื้อหลังสุดจึงได้แต่หอบหิ้วมาด้วย หวังอย่างยิ่งว่าจะเอาไปเสนอขายที่ร้านยาในเมืองหูเจียง แต่หากได้ขายตอนนี้ก็นับว่าดี จะแสร้งหลับต่อไปหรือจะสนทนากับท่านแม่ทัพดีนะ ยาก็อยากจะขาย ยังโชคดีที่เขามีสมุนไพรไว้คอยกลบกลิ่นคาวเลือดช่วยให้เบาใจไปได้อีกเปาะหนึ่ง แต่หากอีกสามวันเขาไม่ออกไปจากรถม้าเลยมันจะดูเป็นที่น่าสงสัยหรือไม่ ซุนหวางไม่เคยเจอสถานการณ์เช่นนี้มาก่อนเลยทำให้รู้สึกเป็นกังวลอย่างมาก กว่ารอบเดือนจะหายเขาคงต้องแสร้งเป็นคนป่วยต่อไปอีกสักสองสามวันโน่นแล้ว แกร็ก! เสียงที่ดังออกมาจากรถม้าพร้อมกับผ้าม่านได้ถูกเปิดขึ้นเพียงแค่ครึ่งเดียวกับท่าทางอิดโรยของคนที่อยู่ด้านในรถม้านั่น ทำให้แม่ทัพหนุ่มรู้ได้ทันทีว่าคนตัวเล็กนั้นไม่สบายแน่ ๆ หรืออาจจะเป็นเพราะพิษบาดแผล ไหนว่าไม่ได้เป็นอะไรมากทำไมใบหน้าถึงได้ซีดเซียวเช่นนี้ “ตื่นแล้วหรือ ท่าทางเจ้าจะไม่สบายหนัก เราควรหยุดพักสักสองสามวันจนกว่าเจ้าจะหายแล้วค่อยเดินทางต่อดีหรือไม่” สีหน้าของเขาดูเหมือนจะเป็นห่วงคนที่อยู่ในรถม้าอย่างปิดไม่มิด “ท่านแม่ทัพ ข้ายังเดินทางไหวแค่ไม่ต้องถูกแดดถูกลมก็พอ ร่างกายของข้าก็อ่อนแอเป็นปกติเช่นนี้แหละ ท่านอย่าได้กังวลเลย แล้วท่านแม่ทัพมีอะไรจะพูดกับข้าหรือไม่ขอรับ” ซุนหวางเปิดหนทางสู่การเจรจาค้าขายอย่างไม่รอช้า “อ้อ...ข้าแค่อยากจะรู้ว่าเจ้ามียาของร้านฟู่เจียงมากน้อยเพียงใด พอดีกุนซือตวนอยากจะได้ หากว่าเจ้ามีมากพอจะแบ่งขายได้บ้างหรือไม่ เจ้าจะคิดเอากำไรเพิ่มจากราคาที่ซื้อมาข้าก็ไม่ว่า” “ข้าพอมีอยู่บ้างไม่มากเท่าใด อย่างละห้าร้อยเม็ดน้อยไปหรือไม่ ข้าจะเก็บไว้ใช้แค่นิดหน่อย” “ห้าร้อยเม็ดเลยหรือ! นี่เจ้าเหมายาจากร้านฟู่เจียงมาจริง ๆ หรือนี่” ชิวหานตกใจกับจำนวนเม็ดยาซึ่งเขาไม่คิดว่าซุนหวางจะมีไว้ครอบครองมากมายถึงเพียงนี้ “ข้าขออภัย เพราะข้าต้องเดินทางไกลและยาพวกนั้นก็ดีจริง ๆ อีกอย่างข้าก็เอาไว้ขายต่อเพื่อทำกำไรเล็ก ๆ น้อย ๆ ข้าเลยขอเหมามาทั้งหมด ไม่คิดว่าจะทำให้พวกท่านเดือดร้อน ผงยาชาของข้าก็มีนะ ข้าได้มาจากร้านฟู่เจียงเช่นกัน ท่านแม่ทัพต้องการด้วยหรือไม่ขอรับ” “ยาชาหรือข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน” คราวนี้หัวคิ้วของเขาถึงขมวดเข้าหากันเมื่อได้ยินชื่อของยาชนิดใหม่ “ก็เอาไว้ใช้แทนเหล้าที่พวกท่านใช้ใส่แผลก่อนที่จะเย็บอย่างไรละขอรับ” “ดูเหมือนเจ้าจะรู้เรื่องยาไม่น้อยเลยนะซุนหวาง ข้าเรียกเจ้าเช่นนี้ได้หรือไม่” “เอ่อ...ขอรับ แล้วแต่ท่านแม่ทัพจะเรียก ที่ข้ารู้เรื่องยาเป็นเพราะร้านขายยาแนะนำมาอีกที หากคิดจะซื้อมาไว้ขายจะไม่รู้เรื่องยาเลยคงจะเป็นไปไม่ได้ขอรับ” ซุนหวางตอบออกไปอย่างลื่นไหลไม่มีติดขัดโดยหวังว่าท่านแม่ทัพคงจะไม่ติดใจอันใด ที่จริงแล้วเขาไม่อยากจะขายยานี่หรอก แต่การเริ่มต้นชีวิตใหม่ของเขาสองคนไม่รู้จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นกี่มากน้อย หากเอายาไปขายที่เมืองหูเจียงไม่รู้ผลตอบรับจะดีหรือไม่ ไหนจะพวกสมุนไพรที่ต้องเอามาปรุงยาอีกคงต้องใช้เวลาอีกนานโขกว่าทุกอย่างจะลงตัว ตอนนี้เงินคือสิ่งที่เขาต้องการมากที่สุด ถึงจะพอมีเก็บอยู่บ้างแล้วก็ตาม มีมากมันย่อมอุ่นใจกว่าเป็นไหน ๆ “อืม...ข้าเอายาทั้งหมดที่เจ้ามี อย่างที่ข้าบอกเจ้าเพิ่มราคาและเอากำไรได้ตามสบาย กุนซือตวนหยางคงจะยินดีจ่ายให้อย่างงาม” หึ ๆ เมื่อคิดเห็นหน้าสหายแม่ทัพหนุ่มถึงกับหัวเราะออกมา ในเสียงหัวเราะนั้นยังแฝงความเจ้าเล่ห์เอาไว้ด้วย “ข้ามียาอยู่ห้าชนิด ข้าคิดห้าร้อยตำลึงทอง แค่นี้คงมากพอแล้วกระมัง” “มันน้อยไปหรือไม่ เจ้าไม่คิดค่าขนส่งบ้างหรือ” สำหรับ ตวนหยาง แค่ห้าร้อยตำลึงทองจะไปพออะไร แค่คิดเห็นท่าทางของสหายรัก ท่านแม่ทัพหนุ่มถึงกับกลั้นขำเลยทีเดียว “ข้าคิดราคาเพิ่มเท่าตัวแล้วนะขอรับ” “อืม...เรื่องราคาเดี๋ยวข้าคุยกับกุนซือตวนหยางให้ก็แล้วกัน ดูเหมือนอาการของเจ้าจะดีขึ้นแล้วนะ เป็นเพราะได้คุยกับข้าหรือไม่ซุนหวาง” “แค่ก แค่ก ข้าคิดว่า ข้าพูดมากไปเริ่มจะเจ็บคอแล้วคงต้องขอนอนพักก่อน ถึงหูเจียงเมื่อใดข้าจะมอบยาให้นะขอรับ”พรึ่บ! ผ้าม่านถูกดึงลงอย่างรวดเร็ว เขาลืมตัวไปว่ากำลังแสร้งเป็นคนป่วยอยู่น่าขายหน้าจริงเชียว ซุนหวางหนอซุนหวาง... “หึ ๆ ๆ แล้วเจ้าไม่คิดจะอาบน้ำบ้างหรือ” แม่ทัพชิวอดขำกับอาการของคนตัวเล็กไม่ได้ ที่เหมือนจะรู้ตัวว่ากำลังโดนจับผิดเสียแล้ว “แผลข้ายังโดนน้ำไม่ได้ขอรับ” ‘แล้วท่านแม่ทัพจะมาถามทำไมตอนนี้ ข้าน่ะหรือไม่อยากอาบน้ำ ตอนนี้ข้าเหนียวตัวจะแย่ รอให้หายดีก่อนเถอะจะลงแช่น้ำให้เลย’ ซุนหวางบ่นให้คนสู่รู้อยู่ในใจ ในที่สุดความทรมานสามวันก็ผ่านพ้นเมื่อรอบเดือนของซุนหวางได้หมดไปแล้ว ผ้าซับเลือดที่มากมายได้ถูกห่อหุ้มอย่างดีและซ่อนเอาไว้ในหีบอย่างมิดชิด สมุนไพรกำจัดกลิ่นคาวเลือดก็ใช้ได้ผลดีจริง ๆ จากนี้ไปซุนหวางคงไม่คิดจะเดินทางไกลไปไหนอีกแล้ว เขาเข็ดขยาดกับการเดินทางไกลหนนี้จริง ๆ มันช่างทรมานยิ่งที่ต้องปกปิดความประหลาดของตนเช่นนี้ แต่มันก็ผ่านพ้นไปแล้ว ตอนนี้เขาอยากจะอาบน้ำเหลือเกิน “เสี่ยวฟง” “คุณชาย หายดีแล้วหรือขอรับ” “อืม…ข้าอยากจะอาบน้ำ หากจุดพักข้างหน้ามีลำธารให้อาบน้ำบ้างก็คงจะดี” “คุณชายน้อยไม่ต้องห่วงขอรับ จุดพักข้างหน้ามีน้ำตกอยู่หลายจุด อย่างไรก็มีน้ำให้อาบแน่นอนขอรับ” เหอเชียนผู้ที่นั่งเงียบมานานได้กล่าวออกมาบ้าง เมื่อถึงจุดพักที่เหอเชียนบอกเอาไว้ จากคำบอกเล่าของเหอเชียน น้ำตกที่ว่าอยู่ไม่ไกลจากที่พักมากนักประมาณหนึ่งลี้เห็นจะได้ ซุนหวางและเสี่ยวฟงจึงได้พากันเร่งรีบไปที่น้ำตกนั่นทันที ทั้งชีวิตซุนหวางไม่เคยเห็นน้ำตกเลยสักครั้งมันทั้งตื่นเต้นและยินดีที่ได้เห็นน้ำตกจริง ๆ เป็นครั้งแรก มันช่างงดงามยิ่งนักงามกว่าภาพวาดที่เขาเห็นในตำราเป็นไหน ๆ เพราะมัวแต่พากันดีใจจนหลงลืมไปว่า อาจจะไม่ได้มีแค่พวกเขาเท่านั้นที่มาอยู่ในสถานที่แห่งนี้ เสี่ยวฟงเป็นผู้ดูแลให้นายของตนลงไปอาบก่อน เพราะคุณชายของเขาคงจะใช้เวลาอาบน้ำนานแน่นอน ก็ไม่ได้อาบน้ำมาตั้งหลายวันนี่นะ จ๋อม จ๋อม จ๋อม เสียงของคนก้าวลงมาในน้ำทำให้คนที่กำลังแช่น้ำอยู่รู้ตัวทันทีว่ากำลังโดนบุกรุกความเป็นส่วนตัว เขาไม่ชอบอาบน้ำร่วมกับผู้ใด เหล่าสหายและลูกน้องของเขาต่างก็รู้ดี เพราะฉะนั้นเป็นไปไม่ได้ที่คนของเขาจะมาอาบน้ำที่นี่ เว้นเสียแต่บางคนหรือกลุ่มของลุงเหอนั่น มันไม่ผิดไปจากความคิดของชิวหานแม้แต่นิดเดียว เพราะสายตาเหยี่ยวหันไปสะดุดกับร่างของใครบางคนพอดี ทำไมถึงไม่ระวังเช่นนี้ ไม่รู้ตัวบ้างเลยหรืออย่างไรว่าร่างกายของตัวเองนั้นงดงามเพียงใด รูปร่างอันบอบบางและผิวพรรณที่นวลขาวผุดผาดตัดกับเส้นผมที่ดำขลับเป็นเงางามสยายเต็มแผ่นหลัง หากไม่เคยพบเจอกันมาก่อนเขาคงคิดว่าซุนหวางเป็นสตรีแน่นอน ช่างงดงามเหลือเกินแม่ทัพหนุ่มเริ่มเพ้อ ร่างเปลือยเปล่าที่เห็นแค่ส่วนบนสร้างความรู้สึกบางอย่างเพียงแค่ได้มองเท่านั้น ทำให้ช่วงล่างของเขาเครียดเกร็งขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยเห็นร่างกายของบุรุษเสียเมื่อไหร่ แต่ความรู้สึกเช่นนี้กลับเกิดขึ้นกับคนผู้นี้เพียงคนเดียว ความหวงแหนจึงเริ่มบังเกิดโดยไม่รู้ตัว ร่างกายนี้ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะให้ใครได้พบเห็น เช่นตอนนี้มีเสียงคนกำลังตรงมาที่นี่ ชิวหานจึงพุ่งตัวออกมาจากพื้นที่ของตนและเข้าถึงตัวซุนหวางทันทีเพียงแค่หนึ่งลมหายใจ ยังไม่ทันที่ร่างบางจะได้กรีดร้องออกมาฝ่ามือใหญ่ก็ปิดเอาไว้ทันควันก่อนที่จะมีเสียงเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากบาง แล้วเขาก็พามายังพื้นที่ของตนเองที่เคยอยู่ก่อนหน้านี้ “ซุนหวาง ข้าจะปล่อยมือห้ามร้องเป็นอันขาด ข้าทำเพราะจำเป็นมีคนกำลังมาที่นี่ เจ้าคงไม่คิดจะให้ใครเห็นร่างกายของเจ้าหรอกใช่ไหม” “ทะ...ท่านแม่ทัพ ท่านแม่ทัพชิว ปะ...ปล่อยตัวข้าก่อนเถิดขอรับ” ซุนหวางเอ่ยออกมาเสียงสั่นด้วยความตกใจ เสียงนี้เขาจำได้ดีเป็นท่านแม่ทัพชิวหานแน่นอน คนผู้นี้มาอยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อใดกัน เขามองจนทั่วแล้วก่อนที่จะลงน้ำมาก็ไม่เห็นมีใครอยู่แถวนี้เลย โอไม่นะ...ร่างกายที่แนบชิดเช่นนี้ต่อให้เป็นบุรุษด้วยกันก็อันตรายยิ่ง ถึงเขาจะสวมใส่กางเกงอยู่ก็เถอะแต่อีกคนกลับไม่ ความรู้สึกที่ถูกดุนดันอยู่เบื้องล่างทำให้ซุนหวางไม่กล้าขยับแม้แต่น้อย มันล่อแหลมเกินไป ทั้งมืออีกข้างของท่านแม่ทัพก็ยังโอบกระชับรอบเอวบางไว้อยู่ ความเย็นจากธารน้ำตกไม่ได้ช่วยให้ความร้อนผ่าวตามตัวและใบหน้าหายไปได้เลย ยิ่งหัวใจน้อย ๆ ก็ยิ่งแล้วมันเต้นกระหน่ำจนน่ากลัว เขาคงจะป่วยอีกแล้วกระมัง คราวนี้เขาไม่ได้แสร้งป่วยแน่นอน “อยู่นิ่ง ๆ จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นข้าสัญญา ให้พวกเขาขึ้นจากน้ำไปก่อนเถิดนะ” ความเงียบเกิดขึ้นอีกครั้งแต่หัวใจของแม่ทัพหนุ่มกลับไม่ได้สงบดั่งเช่นภายนอกเลย “ซุนหวาง” ….…….. “ขะ ขอรับ” “กลัวข้าหรือไม่” ……….. “ไม่ขอรับ” “รังเกียจข้าหรือไม่” ………… “ไม่ได้รังเกียจขอรับ” “หากข้าบอกว่าชอบเจ้าล่ะ” ………… “ทะ...ท่านแม่ทัพ ข้า...” “ข้าคงเร่งรัดเจ้าเกินไปใช่ไหม” “แต่ข้าเป็นบุรุษนะขอรับ” “ข้ารู้...และข้าก็ไม่ได้คิดว่าเจ้าเป็นสตรีเสียหน่อย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม