“ปะ เป็นสิ ดูถูกกันหรือไง!” ผมมองร่างบางที่ดูเงอะงะแม้กระทั่งการจับมีด จนผมต้องยืนซ้อนด้านหลังเธอ วางมือลงที่มือเล็กนุ่มนิ่มเพื่อให้จับมีดได้ถนัด พริกหวานดูเหมือนจะตกใจไม่น้อยที่ผมก้มใบหน้าลงไปใกล้กับเธอ
“จับผักและมีดให้มั่น ค่อยๆ บรรจงหั่นให้พอดีคำแบบนี้...”
“อะ อืม” ใบหน้าสวยตั้งใจหั่นผักที่ผมกำลังสอน ลมหายใจของผมมันเริ่มร้อนที่ได้ยืนใกล้ชิดกับร่างกายที่ร้อนแรงไม่ต่างกัน ริมฝีปากของพริกหวานเม้มเข้าหากัน เหงื่อไหลตามใบหน้าเรียวจนผมยิ้มออกมา ยื่นริมฝีปากไปจูบที่ข้างแก้มเธอเบาๆ
“อะ นี่!”
“โทษทีเห็นเหงื่อไหลก็เลยจูบซับให้”
“บ้าหรือไงกัน ขโมยจูบฉันตลอดเลยนะนายอะ! ไม่ทำแล้ว” พริกหวานขยับตัวหนีผมเดินจ้ำอ้าวไปนั่งรอที่โซฟาตามเดิม ใบหน้าสวยบูดเบี้ยวที่ผมหาวิธีล่วงเกินเธอตลอด
“ก็อยากทำตัวให้น่าล่วงเกินทำไมล่ะวะ”
ผมยกจานสลัดผักมาวางให้พริกหวานที่กำลังนั่งดูทีวีอยู่ พร้อมกับน้ำผลไม้เธอมองจานสลัดผักและมองหน้าผมสลับกันไปมา “ทำไมถึงทำสลัดผัก?”
“เธอบอกว่าลดความอ้วนไม่ใช่หรือไง”
“กะ ก็ใช่”
“เดี๋ยวอ้วนเป็นหมูจะใส่บิกินีไม่ได้นะ” พริกหวานเบ้ปากผมเลยขอตัวขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าบนห้องเพราะว่าวันนี้ถ่ายงานมาลืมอาบน้ำที่บริษัท แต่ก็ไม่ได้อาบน้ำหรอกนะมีสาวอยู่ในบ้านใครจะกล้าอาบน้ำกันก็แค่เปลี่ยนกางเกงเป็นผ้าบางสีดำเท่านั้นล่ะ เดี๋ยวยัยนั่นกลับไปผมจะได้เตรียมตัวอาบน้ำทีเดียวไง ผมคลำเอาของออกจากกระเป๋ากางเกงแต่ทว่ากลับไม่เจอมือถือ
หรือว่า...?
ผมเปิดประตูห้องลงบันไดไปก็ไม่เห็นร่างบางนั่งอยู่แล้ว แต่เธอกลับยืนเกาศีรษะตัวเองอยู่ที่ระเบียงด้านนอก ผมยิ้มออกมาค่อยๆ เปิดประตูบานเลื่อน
“รหัสบ้าอะไรเนี่ย จะตั้งเพื่ออะไรกัน ปัญญาอ่อนสิ้นดี... นี่แสดงว่าในนี้คงจะมีคลิปลามกเยอะล่ะสิ!”
“รู้ได้ไงอะ”
“ทำไมจะไม่รู้ล่ะคนอย่างหมอนั่นมัน มะ มะ... O_O!”
“คนอย่างฉันมันทำไมเหรอ?” พริกหวานหันมาเบิกตากว้างใส่ผม และพยายามซ่อนมือถือเครื่องหรูไว้ด้านหลัง เธอทำหน้านิ่งเชิดคอขึ้นเดินสวนผมไป
หมับ
“ปล่อยสิ จะ จะไปกินสลัด”
“แล้วออกมาทำไม? ซ่อนอะไรไว้ข้างหลังเหรอหืม”
“ไม่มี ซ่อนอะไร” ผมมองใบหน้าสวยที่ยังคงหน้าตาย แต่ทว่าผมเห็นนะว่าเธอเอามือถือผมเหน็บไว้กับกางเกงขาสั้นยีนส์ของตัวเอง “เหรอ งั้นขอค้นตัวหน่อยสิ”
“จะบ้าหรือไง! ใครเขาจะให้ค้นกัน”
“แต่ฉันหามือถือตัวเองไม่เจอนี่นา งั้นเอามือถือเธอมาสิฉันจะได้โทรเข้าเครื่อง”
“ไม่ได้ นายไปหาของนายเองสิ” พริกหวานยังคงพยายามเดินหนีแต่ผมก็เดินต้อนเธอจะแผ่นหลังบางชนเข้ากับระเบียงกระจก ผมเท้าแขนลงข้างลำตัวเธอเพื่อกันไม่ให้ไปไหน ใบหน้าสวยเบือนหน้าหนีจนผมนึกขำในใจ
“เบือนหน้าหนีแบบนี้ ไม่น่ารักเลยนะพริกหวาน”
“!”
“ถ้าไม่ได้เอาไป แน่จริงกล้ามองตาฉันตรงๆ หรือเปล่าล่ะ? ถ้าไม่ฉันไม่เชื่อนะ” น้ำเสียงถอนหายใจดังขึ้น พริกหวานเป็นพวกไม่ยอมแพ้หรอกผมรู้นิสัยยัยนี่ดี เธอหันมาเชิดหน้าสบตากับผม
“กล้ามองล่ะ ทีนี้เชื่อหรือยัง?” ผมไม่พูดอะไรกลับจ้องดวงตากลมโตที่มีเสน่ห์เหลือล้น ไหนจะริมฝีปากที่ผมเคยได้สัมผัสมาแล้วแต่แค่นิดหน่อย กลิ่นหอมจากร่างกายบางทำเอาผมใจเต้น ร้อนรุ่มไปทั้งกาย โน้มใบหน้าเข้าไปใกล้เธอเรื่อยๆ จนรับรู้ถึงฝ่ามือบางที่ยันอกแกร่งไว้
“จะทำอะไร?”
“เปิดปากคนขี้ขโมย”
“ฉันไม่ได้ขโมยนะ ใส่ร้ายกันเหรอ?”
“แล้วนี่อะไร...” พริกหวานตกใจอีกครั้งที่ผมคว้ามือถือออกมาจากที่ซ่อนของเธอ “คิดจะขโมยมือถือฉันแล้วลบคลิปเสียงตัวเองหรือไง คิดว่าฉันง่ายขนาดนั้นเชียว”
“เกลียดนายชะมัด!”
“ขอบคุณ”
“อย่าให้ฉันรู้ความลับอะไรของนายบ้างแล้วกัน จะแฉ จะแฉ ให้หมดอนาคตเลย!” เธอผลักไหล่ผมออกไปและเดินออกจากห้องผมไปอย่างหงุดหงิด จะว่าผมโรคจิตก็ได้นะที่ชอบจะเห็นท่าทีของยัยนั่น
ท่าทีที่ไม่มีใครเคยเห็นและผมเป็นคนเดียวที่ได้เห็นไง หึ
วันนี้เป็นวันที่ผมจะต้องไป Fitting ชุดว่ายน้ำที่ต้องถ่ายกับพริกหวานก่อนจะเริ่มงานจริงๆ ที่เป็นนอกสถานที่เพราะว่าหลังจากที่ไปถ่ายงานครั้งล่าสุดที่ทะเลผมก็ไม่ได้ออกนอกสถานที่อีกเลย ผมนั่งอยู่ในห้องแต่งตัวที่ตอนนี้กำลังวิ่งวุ่นหาชุดว่ายน้ำที่เหมาะกับผม ส่วนพริกหวานก็ยังไม่มา
“ผมต้องการกินชามะนาวด่วน”
“ตะ แต่ว่าตอนนี้ชามะนาวที่คุณโซลต้องการร้านปิดนะคะ”
“แล้วไงผมต้องการกินมันเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่ได้ ผมจะกลับ” ทันทีที่พูดเสร็จผมก็ลุกจากเก้าอี้ พร้อมกับประตูหน้าห้องที่เปิดขึ้นร่างบางที่เดินชนกับแผงอกของผม ใบหน้าสวยเงยหน้าด้วยความหงุดหงิด
“จะออกไปไหนไม่ทราบ นี่มันเวลาลองชุดไม่ใช่หรือไง?”
“ใช่ แต่พอดีว่าฉันต้องการกินชามะนาวให้อารมณ์เย็น แต่ไม่มีใครหาให้ได้เพราะงั้นฉันจะกลับ”
“เหอะ นิสัยนายนี่มันไม่เคยหายเลยนะ ทำตัววีนเหวี่ยงไปทั่วแบบนี้ ขาดความอบอุ่นหรือไง!” หน้าของผมชาในทันทีที่ได้ยินคำว่า ‘ขาดความอบอุ่น’ ผมหลับตาลงก่อนจะผลักร่างเล็กอย่างแรงจนแผ่นหลังกระแทกกับประตู
ปึก
“โอ๊ย เจ็บนะไอ้บ้า!”
“ถ้ายังไม่หุบปาก เรื่องเธอฉันจะแฉให้หมด”
“!” ผมตะคอกใส่หน้าเธอที่ตกใจไม่น้อยกับอาการที่ผมเป็นอยู่ตอนนี้ ทุกคนในที่นี้เงียบกันหมดจนผมตวัดสายตาไปมอง “ไม่มีงานทำกันหรือไง ยืนทำซากอะไรห๊ะ!”
“โซล นาย...”
“ทำไม! ถอยไป”
“ไม่ถอย นายมีงานที่จะต้องทำกับฉันนะ”
“บอกให้ถอยไปไง” พริกหวานขวางทางไว้แต่ผมก็ผลักไหล่บางอีกครั้งจนตอนนี้เธอล้มลงกับพื้น ใบหน้าสวยเหวอกับการกระทำของผม แต่มีเหรอว่าผมจะสนเดินหนีออกจากห้องแต่งตัว ขับรถพุ่งตรงออกไปอย่างไร้จุดหมาย
‘ขาดความอบอุ่นหรือไง!’
ตุ้บ
มือของผมทุบพวงมาลัยอย่างแรง ค่อยๆ สูดลมหายใจเข้าเพื่อระงับอารมณ์ที่ครุ่นมัวของตัวเอง ก่อนจะขับรถไปสถานที่แห่งหนึ่งที่เป็นกองถ่ายงานของไอ้ตัง มันกำลังถ่ายงานอยู่ที่ทุ่งหญ้าในรูปแบบของเสื้อผ้ารับฤดูร้อน ทันทีที่รถของผมจอดลงใบหน้าหล่อที่กำลังเข้ากล้องก็ขมวดคิ้วอย่างมึนงง ผมไม่สนใจอะไรหยิบบุหรี่ออกมาจุดสูบอย่างหงุดหงิด
“อ้าวไหนว่าวันนี้มีงานเลือกชุดว่ายน้ำถ่ายแบบไม่ใช่หรือไง? ถ่อมาหากูถึงที่นี่เพื่อ”
“เปล่า กูมีเรื่องนิดหน่อย” ไอ้ตังเลิกกองและนั่งบนหลังรถพร้อมผม หยิบบุหรี่ไปต่อจุดสูบด้วยกัน สายตาของผมมองเลยไปที่ทุ่งหญ้า “มึงมีอะไรหรือเปล่าไอ้โซล”
“กูดันนึกถึงเขาว่ะ”
“เขา? เขาที่ว่าคือคนนั้นเหรอ”
“อือ”
“แล้วนึกถึงได้ไง ปกติไม่เคยนึกถึง”
“ยัย... เฮ้อ ยัยนั่นคงจะไม่ได้ตั้งใจ แต่กูก็ดันโมโหซะก่อน”
“ยัยนั่น พริกหวานน่ะเหรอ? เฮ้ย ทำอะไรเธอหรือเปล่า” ผมไม่ตอบอะไร แต่ภาพที่ผมผลักเธอถึงสองรอบก็ดันผุดขึ้นมาทำให้ผมเครียดขึ้นมานิดหน่อย ฝ่ามือทั้งห้าเสยผมสีดำสนิทขึ้นไปพ่นควันออกจากปากเป็นว่าเล่น
“ทำ”
“ไอ้โซล...”
“เปล่ารุนแรง แค่อารมณ์มันพาไปก็เลยผลักยัยนั่นล้มไปสองครั้ง”
“ผู้หญิงนะมึง ทำได้ลงคอ!” ไอ้ตังเปล่งน้ำเสียงออกมาอย่างไม่พอใจที่ผมทำร้ายผู้หญิง มันรู้ไงว่าผมเป็นคนยังไง ปกติผมจะเป็นพวกสุภาพบุรุษกับผู้หญิง เด็ก คนแก่และสตรีมีครรภ์ แต่ในกรณีนี้มันห้ามไม่ได้นี่ ยัยพริกหวานดันพูดคำต้องห้ามที่ผมได้ยินทีไรมันพาให้อารมณ์วีนเหวี่ยงในทันที พอผมเล่าให้ไอ้ตังฟังถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มันก็จ้องหน้าผมอย่างนิ่งๆ
“เออกูรู้ว่ากูผิด แต่ยัยนั่นไม่ควรพูดคำนั้นหรือเปล่า?”
“ไหนมึงบอกว่าพริกหวานไม่ได้ตั้งใจไง เธอไม่รู้มันไม่ผิดหรอก มึงกับเธอเป็นคู่กัดกันมาแต่ไหนแต่ไร แล้วอีเรื่องคำต้องห้ามแบบนี้ทำอย่างพริกหวานรู้เรื่องราวชีวิตมึงดีนักนี่”
“...”
“ไปขอโทษเธอซะไอ้โซล ถึงแม้เธอจะไม่รู้เรื่องกับคำๆ นี้แต่มึงทำร้ายเธอนะ ไม่รู้ว่าเป็นไงบ้าง”
“ช่างสิวะ กูสนหรือไง อยากหาเรื่องเจ็บตัวเองช่วยไม่ได้”