เสียงอื้ออึงดังลั่นไปทั้งบ้าน ทำให้พวกคนใช้มารวมตัวกันแอบดู และได้เห็นทุกอย่าง
“ว้าย! คุณขวัญ” ป้าวิยะดาร้องเสียงหลง รีบวิ่งเข้ามาดูด้วยความเป็นห่วง
“คุณขวัญ” นางถลาลงไปช้อนหัวของเจ้านายที่นอนแน่นิ่ง มือไม้สั่น ตาสำรวจว่าเลือดพวกนี้มาจากไหน เลือดสีแดงฉานนองเต็มพื้น
“ว้าย! ช่วยด้วย พวกแกรีบเข้ามาดูคุณขวัญเร็ว เลือด... เลือด คะ.. คุณขวัญตกเลือด” น้ำเสียงตะกุกตะกักโวยลั่นจนได้ยินกันทั่ว
เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่เสียแล้ว ป้าวิยะดาหน้าถอดสี ใจเต้นแรงด้วยความขลาดกลัว กลัวว่าขวัญดาวจะเป็นอะไร และคงจะมีอะไรใหญ่และร้ายแรงตามมาอีกแน่นอน
ป้าวิยะดาหันไปมองคุณผู้ชาย คณิตศรหน้าซีดยิ่งกว่าไก่ไหว้เจ้า ตาแทบลืมไม่ได้
“จะซื่อบื้อกันอยู่ทำไม ก็พาเจ้านายหญิงของพวกแกไปโรงพยาบาลสิ ไม่งั้น ได้นอนตายอยู่ที่นี่แน่ ๆ” ยศวดีตวาด เพราะเห็นทุกคนได้แต่มุงดูและทำเก้กัง
“มาพวกเราช่วยกัน”
“ไอ้ก้อนเอารถยนต์ออก จะไปส่งคุณขวัญไปโรง’บาล” แล้วความโกลาหลก็เกิดขึ้น
คนใช้ทุกคนใจสลาย บ้านที่เคยอยู่ดีมีความสุข บัดนี้ไม่มีเหลืออีกแล้ว
“คุณขวัญจะแท้งไหม”
“บ้า ปากหมา” ป้าวิยะดาด่าทุกคน และหอบประคองร่างของนายหญิงของบ้านไปขึ้นรถ
คนเป็นผัวยังหายใจไม่สู้ดี แข้งขาหมดกำลัง
“ไอ้คนนั้นน่ะ มาช่วยหน่อยสิ มาพาคุณศรไปนั่งตรงนั้น” ยศวดีออกคำสั่ง ตัวเองก็หน้าซีดเหมือนกัน รีบหาผ้ามาปิดจมูก
“พาไปนั่งไกล ๆ หน่อย แล้วบอกใครมาเช็ดเลือดพวกนี้ด้วย คุณศรเห็นเลือดไม่ได้”
“ค่ะ”
“ครับ” ทุกคนพากันเชื่อฟังคำสั่งของยศวดี เพราะตอนนี้หล่อนมีสติดีที่สุด
“โอ้ย! จะเป็นลม” หล่อนเอามือทาบอก นั่งลงไปข้างตัวของคณิตศร และหากระดาษมาพัดให้
“ไปเอายาดมมาด้วย หาพัดลมมาเปิดด้วยนะ”
“คุณศร คุณอย่าเป็นอะไรนะคะ” รีบพัดวีให้ใหญ่
ทุกคนต่างหันมามองหน้ากัน รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ความหายนะอย่างไรล่ะ คุณผู้ชายของบ้านกำลังติดหญิง ยิ่งกว่าหมาติดสัดเสียอีก
ที่โรงพยาบาล
ขวัญดาวนอนร้องไห้จนหลับไปแล้วไม่รู้ตั้งกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ความเสียใจบ่าเข้ามาแทบรับไม่ได้ เมื่อรู้ว่าลูกคนแรกของเธอได้จากเธอไปเสียแล้ว
‘แท้ง โธ่! ลูกจ๋า’ ขวัญดาวร้องไห้คร่ำครวญปานน้ำตากลายเป็นสีเลือด แต่ทุกอย่างมันไม่มีทางจะย้อนกลับคืนมาเสียแล้ว จนพยาบาลต้องมาฉีดยาเพื่อทำให้เธอหลับลงไปแล้ว
ขวัญดาวนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลหลายคืนแล้ว แต่ก็ยังไร้วี่แววของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามี แม้ดวงใจจะบอบช้ำเพราะเขา ทว่าในส่วนลึก เธอก็อยากให้เขาเข้ามาดูแล และอยู่ชิดใกล้เหมือนเดิม
ก๊อก ก๊อก ก๊อก มีคนเคาะประตู ขวัญดาวผวาจ้องมองอย่างใจจดจ่อ
แต่เมื่อประตูถูกเปิดเข้ามาโดยบุคคลด้านนอก ใจที่กำลังเต้นแรงตึกตักรอคอยด้วยความหวังพลันแห้งเหี่ยวลง
“พี่วิท” สีหน้าและน้ำเสียงผิดหวัง จนวิทวัสต้องส่งยิ้มกว้างให้
“แหม... ดูทำหน้าเข้าสิ เหมือนกับเห็นผีแน่ะ ผิดหวังละซิ เมื่อเห็นว่าเป็นพี่” วิทวัสซึ่งเปรียบเสมือนพี่ชายแท้ ๆ คนหนึ่ง ของขวัญดาว แม้จะไม่ได้เกี่ยวพันกันโดยสายเลือด แต่ทั้งสองคนผูกพันกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ วิทวัสมีอาชีพเป็นทนาย
“พี่มีของมาฝากขวัญเยอะเลย” เขาหอบของเยี่ยมมาเต็มสองกำมือ
ทว่าขวัญดาวก็ได้แต่นั่งทำสีหน้าหม่นหมองคล้ายคนผิดหวัง
“กินอะไรหรือยัง” เขาถามด้วยความห่วง รีบวางของฝากในมือ แล้วเดินมาลูบศีรษะผู้หญิงที่อ่อนกว่าหลายปีอย่างเอ็นดู
“กินแล้วค่ะ”
“อร่อยไหม”
เธอหันมองรอบ ๆ กินข้าวที่นี่มันจะไปอร่อยอะไร เพียงแค่คิดถึงคนที่ทำร้ายเธอแล้วก็ขมจนเต็มคอ
“กลืนไม่ค่อยจะลงหรอกค่ะ” ทำหน้าเศร้าโศกลงไปอีก
“นี่...” เขาอ้าแขน ขวัญดาวก็โผเข้าหาอ้อมกอดของเขาในทันที วิทวัสยืดอกแกร่งที่พร้อมให้น้องสาวได้พักพิงยามต้องการใครสักคน
“พี่ได้แวะไปที่บ้านไหมคะ” ที่จริงอยากถามให้มากกว่านั้นว่า วิทวัสยังเห็นเขาสองคนนั้นอยู่ด้วยกันไหม แต่ก็ไม่กล้าถาม
“พี่นัดป้าดาให้มาเอาของมาส่งพี่ที่ปากซอยน่ะ ไม่งั้นก็จะช้าไปอีก พี่แวะมาหาขวัญก่อน แล้วพี่จะไปทำงานต่อ”
วิทวัสเสียอีกที่เป็นห่วงเป็นใย และมานอนเฝ้าเธอในคืนแรก แต่คนที่ได้ชื่อว่าเป็นผัว และทำให้เธอเจ็บขนาดนี้ แถมยังเสียลูกในท้องไปอีกเขายังไม่มาไยดี
“นี่... อย่าทำหน้าเศร้าสิ”
“เขาทำไมใจร้ายกับขวัญจังคะ” เธอตัดพ้อ
“ขวัญจ๋า ตอนนี้ขวัญโฟกัสแต่ตัวขวัญเอง และทำอย่างไรก็ได้ให้ขวัญกลับมาเข้มแข็งได้อีกครั้ง”
“...” เธอนิ่งเงียบไป
“กินซุปไก่ดีกว่า” เขาลุกเดินไปหยิบซุปไก่ยี่ห้อดังมาแกะฝาให้
“กินเยอะ ๆ จะได้แข็งแรงไว ๆ”
“ขอบคุณนะคะพี่วิท” หัวใจของขวัญดาวยังเจ็บ และบอบช้ำ คิดขึ้นมาได้ครั้งใดว่าได้สูญเสียลูกไปแล้ว เธอก็สะดุดในหัวใจทุกครั้ง ‘สูญเสีย’ จนเธอแทบ ‘เสียศูนย์’
“มะ เดี๋ยวพี่ทิ้งให้” เขารับเอาขวดแก้วซุปไก่ไปทิ้งให้
เขาลากเก้าอี้มานั่งข้างเตียง พร้อมกับจับมือของเธอ วิทวัสเพ่งมองใบหน้างามที่เริ่มมีสีเลือดฝาด หากแต่ความหม่นเศร้าแต้มอยู่เต็มใบหน้า
“วันนี้ขวัญอยากเล่าอะไรให้พี่ฟังไหม พี่ชายคนนี้พร้อมรับฟังนะ การที่เราได้ระบายความเจ็บปวดออกมาบ้าง อาจจะทำให้สภาพจิตใจดีขึ้น”