“ขอโทษที่กลับช้าค่ะ คุณแขให้เฟื่องไปสมัครเรียนต่อปริญญาโทแล้วเฟื่องก็อยากเรียนด้วย วันนี้รับสมัครเป็นวันสุดท้าย” เฟื่องลดาอยู่ในชุดทำงานสุภาพสตรีสีสุภาพเรียบร้อยกำลังชงนมให้ลูก หันหลังให้รณภพเพราะเพิ่งถูกเขาด่าชุดใหญ่เรื่องไม่มารับลูกไปดูแลปล่อยให้เขาพาลูกเข้าห้องประชุมด้วย
“ขอบคุณครับ คุณออกไปทำงานต่อได้มีงานอะไรก็เก็บไว้บนโต๊ะก่อน ด่วนวางซ้าย ไม่ด่วนวางขวาเหมือนเดิม”
เกรี้ยวกราดบอกกับเลขานุการก่อนจะหยิบน้ำกับยาแก้ไมเกรนมากิน การประชุมยาวนานมากลากไปเกือบสามชั่วโมงตอนนี้บ่ายกว่าแล้ว เขาหิวข้าวแต่ก็ปวดหัวมากจึงร้องขอยาแก้ไมเกรนก่อน
คุณรสรินมีความเป็นมืออาชีพมากพอรีบจัดแจงให้ทุกอย่างรวมถึงเรื่องของอาหาร เธอสั่งมาไว้ตั้งแต่ก่อนเข้าประชุมวางจัดใส่จานไว้ให้พร้อมรับประทาน มีสองชุด คาดว่าจะสั่งมาให้ลูกชายเขาด้วย
“คนเยอะไหม แล้วสอบคัดเลือกวันไหน” มือหนึ่งดมยามือหนึ่งตบก้นลูกให้นอนรอนมจากแม่ชงช้าเสียจริง เห็นแก่ว่าวันนี้เป็นวันสุดท้ายของการสมัครเฉยๆ หรอกเขาจะเลิกด่าหล่อนเรื่องนี้ก็ได้
“กลางเดือนหน้าค่ะ เฟื่องมีเวลาอ่านหนังสือแค่ไม่ถึงสิบห้าวัน”
“ตั้งสิบห้าวัน คนช่วยเลี้ยงลูกมีตั้งเยอะตั้งแยะถ้าจะเรียนต่อก็เรียน มันเป็นผลดีกับตัวเธอ เร็วๆ เข้าสิชักช้าเหมือนเต่าคลาน เชคดว็คด้วยว่าร้อนหรือเปล่าลูกกำลังจะนอนแล้วเห็นไหม”
ดุเสียงเข้มทว่าเบากลัวลูกจะตกใจตื่นมาเล่นซน บ่ายโมงแล้วได้เวลานอนกลางวันแกจะได้โตไวๆ มาเล่นอะไรสนุกๆ ด้วยกันกับเขา
“ส่งมาฉันป้อนลูกเอง” รับขวดนมจากมือเฟื่องลดามาป้อน ปากเล็กอ้างับหัวจุกเล็กแทบจะทันทีจับกินดูดจุ๊บๆ หลับตาพริ้ม ง่วงก็ง่วงแต่ปากก็ยังดูดนมดื่มอย่างต่อเนื่องกินเก่งจังเลยลูกชายเขา
“แล้วได้หนังสืออ่านหรือยัง เสียเวลางานไปสมัครแล้วยังไงก็ต้องติด”
“ยังเลยค่ะ เฟื่องจะเข้าไปยืมในห้องสมุดพรุ่งนี้เช้า”
“ยืมทำไม ซื้อใหม่เลยสิจะได้เก็บไว้อ่านทบทวนด้วยเผื่อไม่เข้าใจเรื่องไหน”
“เฟื่องไม่อยากสิ้นเปลืองเงิน รอซื้อแค่เล่มที่ได้ใช้เรียนดีกว่า”
“นี่เธอ แม่ฉันสนับสนุนแค่เงินค่าเทอมแต่ไม่สนับสนุนค่าหนังสือบ้างเลยเหรอ ทำไมถึงงกจัง ไปจัดอาหารให้ฉัน เคลียร์งานเสร็จรอลูกตื่นก่อนฉันจะพาไปซื้อ ทำให้ถึงขนาดนี้ลองสอบไม่ติดดูสิ!”
“เฟื่องเรียนจบปริญญาตรีเกียรตินิยมจากทุนของคุณแขเหมือนกันนะคะ”
“แล้วยังไง ปริญญาตรีกับปริญญาโทไม่เห็นจะเหมือนกันเลย ลองเรียนก่อนเถอะแล้วจะรู้” คนที่จบปริญญาโทมาสองใบทั้งจากในประเทศไทยและประเทศอังกฤษพูดทับถมขึ้นมา ตวัดสายตาไปทางโต๊ะกินข้าวสั่งสาวใช้ส่วนตัวให้รีบไปจัดแจงโต๊ะอาหารหาน้ำหาอะไรมาเตรียมไว้รอเขาหิวท้องกิ่วไส้จะขาดอยู่แล้ว
คุณรสสั่งอาหารโปรดหลายอย่างมาให้จากร้านอาหารไทยของเพื่อนเขาเช่นเดิม โดยปกติรณภพจะติดนิสัยอุดหนุนเพื่อนฝูงแบบนี้เสมอ ถ้าหากต้องการจะซื้ออะไรจะคิดก่อนเลยว่ามีเพื่อนทำธุรกิจจำพวกนั้นไหม เขานั่งลงบนเก้าอี้จับช้อนส้อมขึ้นมาเตรียมกินก่อนจะนึกขึ้นได้จึงปรายสายตาไปมอง
“กินอะไรมาหรือยัง ไหนบอกว่ารีบสมัครรีบกลับกลัวมาไม่ทันรับลูกไง”
เฟื่องลดาละสายตาจากลูกกลับมามอง “อ๋อ เฟื่องยังไม่หิวค่ะคุณภพกินก่อนเลย”
“จะใช้มุกไม่หิวไปอีกนานแค่ไหนแม่คุณ อยู่บ้านก็บอกไม่หิวๆ รอเจ้าของบ้านกินอิ่มค่อยเข้ามากินข้าวก้นหม้อพร้อมกับคนใช้ตลอด แต่ก็ดีนะ เจียมตัวเองดี ฉันไม่ค่อยชอบพวกตีตัวเสมอเจ้านาย”
“ค่ะ” แม้จะเจ็บแต่เฟื่องลดาก็พยายามไม่ใส่ใจคำพูดเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายของรณภพ มือเล็กจับขวดนมว่างเปล่าออกจากปากลูก ใช้ผ้าเล็กๆ คอยปัดให้กลัวจะมียุงหรือแมลงตัวเล็กๆ บินเข้ามากัดลูก
ร้านหนังสือบรรยากาศร่มรื่นใกล้ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่มีโซนให้เลือกซื้อหนังสือและนั่งดื่มกาแฟ รณภพอนุญาตให้เฟื่องลดาเข้าไปเลือกซื้อหนังสือได้ตามใจส่วนเขาอุ้มลูกให้หัดเดินเล่นอยู่โซนร้านกาแฟ ช่วงเย็นๆ แบบนี้เด็กนักเรียนนักศึกษาหลายคนแวะมาเดินเล่นในร้านร่วมกับการดื่มชากาแฟ
รณภพเป็นผู้ชายรูปร่างหน้าตาดีเปล่งประกายออร่าความรวยออกมาทะลุเสื้อผ้า สาวคนไหนเดินผ่านก็ต่างเหลียวมองตามข้างหลังแอบส่งปลายนิ้วไปสะกิดเพื่อนในกลุ่มให้ลองมองไปทางด้านนั้น แต่หลายคนก็ต้องอกเดาะเพราะหนุ่มหน้าตาดีมีลูกแล้ว อุ้มไม่วางมือ คอยประคบประหงมตักข้าวตักขนมให้กิน
ขณะรอรณภพวางลูกลงให้จับขอบเก้าอี้เดินเล่นในโซนที่จำกัดไว้ ซึ่งโซนดังกล่าวก็คือตำแหน่งที่เท้าเขายกขึ้นกั้นไว้แล้วนั่นเอง ตาหนูมีความสุขในการหัดเดินและหันหน้าไปจ๊ะเอ๋กับพี่สาวโต๊ะข้างๆ
รณภพกำลังเล่นมือถือพลางส่งยิ้มไปให้น้องๆ กลุ่มนั้น เขากำลังแปลกใจที่ได้รับข้อความไลน์จากเมรีญา
เขากับหล่อนไม่ได้ติดต่อกันมากกว่าสองปี แปลกใจที่วันนี้เมรีญาส่งข้อความมาบอกอีกไม่กี่เดือนก็จะกลับไทยแล้ว ส่งมาเพื่อ?
“คุณภพ เฟื่องเลือกหนังสือเสร็จแล้วค่ะอยู่ในตะกร้ารอจ่ายเงินด้านใน”
“เหรอ เอาไปจ่ายเองก็แล้วกันฉันจะนั่งรอตรงนี้”
เก็บโทรศัพท์และหยิบแบงค์พันในกระเป๋ามาส่งให้จำนวนหลายใบทว่าเฟื่องลดากลับหยิบในมือเขาไปแค่พันเดียวเท่านั้น รณภพหัวเสียเก็บกลับที่เดิมก่อนจะอุ้มหมูน้อยหน้าพิมพ์เดียวกับเขาตามหล่อนเข้าไปในร้านหนังสือตำแหน่งแคชเชียร์เพื่อดูว่าซื้ออะไรมาบ้าง
“เลือกมากี่เล่ม ขี้เกียจอ่านหรือยังไงทำไมถึงหมดเงินน้อยขนาดนี้!”
“เปล่าค่ะ ไม่ได้ขี้เกียจอ่าน แต่เฟื่องเลือกซื้อมือสองราคาก็เลยถูกลงมาก”
“ตามใจ!” เขามองหน้ายัยแม่ของลูกขี้งกก่อนจะมองน้องพนักงานที่เรียกเก็บเงิน “ถือกลับมาเองก็แล้วกัน ฉันจะพาลูกไปนั่งรอบนรถ” ดึงสายตากลับมามองลูกก่อนหนุ่มหล่อจะเดินออกลานจอดรถ หัวเสียไม่หายไม่เข้าใจเลยว่าทั้งที่เขาก็มีความสามารถในการจ่ายแต่ทำไมถึงต้องเลือกซื้อหนังสือมือสองด้วย เงินรายเดือนค่าเลี้ยงลูกก็ใช่ว่าเขาใจร้ายไม่ให้สักบาท ให้ไปแล้วแต่หล่อนก็ไม่เคยเอาไปซื้อเสื้อผ้าสวยๆ ใส่ อยู่บ้านแต่ละครั้งเสื้อผ้าใส่ชุดเดิมเขาแทบจะจำได้ ส่วนชุดทำงานก็มีไม่ถึงสิบมั้งจำได้ขึ้นใจจนรำคาญไปหมด
เหมาะสมแล้วที่เขารับแค่ลูกไม่ได้รับหล่อนมาเป็นเมีย เพราะเมียที่แต่งหน้าแต่งตัวสวยๆ ไม่เป็น ผัวที่ไหนก็ต้องอับอายขายขี้หน้ากันทั้งนั้น ไม่กล้าควงออกงาน ควงไปก็ได้อายชาวบ้านกันเปล่าๆ
รณภพเล่นกับลูกบีบแก้มตุ้ยนุ้ยรอเฟื่องลดาเข้ามารับลูกไปนั่งตัก “ฉันจะแวะส่งที่บ้านแล้วจะไปกินข้าวเย็นกับเพื่อน คืนนี้ฉันไม่กลับมานอนบ้านไม่ต้องอยู่รอพาลูกเข้านอนได้เลย”
“เข้าใจค่ะ” มือคู่นั้นเกิดสั่นขึ้นมาแม้ว่ามันจะไม่ใช่ครั้งแรกแต่เฟื่องลดาก็รู้สึกเจ็บแปลบๆ ภายในใจทุกครั้งที่รู้ว่าเขากำลังจะไปทำอะไรกับใครในค่ำคืนนี้ เฟื่องลดาไม่มีสิทธิ์ไปห้ามหรือไปขอร้องให้เขาไม่ไปไหนเพราะเขากับหล่อนไม่ได้เป็นอะไรกันไปมากกว่า ‘พ่อกับแม่’ แค่ทำหน้าที่นี้ร่วมกันแปรเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้