1
รถกระบะคันกลางเก่ากลางใหม่ขับผ่านประตูรั้วเหล็กใหญ่มหึมาเข้ามาภายในอาณาเขตคฤหาสน์ราคาหลักร้อยล้าน เบื้องหน้าเห็นลานน้ำพุขนาดใหญ่เป็นปราการด่านแรกให้มองก่อนภาพความงดงามของสถาปัตยกรรมขนาดใหญ่สไตล์ยุโรป สองข้างฝั่งของถนนขนานข้างด้วยสวนหย่อมประดับพันธุ์ไม้แปลกตาหลายชนิด
“บ้านใหญ่โตยิ่งกว่าวัง โรงจอดรถหรือเต้นท์รถมือสองวะนั่นทำไมถึงมีรถหลายคันขนาดนั้น บ้านเอ็งใช่ไหม เจ้าของบ้านเขาซื้อมาขายหรือมาขับเล่นเหรอนังหนู”
“บ้านเจ้านายค่ะ คุณลุงขับเข้าไปจอดหน้าคนนั้นเลยค่ะ”
ชี้ปลายนิ้วไปทางด้านหน้าในตำแหน่งยืนของสาวใช้คนหนึ่ง คาดว่าคุณแขไขหรือไม่ก็คุณวิทยาคงจะบอกคนในบ้านแล้วว่าจะมี กาฝาก มาขออาศัยอยู่ชั่วคราว เฟื่องลดาหวาดกลัวการเข้ามาอาศัยบ้านคนอื่นแต่เพราะความรักและคิดถึงลูกแทบขาดใจทำให้หล่อนตัดสินใจยอมแลกทุกอย่าง บากหน้าไปขอร้องท่านทั้งสองให้อนุญาตตนเองเข้ามาเยี่ยมลูกหรือพาลูกกลับไปนอนด้วยบ้าง ไม่ใช่ตัดรอนทุกอย่างไม่ยอมแม้กระทั่งให้ตนเองมาเจอหน้าลูกเหมือนอย่างที่รณภพทำ ถือเป็นความโชคดีของเฟื่องลดาที่ท่านเจ้าสัววิทยาเห็นใจและตระหนักได้ถึงความลำบากทางจิตใจที่หล่อนต้องเผชิญเกือบหนึ่งเดือน ตั้งหนึ่งเดือนแต่ได้เจอลูกแค่สองครั้ง รณภพใจร้ายกับหล่อนมากอ้างว่าหล่อนไม่รักลูกแล้วแย่งลูกไป ท่านจึงยอมอนุญาตให้ผู้หญิงแปลกหน้าแม่ของหลานชายท่านเข้ามาอาศัยในคฤหาสน์หลังใหญ่แห่งนี้ได้
“ใช่ค่ะ จอดตรงนี้เลยค่ะ”
เอ่ยจบเฟื่องลดารีบเปิดประตูออกไปถามถึงลูกกับสาวใช้คนนั้น ทว่าลุงคนนั้นก็ตามลงมาถามถึงของบนหลังกระบะซะก่อน
“นังหนู! บอกก่อนสิว่าจะให้ลุงขนของลงไปวางไว้ไหน ค่าจ้างเหมารวมค่ายกของแล้วไม่ต้องกลัวได้จ่ายเพิ่มหรอกนะ”
“เอ่อ…” เฟื่องลดาตอบไม่ได้ หันกลับไปมองหน้าคนในบ้านของคุณแขไข
“เดี๋ยวลุงถือของตามหนูมาก็ได้ ส่วนคุณหนูกัปตันอยู่กับคุณภพในบ้านค่ะ” สาวใช้คนนั้นทำหน้าที่ดีเยี่ยมตอบคำถามทั้งสองคน ลุงเจ้าของรถรับจ้างขนของแฮปปี้เฟื่องลดาเองก็แฮปปี้รีบเดินเร็วไปถอดรองเท้าลืมแม้กระทั่งเปลี่ยนในรองเท้าสวมในบ้านรีบจ้ำเท้าเข้าไปข้างใน มองหาว่ารณภพพาลูกไปอยู่ไหน น้ำตาคลอเกือบร้องไห้ดีใจที่วันนี้จะได้กอดลูก
“หล่อน! เป็นใครมาจากไหนถึงวิ่งพรวดพราดเข้ามาในบ้านคนอื่นแบบนี้ อ๋อ อย่าบอกนะว่าเป็นแม่ของคุณหนูกัปตัน สภาพ…”
เฟื่องลดาหยุดยืนกลางบ้าน หญิงวัยกลางคนวางมือจากการปักดอกไม้ลงแจกันเดินเข้ามาปรายตามองหัวจรดเท้า สีหน้าแววตาไม่พอใจในสภาพการแต่งหน้าแต่งตัว เธอคนนี้ไม่ผ่านมาตรฐานในหลายๆ ด้าน ต่างจากอดีตแฟนเก่าของคุณภพที่ดูดีมีการศึกษามากหลายเท่าตัว
‘อนงค์’ แม่บ้านคนเก่าคนแก่ที่อยู่คู่บ้านหลังนี้มาตั้งแต่สมัยรณภพยังเป็นวัยรุ่นแสดงความดูถูกสาวคนนี้อย่างออกนอกหน้า จนกระทั่งเด็กในบ้านยกกระเป๋าเข้ามา
“อ้าวป้านงค์ก็อยู่ด้วยเหรอจ๊ะ คนนี้คุณเฟื่องที่คุณแขเล่าให้ฟังว่าจะมาอยู่กับเรา” เด็กยมอายุอานามยังไม่มากน่าจะยี่สิบต้นๆ ลากกระเป๋าใบใหญ่เข้าบ้าน
“อยู่กับเรา หมายถึงเรือนคนใช้หลังบ้านเหรอนังยม”
“ป้าจะบ้าเหรอ คุณเขาเป็นแขก คุณท่านจัดห้องไว้แล้วข้างบนบ้าน”
“เป็นแค่แขกไม่ใช่เจ้านาย กระเป๋าเยอะขนาดนี้ขนขึ้นไปเองแล้วกันนะอย่าลำบากให้ใครช่วยยก ส่วนตาลุงคนนั้น ถ้าหมดธุระแล้วก็กลับไปได้จะยืนมองของในบ้านอะไรนานขนาดนั้นคิดจะตามเข้ามาขโมยทีหลังหรือยังไง”ข
“เปล่าครับ เปล่า ไม่ใช่ ผมกลับเลยก็ได้ครับคุณแม่บ้าน”
“ก็รีบกลับไปสิยังจะยืนรออะไร หรือคนแถวนี้ยังไม่จ่ายค่าช่วยขนของให้”
“จ่ายแล้วครับ ผมกลับเลยนะครับ ลุงกลับก่อนนะนังหนู” คล้ายแกจะบอกกับเฟื่องลดาว่า โชคดี ลุงคนขับรถรีบเดินออกจากบ้านหลังใหญ่ไม่มองอะไรอีกกลัวถ้าเกิดของมีค่าหายไปจะถูกกล่าวหาเอาได้ว่าตนเองเป็นขโมย
“ยกกระเป๋าตามมา ฉันจะพาเธอขึ้นไปดูห้องข้างบนเอง”
“เฟื่องขอไปเจอลูกก่อนได้ไหมคะ”
“ฟังคำพูดคนอื่นไม่เข้าใจเหรอไง ฉันบอกให้ยกกระเป๋าตามมา”
“ป้านงค์ ยมยกขึ้นไปให้ก็ได้จ้ะสองใบเอง ให้คุณเขาไปเจอคุณหนูก่อนก็ได้”
“ก็แค่คนมาขออาศัยอยู่บ้านชั่วคราวจะไปโอ๋เอาใจเขาอะไรกันนักกันหนา”
“เธอเองก็กำลังอาศัยอยู่บ้านคนอื่นนะอนงค์ อย่าลืมเรื่องนี้”
“ท่านเจ้าสัว” หญิงวัยกลางคนหน้าซีดรีบหลบสายตาเจ้าของบ้าน
“ต่อไปนี้เฟื่องจะมาอยู่กับเราที่นี่ในฐานะแขกของฉัน เคยปฏิบัติตัวต่อฉันยังไงก็ต้องปฏิบัติตัวต่อเฟื่องให้เหมือนกัน ห้ามไม่ให้ใครหาเรื่องหรือไม่ให้เกียรติเธอเด็ดขาด” เสียงท่านเจ้าสัวดังกังวานไปทั้งบ้าน รณภพได้ยินจึงเดินออกจากห้องนั่งเล่นมาดู
“แล้วถ้าฉันเห็นว่าเธอยังดูถูกแขกของฉันอยู่แบบนี้ ระวังฉันจะไล่เธอออก”
“ไม่มีใครไล่ป้านงค์ออกทั้งนั้นแหละครับ ตราบใดที่ผมยังอยู่ที่นี่ ถ้าคุณพ่อจะไล่ใครสักคนผมคิดว่าควรจะหันไปมองใครอีกคนมากกว่านะครับ”
คนปกป้องปรากฏตัวป้าอนงค์ได้ใจรีบวิ่งไปหลบหลังเจ้านาย เมื่อมีรณภพอยู่ตรงนี้ทั้งคนแม้แต่เจ้าสัวป้าอนงค์ก็ไม่กลัว “ป้านงค์ทำงานกับเรามานาน เลี้ยงผมมาตั้งแต่เด็กจนโต แล้วคนแถวนี้มีประโยชน์อะไร”
“ก็มีประโยชน์ตรงที่เขาอุ้มท้องลูกแกตั้งเก้าเดือนยังไงล่ะ หรือถ้าคิดว่าเขาไร้ค่าไร้ประโยชน์ขนาดนั้นแกก็คืนลูกให้เขาสิ ไปฉีกเอกสารรับรองเป็นพ่อเด็กของแกสิภพ!!”