‘อีกแล้วกู แพ้ภัยตัวเองอีกแล้ว’
ธิปรกบ่นงึมงำในใจยอมนั่งลงตามความต้องการของหญิงสาว
รดายิ้มหวานดีใจก่อนจะเริ่มเล่านิทานให้เด็กๆ และคนตัวใหญ่ฟัง
“เด็กๆ คะตั้งใจฟังนะ พี่รดาจะเล่าเรื่องโฉมงามกับเจ้าชายอสูรให้ฟัง”
“เย้ๆ เล่าเลยๆ เราอยากฟังแล้ว” เด็กๆ ต่างก็ปรบมือตะโกนร้องอย่างดีใจ เมื่อรดาเริ่มเล่านิทานทุกคนต่างก็เงียบกริบตั้งอกตั้งใจฟัง
จากที่ตั้งใจว่าจะนั่งฟังแค่นาทีสองนาทีแล้วกลับไปทำงานที่ไร่ต่อ พ่อเลี้ยงหนุ่มก็นั่งฟังเพลินจนรดาเล่านิทานเป็นเรื่องที่สองแล้ว หญิงสาวเล่าได้เป็นธรรมชาติและสนุกสนานมากทำให้คนฟัง ฟังแล้วไม่รู้จักเบื่อ
เขาจ้องมองริมฝีปากอวบอิ่มที่ขยับขึ้นลงเป็นจังหวะขณะที่เล่านิทานแล้วอยากจะประทับจุมพิตนัก... อยากจะรู้ว่าริมฝีปากสีสดที่อยู่ล่อตาล่อใจจะหวานล้ำปานใด พ่อเลี้ยงหนุ่มตกใจกับความคิดเถื่อนๆ ของตนเองก่อนจะถลึงพรวดลุกขึ้นแล้วเดินดุ่มๆ ไปที่รถโดยไม่ฟังเสียงใคร
รดาเห็นท่าทางของพ่อเลี้ยงหนุ่มก็ขมวดคิ้วอย่างงงๆ ก่อนจะปล่อยหัวเราะคิกเอ่ยพึมพำออกมาคนเดียว
“ผีเข้าผีออกแบบนี้เดี๋ยวหาหมอผีมาปราบเสียหรอก”
ธิปรกทำหน้าบึ้งตึงเดินกระแทกเท้ามาที่รถ กำลังจะเข้าไปในรถก็ต้องขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจเมื่อเห็นรถกระบะขนคนงานสี่ห้าคันวิ่งมาแต่ไกล
เขายกนาฬิกาเรืองแพงมองเวลาเพิ่งห้าโมงครึ่งเอง ทำไมวันนี้คนงานเลิกงานเร็วผิดปกติ พ่อเลี้ยงหนุ่มนึกแปลกใจคนเดียวรอจนกระทั่งคนงานกลุ่มแรกลงจากรถกระบะเขาก็เอ่ยถามรามที่ลงมาจากรถพร้อมกับคนงาน
“ไอ้ราม! ทำไมวันนี้พวกมึงเลิกงานเร็วจังวะ ไม่ทำโอทีต่อหรือไง”
รามกับชาญเดินลงมาจากรถพร้อมๆ กันแต่หยุดยืนห่างจากบาทาของพ่อเลี้ยงไกลลิบแล้วพากันตะโกนตอบ
“ไอ้พวกนี้มันของดโอทีตลอดไปครับ”
“ทำไมวะ” ธิปรกเอ่ยถามอย่างงงๆ เพราะปกติคนงานมักจะชอบทำโอทีหลังเลิกงานไม่เคยมีใครของดทำโอทีสักคน
รามมองไปที่รดาซึ่งกำลังเดินกะเผลกๆ มาที่พ่อเลี้ยงก่อนจะตะโกนตอบเหมือนเดิม
“ไอ้พวกนี้มันอยากมาดูละครตอนหัวค่ำที่คุณรดาแสดงครับ”
รดาหยุดเล่านิทานแล้วบอกให้เด็กๆ ลูกคนงานในไร่กลับบ้านจากนั้นก็เดินมาหยุดอยู่เคียงข้างพ่อเลี้ยง เธอหัวเราะเบาๆ เมื่อได้ยินคำตอบของหัวหน้าคนงาน
พ่อเลี้ยงธิปรกส่ายหน้าอย่างระอาในความบ้าเห่อดาราแล้วหันมาถลึงตาใส่ตัวต้นเหตุก่อนจะหันไปตวาดลูกน้องเสียงดัง
“แล้วทำไมมึงต้องตะโกนคุยด้วยวะไอ้ราม เดินมาใกล้ๆ กูสิ”
“ไม่ได้ครับ ไกลๆ แบบนี้ดีแล้ว ถ้าขืนเข้าไปใกล้เดี๋ยวได้รับประทานรองเท้าหนังแทนข้าวมื้อเย็น”
รามยังตะโกนตอบเหมือนเดิมแล้วยื่นส้มสายน้ำผึ้งลูกใหญ่ๆ ในถุงพลาสติกให้ชาญก่อนจะกระซิบกระซาบเบาๆ อย่างรู้กัน
“ไอ้ชาญมึงเอาส้มไปให้คุณรดาแล้วรีบโกยตีนหมานะมึงไม่งั้นกูไม่รับรองความปลอดภัย”
“พี่รามก็เอาไปให้เองสิครับ” ชาญทำหน้าเหยเกมองหน้าพ่อเลี้ยงที่กำลังตีหน้ายักษ์ใส่ก็กลื่นน้ำลายเอื้อกใหญ่ด้วยความหวาดเสียว
“ก็มึงเสือกเป็นต้นคิด มึงก็เอาไปให้เองสิวะ เร็วๆ!” รามด่าลูกน้องเบาๆ
พ่อเลี้ยงธิปรกแอบยิ้มขำเมื่อเห็นท่าทางแปลกๆ ของลูกน้องรู้ว่าเรื่องที่กำลังกระซิบกระซาบกันคงไม่พ้นเรื่องที่เกี่ยวกับหญิงสาวแสนสวยที่ยืนอยู่ข้างๆ ตน
“พวกมึงจะกระซิบคุยกันอีกนานไหม” ธิปรกแกล้งตวาดถามลูกน้อง
ชาญเดินลากขาช้าๆ มาใกล้รดาแล้วยื่นถุงส้มใบใหญ่ให้ก่อนจะเอ่ยเบาๆ แบบเขินอาย
“ผมเก็บส้มสดๆ จากไร่มาฝากครับ”
รดาอมยิ้มยื่นมือไปรับส้มแล้วเอ่ยขอบคุณเสียงหวานจนชาญแทบจะตัวลอย “ขอบคุณชาญมากนะคะ วันหลังพารดาไปเก็บส้มด้วยสิ”
ชาญยิ้มกว้างหน้าบานเป็นจานกระด้ง แต่พอหันไปสบตาดุๆ คมกริบของพ่อเลี้ยงที่กำลังจ้องมองมาก็หุบยิ้มทันที พอพ่อเลี้ยงขยับตัว เขาก็โกยแนบแบบไม่คิดชีวิตแต่ก็ไม่ลืมที่หันมาตะโกนตอบรดา
“เดี๋ยวพรุ่งนี้พวกผมมารับไปเก็บส้มด้วยกันนะครับ”
รดาหัวเราะเบาๆ ด้วยความขบขำ เธอหยิบส้มมาแกะลูกหนึ่งแล้วยื่นให้พ่อเลี้ยงที่ยังตีหน้ายักษ์ใส่เธออยู่
“พ่อเลี้ยงกินส้มหวานๆ ไหมคะ เผื่อว่าอารมณ์จะดีขึ้นเลิกทำหน้าบึ้งได้เสียที”
พ่อเลี้ยงธิปรกทำตาเขียวปัดใส่หญิงสาวแล้วเอ่ยต่อว่าเสียงห้วน
“เพราะเธอทีเดียวที่ทำให้ไร่ธิปรกปั่นป่วนไปหมด”
“รดาไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย” หญิงสาวเถียงกลับยิ้มๆ พลางยื่นกลีบส้มไปใกล้ๆ ริมฝีปากหนาของพ่อเลี้ยงหนุ่ม “ส้มค่ะ หวานชื่นใจ”
พ่อเลี้ยงธิปรกอ้าปากรับส้มอย่างเสียไม่ได้ เมื่อมองใบหน้าหวานนัยน์ตากลมโตที่กำลังเต้นระริกขบขำก็ได้แต่ทำเสียงฮึ่มๆ ในลำคอแล้วกระโดดขึ้นไปบนรถแลนด์โรเวอร์
รดาแอบหัวเราะขำแกล้งคนตัวใหญ่ขี้โมโหก็สนุกเหมือนกัน เธอยิ้มกว้างจนตาหยีเดินไปเคาะกระจกรถหนักๆ แล้วบุ้ยปากทำไม้ทำมือให้พ่อเลี้ยงเอากระจกรถลง
พ่อเลี้ยงทำสีหน้ารำคาญกดกระจกรถลงก่อนจะเอ่ยถาม “อะไรอีก? ยุ่งจริง!”
“รดาขอกลับเรือนกล้วยไม้ด้วยค่ะ” รดาเอ่ยบอกเสียงนุ่มหวาน
“อยากกลับก็ขึ้นมาสิ”
“เจ็บขาปืนขึ้นรถไม่ไหว” รดาทำหน้าตายกะพริบตาปริบๆ ดูน่าสงสารขณะเอ่ยบอก
“ยุ่ง!”
ธิปรกสบถเสียงดังแต่ก็ยอมลงจากรถเดินอ้อมมาทางหญิงสาวจากนั้นก็จับเอวบางคอดกิ่วไว้แล้วยกวืดเดียวรดาก็นั่งแหมะอยู่หน้ารถ เขาอ้อมกลับมาขึ้นรถแล้วปิดประตูรถกระแทกโดยแรงเป็นการประชดหญิงสาวที่นั่งยิ้มกริ่มเป็นทองไม่ร้อน
เมื่อพ่อเลี้ยงหนุ่มขับรถมาถึงเรือนกล้วยไม้แทนที่รดาจะลงจากรถกลับนั่งเฉยแกล้งรอให้อีกฝ่ายมาเปิดประตูรถให้
ธิปรกลงจากรถก็เดินตรงดิ่งขึ้นเรือนกล้วยไม้แต่พอหันหลังมองไปที่รถเห็นรดายังนั่งอยู่ที่เดิมก็ส่ายหน้าอย่างระอาเดินดุ่มๆ กลับมากระชากประตูเปิดออกโดยแรง จากนั้นเขาก็แกล้งโค้งคำนับแล้วผายมือออกไปข้างหน้าอย่างล้อเลียน
“เชิญครับคุณผู้หญิงคนสวย”
รดาหัวเราะคิกด้วยความขบขำเขยิบตัวลงจากรถได้ก็เชิดหน้าขึ้นอย่างสง่างามแล้วเอ่ยขอบคุณกลั้วหัวเราะ
“ขอบคุณมากค่ะ วันนี้ไม่มีทิปให้ ขอแปะโป้งไว้ก่อนนะคะ”
รดาเอ่ยเสร็จก็พยายามเดินเชิดสง่างามอย่างกับนางแบบขึ้นไปบนเรือนกล้วยไม้