บทที่ 1
ซีรีย์จอมใจคนเถื่อน มี 4 เรื่อง และจบในเล่มทุกเรื่องค่ะ ประกอบด้วย
1.จอมใจคนเถื่อน ภาคแรก ภาคของพ่อเลี้ยงธิปรกกับแม่เลี้ยงรดา
2.ยอดรักจอมใจคนเถื่อน ภาคของอัคนีและธีราดา หรือเพลิงกับหมามุ่ย
3.หวามรักจอมใจคนเถื่อน ภาคของอัคคีกับพีรดา หรือไฟกับฬานา
4.บ่วงรักจอมใจคนเถื่อน ภาคของธิติกับอคิรา
++++++++++++++++++++++++++++++++++
บทที่ 1
“เอี๊ยดดด โครม!”
สิ้นสุดเสียงเบรกรถที่ดังสนั่นหวั่นไหวรถเก๋งคันงามรุ่นใหม่ล่าสุดก็ไถลเข้าไปชนต้นไม้ข้างทางอย่างรุนแรง ถุงลมนิรภัยพองตัวรองรับแรงกระแทกให้คนขับทันที รถเก๋งคันงามอัดเข้าไปกับต้นไม้จนด้านหน้ายุบควันลอยโขมงขึ้นมาเต็มด้านหน้ารถ
หญิงสาวในรถพยายามปลดล็อกเข็มขัดนิรภัย มือบางอีกข้างยกขึ้นเช็ดเลือดจากหน้าผากที่ยังไหลออกมาเรื่อยๆ หยดเป็นทางจนเปื้อนเสื้อสีขาวเป็นวงใหญ่
หญิงสาวพยายามปลดล็อกเข็มขัดนิรภัยอีกครั้ง แต่ยิ่งพยายามก็ราวกับว่าเข็มขัดยิ่งรัดแน่นขึ้นไปอีก ดวงตาคู่งามเริ่มพร่ามัวมองอะไรไม่เห็น สำนึกสุดท้ายก่อนที่สติจะดับไปหญิงสาวนึกถึงคุณพ่อคุณแม่ขอให้ท่านช่วยคุ้มครอง
และเหมือนสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะช่วยดลบันดาล หญิงสาวเห็นมีกลุ่มชายฉกรรจ์กำลังวิ่งมาที่รถของเธอ ชายฉกรรจ์ร่างสูงใหญ่กว่าเพื่อนที่วิ่งนำหน้ามาก่อนใครเข้ามาทุบกระจกรถพลางตะโกนเรียกเสียงดัง หญิงสาวพยายามตะโกนตอบเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่น้ำเสียงที่เปล่งออกมาเป็นเพียงเสียงกระซิบแผ่วเบาก่อนที่สติจะดับวูบไป
คนงานใน ‘ไร่ธิปรก’ กลุ่มสุดท้ายกำลังช่วยกันลำเลียงลังใส่ผลส้มไปไว้ท้ายรถกระบะเพื่อที่จะนำไปส่งที่โรงคัดผลส้มอีกที
‘ราม’ หัวหน้าคนงานกำลังเดินตรวจดูความเรียบร้อยครั้งสุดท้ายก่อนที่จะเข้าไปในรถด้านคนขับ แต่ไม่ทันได้สตาร์ทรถ รามและคนงานก็ได้ยินเสียงเบรกรถและเสียงรถกระแทกวัตถุหนักๆ ดังสนั่นหวั่นไหว
“พี่ราม เสียงรถชนอยู่หน้าไร่” คนงานที่นั่งอยู่ท้ายกระบะตะโกนบอกหัวหน้าคนงาน
“กูได้ยินแล้ว พวกมึงนั่งกันดีๆ กูจะขับรถไปดูเดี๋ยวนี้”
รามเอ่ยสั่งคนงานแล้วรีบสตาร์ทรถก่อนจะขับตะบึงห้อไปตามถนนลูกรังจนฝุ่นตลบอบอวลไปทั่ว ด้วยการเหยียบคันเร่งแบบตีนผี 100ก.ม./ชั่วโมง และถนนส่วนบุคคลที่โล่งแจ้งไม่มีรถวิ่งสวนทางทำให้รามขับมาถึงยังที่เกิดเหตุได้ภายใน 5 นาที
“ไอ้ห่...รถใครวะประสานงากับต้นไม้ซะจนไม่เหลือดีเลย”
รามเอ่ยกับคนงานที่นั่งคู่กัน พอรถจอดสนิททุกคนก็รีบกรูไปยังรถที่พังยับเยิน
หัวหน้าคนงานที่ตัวสูงใหญ่กว่าใครแต่กลับวิ่งได้เร็วกว่าคนงานคนอื่นๆ วิ่งไปถึงรถคนแรกและพยายามทุบกระจกรถด้านคนขับเพื่อเรียกคนที่ติดอยู่ข้างใน เขาไม่ได้ยินว่าหญิงสาวเคราะห์ร้ายพูดว่าอะไรก่อนที่จะหมดสติไป แต่ที่แน่ๆ พวกเขาต้องช่วยเธอออกมาจากรถให้เร็วที่สุด ถ้าเกิดถังน้ำมันรั่วก็เสี่ยงที่รถอาจจะระเบิดได้
รามลองเปิดประตูรถแต่เปิดไม่ได้เพราะประตูรถติดล็อกหมดทั้งสี่ บาน
“ไอ้สน ไอ้ชาญ มึงไปเอาจอบมา กูจะทุบกระจกช่วยผู้หญิงออกมาก่อน” รามหันไปสั่งลูกน้องรัวเร็ว
ชาญไม่รอช้ารีบวิ่งไปเอาจอบที่ท้ายรถกระบะแล้ววิ่งกลับมาให้หัวหน้าคนงานอย่างรวดเร็ว รามทุบกระจกหลัง ด้านคนขับสุดแรงเกิด เขาไม่กล้าทุบกระจกด้านหน้าคนขับเนื่องจากกลัวเศษกระจกจะกระเด็นไปบาดหญิงสาว
เขาเอื้อมมือไปดึงที่ล็อกประตูขึ้นก่อนจะเปิดประตูรถดึงมีดพกที่ติดตัวมาด้วยแทงเข้าไปที่ถุงลมนิรภัยเพื่อปล่อยลมออก มืออีกข้างพยายามประคองร่างบางไว้ไม่ให้กระแทกกับพวงมาลัย
“ไอ้ชาญมึงไปปลดล็อกเข็มขัดที ไอ้สนมึงไปขับรถมาใกล้ๆ กูจะอุ้มผู้หญิงไป”
รามสั่งลูกน้องอีกครั้ง พอชาญปลดล็อกเข็มขัดนิรภัยได้ พวกเขาค่อยๆ ช่วยกันดึงร่างบางออกมาจากซากรถยนต์อย่างทุลักทุเล จากนั้นก็ เคลื่อนย้ายร่างบางให้มานอนด้านหลังรถกระบะ ยังดีที่พวกเขาขนลังส้มไปเกือบหมดแล้วที่เหลืออยู่ก็มีแค่ไม่กี่ลังทำให้ยังพอมีที่ว่างพอที่จะให้หญิงสาวนอนบนท้ายกระบะได้
รามให้ชาญขึ้นไปนั่งขัดสมาธิและวางศีรษะของหญิงสาวบนตักของชาญอีกทีเพื่อกันกระแทก เขาสังเกตเห็นเลือดที่ยังไหลไม่หยุดตรงหน้าผากที่แตกกว้างหลายนิ้ว เขาหันรีหันขวางหาผ้าสะอาดๆ เพื่อกดห้ามเลือด มองไปยังกลุ่มคนงานก็มีแต่เสื้อที่สกปรกเปื้อนฝุ่นแดงๆ จากถนนลูกรัง สุดท้ายก็เลยใช้มีดพกตัดตรงปลายเสื้อสีขาวของหญิงสาวได้ขนาดประมาณฝ่ามือแล้วยื่นให้ชาญกดห้ามเลือดไว้
“ไอ้ชาญกดห้ามเลือดไว้ก่อน กดเบาๆ นะมึงอย่ากดแรงเกินไป เดี๋ยวเลือดยิ่งไหลออกมามากจะยุ่งกันไปใหญ่”
หัวหน้ารามสั่งเรียบร้อยก็กระโดดขึ้นรถด้านคนขับเตรียมสตาร์ทรถ
“พี่ราม แล้วรถคุณผู้หญิงจะทำยังไง” สนตะโกนถามแล้วรีบวิ่งไปขึ้นด้านหน้ารถ
“ทิ้งไว้ที่นี่ รอให้พ่อเลี้ยงกลับมาก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที ไอ้สนมึงโทรศัพท์ไปหาหมอประวิทย์บอกให้หมอมาที่ไร่เร็วที่สุด เสร็จแล้วมึงโทรไปบอกพ่อเลี้ยงด้วยว่ามีผู้หญิงขับรถชนหน้าไร่อาการสาหัส พ่อเลี้ยงจะได้รีบกลับมา”
รามไม่รอช้าเมื่อเห็นคนงานขึ้นท้ายรถหมดทุกคนแล้วก็สตาร์ทรถขับพุ่งพรวดไม่ต่างจากขามา เขาขับมุ่งหน้าไปที่เรือนกล้วยไม้ซึ่งเป็นบ้านพักของพ่อเลี้ยงธิปรกเจ้าของไร่
เวลาโพล้เพล้ใกล้จะถึงมื้อเย็นแล้วคนงานส่วนใหญ่จึงพากันเดินเตร็ดเตร่อยู่แถวๆ หน้าโรงครัว บ้างก็จับกลุ่มคุยกันอยู่หน้าเรือนกล้วยไม้ พอรามขับรถกระบะมาจอดหน้าเรือน ทุกคนก็พากันกรูเข้ามาดูด้วยความสนใจเมื่อเห็นด้านหลังมีคนเจ็บนอนมาด้วย เสียงตะโกนถามจากคนงานที่อยากรู้อยากเห็นดังเซ็งแซ่ไปหมดจนรามจับใจความไม่ได้
“เฮ้ย! พวกมึงหยุดถามกันก่อนได้ไหม ใครก็ได้ไปตามป้าอ้วนให้กูที” รามตะโกนสั่งให้คนงานเงียบ เขาต้องการตัวป้าอ้วนเป็นการด่วน! เพื่อให้ป้าอ้วนมาทำความสะอาดแผลและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้หญิงสาวเคราะห์ร้ายก่อนที่หมอจะมาถึง
คนงานหนุ่มในกลุ่มไทยมุงอาสาเป็นม้าเร็ววิ่งไปตามป้าอ้วนในห้องครัว รามรีบอุ้มหญิงสาวเข้าไปเรือนกล้วยไม้แล้ววางบนเตียงนอนขนาดใหญ่ที่อยู่ติดๆ กันกับห้องของพ่อเลี้ยง เขาหันไปทางประตูเมื่อได้ยินเสียงวิ่งตุ๊บตั๊บแบบคนเจ้าเนื้อกำลังวิ่งเข้ามาในห้อง ป้าอ้วนซึ่งก็มีรูปร่างอ้วนท้วนสมบูรณ์สมชื่อยืนมองคนเจ็บแล้วหันมาเอ่ยถามหัวหน้าคนงาน
“ไอ้ราม เอ็งไปเจอแม่หนูคนนี้ที่ไหน” ป้าอ้วนนั่งลงบนเตียง มืออวบอูมลูบไปตามแขนขาวเนียนด้วยความสงสาร