“เดี๋ยวผมไปเอามาเองครับ”
สนอาสาแล้วรีบวิ่งขึ้นไปบนเรือนอย่างรวดเร็ว กลับมาอีกทีพร้อมกับปากกาและกระดาษหนึ่งปึก รามดึงกระดาษมาจากมือสนแล้วยื่นไปตรงหน้านางเอกสาวก่อนจะเอ่ยขอร้องเสียงนุ่ม
“คุณรดาช่วยจับกระดาษมาเซ็นลายเซ็นต์ให้พวกผมหน่อยครับ จับแค่ใบเดียวนะครับ”
“ได้ค่ะ”
รดายิ้มรับด้วยความเต็มใจพลางหยิบกระดาษออกมาหนึ่งใบแล้วเขียนข้อความขอบคุณพร้อมกับเซ็นต์ชื่อลงไปจากนั้นก็ยื่นให้รามคืน คนงานในไร่ต่างลุ้นระทึกว่ากระดาษที่หญิงสาวจับมาจะใช่ของตนหรือเปล่า รามรับกระดาษมาดูรายชื่อแล้วก็ขมวดคิ้วฉงนสงสัย
“คุณรดาจับได้ของใครพี่ราม” ชาญอดรนทนไม่ไหวจึงเอ่ยถามออกมา
“ไม่รู้วะ เสือกไม่เขียนชื่อไว้” รามตอบลูกน้องแล้วชูกระดาษขึ้นตะโกนถามคนงานคนอื่นๆ “ของใครวะไม่ได้เขียนชื่อไว้ เดี๋ยวพ่อเตะกระเด็น”
“ของกูเอง มีอะไรมั้ย” ธิปรกเอ่ยตอบเสียงห้วน คนงานในไร่แทบหงายผึ่งต่างก็ร้องออกมาด้วยความผิดหวังที่ชวดเงินก้อนโต
“โห! อะไรกันพ่อเลี้ยง จู่ๆ ก็กลายเป็นตาอยู่คว้าพุงเพียวๆ ไปกินเสียเนี่ย!” ชาญบ่นเสียงดังอย่างเสียดาย
“พวกมึงเป็นคนชวนให้กูเล่นเองนี่หว่า...แล้วจะมาโทษกูทำไม...ไปทำงานได้แล้ว ชักช้าเดี๋ยวกูหักเงินเดือนให้หมด” พ่อเลี้ยงขู่ลูกน้องไม่จริงจังนัก
รดาหัวเราะขำกับการเล่นพนันแบบแปลกๆ ของคนงานในไร่
ธิปรก เธอยิ้มกว้างโบกมือให้คนงานที่ทยอยกันเดินไปขึ้นรถกระบะ
ธิปรกมองคนงานหนุ่มๆ ที่หันมามองรดาจนเหลียวหลังแล้วเดินชนกันล้มลุกคลุกคลานก็รู้สึกหมั่นไส้คนต้นเหตุเหลือกำลัง พอหันมามองหญิงสาวเห็นยังโบกมือไม่ได้หยุดก็เอ่ยห้ามเสียงห้วน
“หยุดโบกมือเป็นนางสาวไทยได้แล้ว ไปกินข้าวกินยาแล้วนอนพักมากๆ ตอนบ่ายๆ จะพาไปเช็คสมองที่โรงพยาบาล” ธิปรกเอ่ยสั่งด้วยความเคยชินแล้วเดินดุ่มๆ ไปที่รถกระบะ
รดาหัวเราะคิกก่อนจะเอ่ยพูดกับป้าอ้วนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ “รดาว่าเขานั้นแหละที่ต้องไปเช็คสมอง ไม่ใช่รดา! คนอะไรก็ไม่รู้ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย”
“ปล่อยไปเถอะค่ะ เอ็งไปในครัวกับป้าดีกว่า เดี๋ยวป้าจะทำอาหารอร่อยๆ ให้กิน เอ็งต้องอยู่ที่นี่นานๆ นะ ที่ไร่เราไม่เคยครึกครื้นแบบนี้มาก่อนเลย” ป้าอ้วนยิ้มกว้างอย่างผู้ใหญ่ใจดี
“ค่ะป้า รดาจะอยู่ที่นี่นานๆ จะไม่ยอมไปไหนจนกว่าจะถูกพ่อเลี้ยงธิปรกเอ่ยปากไล่”
รดาเอ่ยบอกยิ้มๆ นัยน์ตาหวานกวาดสายตามองไปรอบๆ ตัว บรรยากาศที่นี่ดีมากๆ อากาศในตอนเช้าเย็นสบายไม่ร้อนไม่หนาวเกินไป ไม่มีเสียงรถราฝุ่นควันเหมือนในกรุงเทพฯ อยู่พักใจที่นี่สักพักแล้วกัน ขอให้แผลในใจที่ยังเหวะหวะอยู่หายสนิทก่อน จากนั้นเธอจะกลับไปเผชิญหน้ากับปัญหาอีกครั้ง
พ่อเลี้ยงธิปรกขับรถเข้าไปไร่ราวกับพายุเฮอร์ริเคน ไปถึงโรงคัดส้มก็ต้องหงุดหงิดอารมณ์เสียเมื่อคนงานต่างก็พากันพูดถึงแต่เรื่องของรดา
พอเดินเลี่ยงไปดูคนงานเก็บส้มก็ไม่พ้นได้ยินเรื่องของรดาอีก คนงานทุกคนต่างก็เอ่ยถึงความน่ารักเป็นกันเองของดาราสาว บางคนชื่นชอบมากถึงกับเอ่ยกับคนงานด้วยกันว่าอยากให้หญิงสาวมาเป็นแม่เลี้ยงของไร่ธิปรกจริงๆ
เขายืนฟังคนงานคุยกันได้สักพักก็เดินหนีไปที่บ้านพักท้ายไร่ หมกตัวสะสางงานอยู่ในห้องทำงานเป็นเวลานานจนกระทั่งบ่ายคล้อยจึงขับรถกลับไปที่เรือนกล้วยไม้
รดากับเด็กๆ ที่กำลังนั่งอยู่ใต้ร่มไม้ถึงกับพากันยกมือปิดปากปิดตาโบกมือเป็นพัลวันเพื่อไล่ละอองฝุ่นที่คลุ้งกระจายทั่วถนนอันเกิดจากฝีมือขับรถแบบตะบึงห้อขอพ่อเลี้ยงหนุ่ม รดาถลึงตามองค้อนคนตัวใหญ่ดังยักษ์ปักหลั่นที่กระโดดลงจากรถได้ก็เดินอาดๆ เข้ามาที่ร่มไม้
“ขับรถช้าๆ ไม่เป็นหรือไง เห็นมั้ยเด็กๆ ไอกันใหญ่เพราะสำลักฝุ่นที่พ่อเลี้ยงหอบมาด้วย” รดาต่อว่าพ่อเลี้ยงธิปรกทันที่อีกฝ่ายเดินมาถึง
ธิปรกอ้าปากค้างตั้งตัวไม่ติดที่จู่ๆ ก็ถูกหญิงสาวที่เพิ่งรู้จักแค่ไม่กี่วันต่อว่ารัวเป็นชุด จากที่เคยเป็นใหญ่ที่สุดในไร่ธิปรกออกคำสั่งกับลูกน้องจนเคยชิน เมื่อมาเจอสายตาที่มองมาอย่างดุๆ พร้อมกับน้ำเสียงต่อว่าแบบไม่พอใจก็ทำให้พ่อเลี้ยงหนุ่มถึงกับอึ้งหาลิ้นตัวเองไม่เจอ ธิปรกเท้าสะเอวถลึงตาจ้องมองตอบก่อนจะเอ่ยถาม
“ทำไมยังไม่เปลี่ยนชุด”
“เปลี่ยนชุดไปไหนคะ” รดาเอ่ยถามงงๆ ลืมเรื่องที่ถูกสั่งเมื่อเช้าไปเสียสนิท
“ก็บอกแล้วไงว่าจะพาไปเช็คสมองที่โรงพยาบาล”
ธิปรกเอ่ยบอกเหลือบสายตามองหนังสือนิทานที่อยู่บนตักหญิงสาวแล้วเอ่ยถามต่อด้วยความสงสัย
“กำลังทำอะไรอยู่”
รดายิ้มกว้างชูหนังสือนิทานให้ดูก่อนจะเอ่ยตอบเสียงนุ่มแฝงไปด้วยความสุข
“รดากำลังเล่านิทานให้เด็กๆ ฟัง พ่อเลี้ยงนั่งก่อนสิคะ ยืนค้ำหัวแบบนี้รดาเมื่อยคอเวลาคุยด้วย”
อีกครั้งที่พ่อเลี้ยงหนุ่มเจอออกคำสั่ง แต่คนตัวใหญ่ก็ยอมนั่งลงแต่โดยดี “ไปเปลี่ยนชุดได้แล้ว เดี๋ยวจะพาไปโรงพยาบาล”
“รดาไม่ไปได้ไหมคะ” รดาช้อนสายตาหวานขณะเอ่ยขอร้อง
“ไม่ได้! ต้องให้หมอเช็คอาการให้แน่ใจว่าสมองไม่ได้รับความกระทบกระเทือน” ธิปรกเอ่ยสั่งแล้วรีบเบือนหน้าหนีสายตาที่มองมาอย่างออดอ้อนด้วยกลัวแพ้ใจตนเองอีกครั้ง
“รดาไม่ไป รดาสบายดี” หญิงสาวเถียงกลับส่ายหน้าปฏิเสธท่าเดียว
“ทำไมถึงไม่อยากไป กลัวนักข่าวรู้ว่าหลบมาอยู่ที่บ้านไร่คอกนาจนๆ หรือไง” ธิปรกเอ่ยประชด
“ใช่ค่ะ รดากลัวนักข่าวรู้ แต่ไม่ใช่เพราะเหตุผลที่พ่อเลี้ยงพูดมา แต่เพราะรดาอยากอยู่ในบ้านไร่สงบๆ แบบนี้สักพัก อยากทำตัวแบบสบายๆ ไม่ต้องคอยระแวงว่าปาปารัสซี่จะแอบถ่ายภาพหลุดของเรา พ่อเลี้ยงคะ อย่าพารดาไปได้ไหมคะ” รดาเอ่ยขอร้องอีกครั้ง นัยน์ตากลมโตช้อนมองพ่อเลี้ยงหนุ่มอย่างรอคอย
ธิปรกมองใบหน้าสวยหวานแล้วถอนหายใจยาวรู้ตัวว่าตนเองเริ่มจะแพ้หญิงสาวในทุกเรื่อง
“ตามใจ ไม่อยากไปก็ไม่ต้องไป แต่ถ้าเกิดมีผลกระทบภายหลังเธอจะมาโทษคนในไร่ธิปรกไม่ได้”
พ่อเลี้ยงเอ่ยอย่างยอมแพ้กำลังจะลุกขึ้นยืนแต่ถูกมือบางนุ่มเนียนคว้าแขนคล้ำแดดแล้วดึงให้นั่งลงเหมือนเดิม
“ขอบคุณพ่อเลี้ยงมากค่ะ พ่อเลี้ยงนั่งลงก่อนสิคะ เดี๋ยวรดาจะเล่านิทานให้ฟังเป็นการตอบแทนน้ำใจของพ่อเลี้ยง”
รดายิ้มหวานขณะที่เอ่ยบอก ดึงแขนพ่อเลี้ยงแรงๆ จนคนตัวใหญ่ทรุดตัวลงนั่งเหมือนเดิม