ไม่นานยาหม้อที่สองก็เข้ามา ครั้งนี้ก็ทำแบบเดิมอีก จากนั้นก็ให้สาวใช้มาบอกอาการหลังจากที่ดื่มยาผ่านไปไม่นานว่ามีอาการเช่นไร หมอยาใช้เวลาเคี่ยวยาหม้อแล้วหม้อเล่าจนอาการของจางอ้ายเหรินเริ่มดีขึ้นเป็นลำดับ ในท้ายสุดอาการปวดท้องก็ได้หายไปเป็นปลิดทิ้งราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“กุ้ยเฟยทรงนอนพักนะเพคะ หม่อมฉันจะไปส่งท่านหมอยาก่อน”
“ขอบใจมากนะ หากไม่ได้พวกเจ้าข้าคงตายไปแล้ว” จางอ้ายเหรินเอ่ยด้วยใบหน้าซีดเซียว
“หม่อมฉันไม่สามารถอยู่ได้หากไม่มีท่าน เพราะฉะนั้นอย่าทรงขอบใจอะไรพวกหม่อมฉันเลย หากคนที่นอนอยู่ตรงนี้เปลี่ยนเป็นหม่อมฉันได้ หม่อมฉันก็ยอมเพคะ” ฉีฉี่จับมือคนเป็นนายเอามาแนบใบหน้า ทำให้จางอ้ายเหรินรู้สึกซาบซึ้งในความจงรักภักดีที่ฉีฉี่มีให้หลิวกุ้ยเฟยจนถึงกับกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่
“หม่อมฉันขอตัวก่อนนะเพคะ”
ฉีฉี่เดินออกจากตำหนักไป ก่อนจะพาเถ้าแก่ร้านขายยากลับไปยังเรือที่นางพายไปรับมา ทว่าเมื่อมาถึง เรือนั้นกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย ฉีฉี่ร้องออกมาด้วยความตกใจเช่นเดียวกับหมอยาที่กลัวจะถูกพระอาญาเนื่องจากลอบเข้าวังมา
“ซวยแล้ว ตายแน่ ๆ ข้าตายแน่ ๆ” เถ้าแก่บ่นพึมพำขณะที่ยังคงช่วยฉีฉี่มองหาเรือ
“หาเรืออยู่หรือ” ทั้งสองที่มัวแต่จดจ่ออยู่กับการหาเรือจนไม่ทันสังเกตว่ามีคนมายืนดูอยู่หลายคน
“เจากูกู” ฉีฉี่ร้องออกมาด้วยความตกใจ
“ข้านึกเอาไว้แล้วเชียว จับตัวพวกมันไปรอเข้าเฝ้าฮ่องเต้!!” นางกำนัลเจาสั่ง
“ไม่ ข้าไม่ได้ทำอะไรผิด” เถ้าแก่เริ่มโวยวาย เพราะตั้งแต่เกิดมาจนเกือบจะลงหลุมก็เพิ่งเคยถูกทหารจับกุมตัวแบบนี้เป็นครั้งแรก ส่วนฉีฉี่นั้นถูกคนของเจิ้งหนิงฮวาตบเข้าที่หน้าอย่างแรง
“คราวนี้พวกเจ้าดิ้นไม่หลุดทั้งนายทั้งบ่าวแน่”
หลังจากนั้นทั้งฉีฉี่และหมอยาก็ถูกพามาขังเอาไว้ที่คุกใต้ดินเฉกเช่นนักโทษคนอื่นที่ทำความผิดร้ายแรง เถ้าแก่ร้านขายยายังคงปกติดี เพียงแค่ถูกขังเอาไว้นานจนอ่อนเพลีย ขณะที่ฉีฉี่นั้นถูกนางกำนัลเจาโบยไปหลายทีจนร่างกายไม่มีเรี่ยวแรง
“กินเสียหน่อย จะได้มีแรง” เถ้าแก่โยนรากไม้อันหนึ่งให้ฉีฉี่ทันทีที่นางฟื้น
ร่างบอบบางปวดระบม ใบหน้าเขียวช้ำเพราะถูกเค้นเอาความจริงเรื่องโอสถที่หลิวกุ้ยเฟยนำไปให้ฮองเฮา ยังดีที่คนพวกนั้นไม่รู้ว่าชายผู้นี้คือหมอยา มิเช่นนั้นคงจะโดนไปด้วย
“ท่านเป็นอะไรหรือไม่” ฉีฉี่ถาม
“ไม่ ข้าเพียงแค่ถูกขัง นี่เราจะถูกประหารใช่หรือไม่” ชายชราหวั่นใจ แต่กลับเก็บซ่อนอาการเอาไว้
“ข้าเชื่อว่ากุ้ยเฟยต้องมาช่วยพวกเราแน่” ฉีฉี่บอก ชายชราจึงได้ยิ้มออก
“ท่านได้บอกเจากงกงหรือไม่ว่าท่านเป็นใคร...” ฉีฉี่ถามด้วยความเป็นห่วง
“ข้าบอกว่าข้าเป็นพ่อค้าที่มาขายเครื่องประดับให้พระสนมเท่านั้น ข้าเลยเอาปิ่นที่เจ้าให้มายืนยันเลยไม่ถูกถามอะไรอีก ยังดีที่เจ้าไม่ให้ข้าพกล่วมยามาด้วย เพราะที่ตำหนักพระสนมมียามากมายจากร้านข้าอยู่แล้ว โชคดีจริง ๆ” ถึงจะแก่ชรา แต่ด้วยประสบการณ์ที่มีค่อนข้างมาก เขาจึงคิดขึ้นมาได้ว่า การถูกจับครั้งนี้ไม่ใช่เป็นการกระทำโดยบังเอิญเป็นแน่ จะต้องมีการวางแผนไว้เป็นอย่างดี คนที่กล้าวางยากุ้ยเฟยย่อมต้องไม่ใช่คนธรรมดาเป็นแน่ ดังนั้นจึงต้องปิดบังสถานะของตนเอาไว้ก่อนเพื่อความปลอดภัย
“ข้าต้องขอโทษท่านด้วยที่พาท่านมาเจอเรื่องเช่นนั้น แต่ข้าสัญญาว่าท่านจะปลอดภัย”
หลังจากที่ถูกขังอยู่นาน ฉีฉี่และเถ้าแก่ก็ได้ถูกพามาที่ตำหนักฉางชุนเพื่อรับฟังโทษตัดสินคดี
ผู้กระทำผิดทั้งสองถูกพามาอยู่เบื้องหน้าองค์เหนือหัวและฮองเฮาผู้งดงาม ด้านข้างมีไท่เฟยเฒ่าเจิ้งหนิงฮวา ฉีฉี่กวาดตามองไปรอบ ๆ การตัดสินนี้ไม่ได้มีขุนนางมาร่วมฟังแต่อย่างใด เป็นเพียงการตัดสินความผิดเล็กน้อย แต่เพราะมีประชาชนอยู่ด้วย ฮ่องเต้จึงไม่อาจปล่อยผ่านได้
“ว่ามา” ฮ่องเต้ที่เพิ่งเสด็จกลับเข้าวังมาพูดขึ้นอย่างเบื่อหน่าย ที่อยู่ ๆ ก็ถูกลากให้มาตัดสินคดีอะไรก็ไม่รู้
“ข้าพบว่าบ่าวของหลิวกุ้ยเฟยได้ลักลอบพาคนเข้ามาในวังโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต อย่างนี้เข้าข่ายผู้ก่อกบฏหรือไม่” เจิ้งหนิงฮวาเอ่ยขึ้นเป็นคนแรก
ฉีฉี่กำหมัดแน่นด้วยความคับแค้นเต็มอก เพราะตนนั้นรู้อยู่แก่ใจว่าความจริงนั้นเป็นอย่างไร ไม่ใช่เพราะไท่เฟยเฒ่าผู้นี้หรอกหรือที่ทำให้หลิวกุ้ยเฟยของนางเกือบตาย
“ไหนว่ามาซิ เจ้าเป็นใคร” หยางมู่เฉินถามชายชราที่นั่งก้มหน้าอยู่ข้างฉีฉี่
เถ้าแก่ร้านขายยาหันไปมองฉีฉี่ ก่อนที่นางจะพยักหน้าให้เขาตอบอย่างที่ตกลงกันเอาไว้ก่อนหน้านี้ “ถวายบังคมฝ่าบาท กระหม่อมเป็นหมอยาที่มารักษาพระอาการหลิวกุ้ยเฟยพ่ะย่ะค่ะ”
คำตอบนี้สร้างความตกใจให้แก่เจิ้งหนิงฮวาและนางกำนัลเจาเป็นอย่างมาก ไม่คิดว่าตนจะถูกหลอก