บทนำ #1
เสียงอึกอักดังขึ้นในลำคอ ความอึดอัดถาโถมเข้ามาบีบอัดอยู่ในหู สายน้ำเย็นเฉียบพรั่งพรูเข้าโพรงจมูก ความเจ็บปวดเสียดแทงไปทั่วปอด ได้ยินเพียงเสียงฟองอากาศไหลออกจากริมฝีปากของหญิงสาวที่กำลังร้องขอความช่วยเหลือ มือไม้ปัดป่ายพยายามว่ายขึ้นสู่ผิวน้ำ ทว่าด้วยความเมามายที่มีก่อนหน้านี้ ทำให้แม้แต่แรงจะยันตัวขึ้นไปหายใจข้างบนยังไม่มี ทำได้เพียงสะบัดมือไปมาในน้ำเพียงเท่านั้น
เมื่อเรี่ยวแรงที่มีเหลืออยู่น้อยนิดหมดลง ร่างของนางจึงได้จมดิ่งลงสู่ผืนน้ำดำทะมึน แสงจันทร์เรืองรองสาดส่องลงมาเห็นเพียงระลอกน้ำสั่นไหว ก่อนจะค่อย ๆ จางหายไปพร้อมกับร่างบอบบางที่กำลังจมดิ่งสู่ก้นแม่น้ำอันเย็นเยียบอย่างรวดเร็ว หญิงสาวคิดว่าตนคงจะตายแน่แล้ว ทันใดนั้นรูจมูกที่เคยตีบตันกลับโล่งขึ้นมาเสียดื้อ ๆ ราวกับเมื่อครู่เป็นเพียงฝันร้าย
เฮือกกก! ร่างอรชรในชุดผ้าแพรสีขาวบริสุทธิ์ดีดตัวทะลึ่งพรวดลุกขึ้นนั่ง ใบหน้าขาวซีดเริ่มกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งดั่งบุปผาแรกแย้ม ม่านตาขุ่นมัวพยายามปรับรับแสงเจิดจ้า
ที่นี่ที่ไหน... จางอ้ายเหรินคิดในใจพลางกวาดสายตาไปรอบห้อง
รอบเตียงที่หญิงสาวนอนอยู่นี้มีผ้าสีขาวตกแต่งเพียงไม่กี่ผืน แต่กลับดูไม่ปกติอย่างที่ควรจะเป็น ภายในห้องมืดสนิทมีเพียงแสงจากตะเกียงดวงเล็กที่ห้อยอยู่ตามเสาไม้ด้านนอกฉากกั้นเท่านั้นที่ส่องสว่างให้เห็นสิ่งรอบตัวอันไม่คุ้นตานี้
ทันทีที่ยันกายลุกขึ้นนั่ง จางอ้ายเหรินก็ถูกกลิ่นอับบางอย่างลอยเข้ามาปะทะหน้าอย่างจัง ตามด้วยกลิ่นฉุนของกำยานโชยแทรกมาตามสายลมจนนางต้องยกมือขึ้นปิดจมูก แล้วพยายามเพ่งมองไปรอบห้องที่ไม่คุ้นตา
“ใครอยู่ข้างนอก ขอน้ำ...” เสียงแหบพร่าลอดผ่านริมฝีปากซีดเซียวออกมา ลำคอแห้งผากทำให้หญิงสาวกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก
“สะ…เสียงใคร” เสียงเล็ก ๆ ตอบกลับมา ก่อนสตรีร่างเล็กเหมาะกับเสียงจะลุกขึ้นมานั่งหันซ้ายแลขวา เมื่อไม่พบสิ่งใดจึงหันมาทางร่างที่ไร้วิญญาณของหลิวกุ้ยเฟย ก่อนจะปาดน้ำตาอีกครั้งเบา ๆ
“ใครอยู่ตรงนั้น ได้ยินข้าหรือไม่” จางอ้ายเหรินเอ่ยขออีกรอบ “ขอน้ำหน่อย”
ดวงหน้าหวานเงยขึ้นมองเพดานเห็นคานไม้เก่า ๆ เต็มไปด้วยหยากไย่ พลางครุ่นคิดหาหนทางว่าจะทำอย่างไรดี อุตส่าห์ผ่านความเป็นความตายมาได้ขนาดนั้น แต่กลับต้องมาเจอเรื่องอะไรอีกก็ไม่รู้
“อะ...เอ่อ…กะ กุ้ยเฟย นั่นท่านหรือเพคะ” คนด้านนอกเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“เจ้าพูดเรื่องอะไร ขอน้ำให้ข้าหน่อย คอแห้งจะแย่อยู่แล้ว”
“เสียงกุ้ยเฟยจริง ๆ ด้วย!” อีกฝ่ายร้องขึ้นเสียงดังด้วยความดีใจเหลือล้น ก่อนร่างเล็กจะลนลานคลานอ้อมฉากกั้นมาหยุดอยู่ตรงหน้า ดวงหน้าขาวนวลที่ขอบตาแดงก่ำเงยขึ้นมามองคนบนเตียงก่อนจะร้องไห้ออกมาราวกับใจจะขาด
จางอ้ายเหรินทำได้เพียงมองตาค้างวางตัวไม่ถูก เมื่อเด็กสาววัยแรกแย้มตรงหน้าร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรจนสั่นสะท้านไปทั้งตัว ไม่รู้จะปลอบอย่างไรจึงเอื้อมมือไปลูบหัวนางเบา ๆ
“เจ้าร้องไห้ทำไม”
“หม่อมฉันนึกว่าพระองค์จะ...” ฉีฉี่สะอึกก่อนพูดต่อ “...นึกว่าพระองค์จะทิ้งหม่อมฉันไปเสียแล้ว ก่อนหน้านี้หม่อมฉันเรียกเท่าไรท่านก็ไม่ตอบรับเลยแม้แต่คำเดียว”
“ทิ้ง?” จางอ้ายเหรินมุ่นหัวคิ้ว แต่แล้วก็เกิดรู้สึกวิงเวียนจนต้องค้ำยันตัวเองไว้ ก่อนจะยื่นมือไปรับถ้วยน้ำจากฉีฉี่ แล้วรีบยกดื่มอย่างรวดเร็ว พอได้ดื่มน้ำ ลำคอแห้งผากจึงรู้สึกดีขึ้นบ้าง
“อยู่ดี ๆ พระองค์ก็จมน้ำ ยังดีที่หม่อมฉันมาเจอเข้าเสียก่อน...ไม่อย่างนั้น ฮึก!” น้ำเสียงสั่นเครือทำเอาจางอ้ายเหรินเกือบจับใจความไม่ได้ แต่สรรพนามที่อีกฝ่ายเรียกตนนั้นทำให้ต้องเอ่ยถามออกไป
“เมื่อครู่เจ้าเรียกข้าว่าอะไรนะ”
“หลิวกุ้ยเฟยเพคะ”
“หลิวกุ้ยเฟย...”
หลิวเยว่ซิน... ชื่อหนึ่งแวบผ่านเข้ามาในหัว ความเจ็บปวดดั่งถูกเข็มทิ่มแทงในสมองทำให้นางต้องนิ่วหน้าพลางยกมือขึ้นกุมหน้าผาก เด็กสาวตรงหน้าจึงรีบเข้ามาประคองให้นางนอนลงก่อน
“ฉีฉี่ไม่นึกเลยว่ากุ้ยเฟยจะน้อยพระทัยฮ่องเต้ถึงขั้นคิดสั้นได้เพียงนี้...” ฉีฉี่พึมพำพลางดึงผ้าห่มจากปลายเท้าขึ้นมาห่มร่างของผู้เป็นนายที่นอนอยู่บนเตียง “...แต่ฝ่าบาทก็ทรงพระทัยร้ายเหลือเกิน ไม่แม้แต่จะส่งหมอหลวงมาดูพระอาการของท่านเลยสักคน ฮื้อออ” เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่ชั่วยามที่ผ่านมา คำพูดอัดอั้นตันใจปนความโล่งอกก็พรั่งพรูออกมาจนลืมคำนึงถึงโทษอาญาที่ดูหมิ่นเบื้องสูงเสียสนิท
“เช่นนั้นหรือ” ความทรงจำก่อนหน้านี้ผุดขึ้นมาทีละน้อย แต่กลับเป็นความทรงจำของคนอื่นแทนความทรงจำของจางอ้ายเหริน
แล้วจะทำอย่างไรต่อไปดี…ดูเหมือนกุ้ยเฟยผู้นี้จะถูกฮ่องเต้ปล่อยลอยแพทิ้งไว้ในตำหนักเย็น อีกไม่นานก็คงจะถูกสั่งประหาร นางไม่อยากตายอีกเป็นครั้งที่สอง!
“นี่เจ้าชื่ออะไรนะ”
“อะไรกันเพคะ พระองค์ลืมกระทั่งข้ารับใช้ที่จงรักภักดีต่อท่านที่สุดไปแล้วหรือเพคะ...ฮื้อออ”
นางกำนัลผู้นี้ช่างมีอารมณ์อ่อนไหวเสียจริง
“เอาละ เลิกร้อง ข้าเพิ่งผ่านความเป็นความตายมา จึงมีหลงลืมไปบ้าง เจ้าช่วยข้าฟื้นความจำได้หรือไม่”
“ได้เพคะ หม่อมฉันชื่อฉีฉี่ เป็นบ่าวรับใช้ที่ติดตามพระองค์มาตั้งแต่ตำหนักเก่า หลังจากที่เกิดเรื่อง ก็ไม่มีใครเสนอตัวมา มีเพียงหม่อมฉันที่...”
“อ่า...เข้าใจแล้ว พอเท่านี้ก่อน”
ต้องใช่แน่ ๆ หลิวเยว่ซิน!! กุ้ยเฟยของฮ่องเต้องค์ปัจจุบันที่ใคร ๆ ต่างเล่าลือถึงความงามล้ำยิ่งกว่าบุปผาสวรรค์ ดูเหมือนข่าวลือที่ว่ากุ้ยเฟยมีชู้นั้นอาจจะเป็นความจริง
เท่ากับว่านางต้องตายอีกรอบใช่หรือไม่ การลักลอบทำผิดจารีตในวังหลวงเช่นนี้ โทษสำหรับคนธรรมดาว่าหนักแล้ว ยิ่งเป็นสนมของฮ่องเต้คงถูกประหารไปเจ็ดชั่วโคตร...ทว่าครั้งนี้อาจตายทรมานกว่าครั้งก่อน หญิงสาวพยายามครุ่นคิดหาทางหนีทีไล่ ด้วยไม่อยากตายอยู่ที่นี่ แต่แล้วความคิดก็พลันดับวูบลง เมื่อภาพเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เคยเกิดขึ้นกับหลิวกุ้ยเฟยหลั่งไหลเข้ามาในหัว มองเห็นเงาบุรุษผู้หนึ่งยืนถือมีดอยู่หลังผ้าแพรสีขาวปลิวไสว ก่อนจะตัดสลับเป็นภาพไปอื่นเรื่อย ๆ ชวนสับสน เรื่องราวทั้งหมดหลั่งไหลเข้ามาในคราวเดียวจนนางรับไม่ไหว