“หม่อมฉัน... หม่อมฉันไม่ได้จะข้ามหน้าข้ามตาใคร ยิ่งฮองเฮาหม่อมฉันยิ่งไม่กล้า เจิ้งไท่เฟยวางใจได้”
“ก็ดีเพคะ หม่อมฉันมาที่นี่ก็แค่อยากจะมาเตือน หากหลิวกุ้ยเฟยไม่ระวัง คนที่อาจจะเสียใจมากที่สุดก็คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากพระองค์กับองค์ชายน้อย ๆ ของพระองค์” สิ่งที่เจิ้งหนิงฮวาพูดนั้นไม่ได้มีส่วนผิด ทว่านางกลับเอามาใช้ขู่หลิวเยว่ซินแบบผิด ๆ เพื่อไม่ให้นางเผลอท้องก่อนฮองเฮา
อันที่จริงเจิ้งหนิงฮวาไม่ได้ห่วงฮองเฮาที่ยังไม่ได้ท้อง นางหวังเพียงให้ฮองเฮาถูกพิษจากยาทำลายมดลูกจนตั้งครรภ์ไม่ได้ และเจิ้งหนิงเอ๋อจะเป็นคนเดียวที่ให้กำเนิดองค์ชายรัชทายาทให้กับฮ่องเต้ ฉะนั้นระหว่างนี้จะต้องไม่มีสนมคนอื่นมาทำหน้าที่นี้เด็ดขาด
“ไท่เฟยพูดเรื่องอะไร จะองค์ชายองค์ไหนก็ล้วนแต่เป็นลูกของฮ่องเต้ทั้งนั้น ไม่มีทางที่พระองค์จะรักลูกไม่เท่ากันแน่”
“หม่อมฉันก็คิดเอาไว้อยู่แล้วว่าพระสนมคงต้องพูดเช่นนี้ จึงได้คิดปล่อยให้ตัวเองท้องใช่หรือไม่”
“ไม่ ไม่ใช่ หม่อมฉันไม่ได้ตั้งครรภ์!”
“ก็ดี! วันนี้หม่อมฉันก็เลยมีของมาฝาก” เจิ้งหนิงฮวาหันไปทางนางกำนัลเฒ่าที่ยืนอยู่ไม่ห่างแล้วพยักหน้าให้ อีกฝ่ายพยักหน้ารับก่อนจะยกถ้วยยาเล็ก ๆ มาวางไว้ที่โต๊ะตรงหน้าของหลิวกุ้ยเฟย
ไอร้อนระเหยออกจากน้ำสมุนไพรสีเข้มจนเกือบจะเป็นสีดำ พร้อมกลิ่นยาที่ฉุนจนจางอ้ายเหรินต้องยกมือขึ้นปิดจมูก
“เชิญเสวยเถิดเพคะ”
“นะ นี่อะไร”
“โอสถเพคะ”
“ไม่กิน” จางอ้ายเหรินรู้ดีว่าหากตนดื่มเข้าไปนางคงมีชะตากรรมไม่ต่างจากฮองเฮาเป็นแน่
“หากหลิวกุ้ยเฟยไม่ยอมดี ๆ อย่าหาว่าหม่อมฉันรุนแรงก็แล้วกันนะเพคะ”
“กล้าเหรอ!! หม่อมฉันจะทูลเรื่องนี้ให้ฮ่องเต้ทรงทราบ” จางอ้ายเหรินกำลังจะลุกวิ่งออกจากห้อง ทว่าคนของเจิ้งหนิงฮวากลับกันฉีฉี่ออกไปด้านนอกก่อนจะปิดประตู จากนั้นคนของพระสนมเฒ่าก็เข้ามาตรึงแขนของนางเอาไว้ ขณะที่อีกคนเดินเข้ามาบีบแก้มแล้วกรอกยาเข้าปากจนนางสำลักออกมาหนึ่งส่วน อีกสามส่วนไหลลงคอไป
เมื่อเสร็จสิ้นร่างของหลิวกุ้ยเฟยก็ถูกผลักลงไปกองที่พื้น “อันที่จริงข้าก็ไม่ได้มีเป้าหมายที่หลิวกุ้ยเฟยไว้แต่แรก แต่ท่านเข้ามาสอดแทรกในแผนการของข้า แถมยังช่วยรักษาฮองเฮาจนหาย...ก็ดี เป็นอย่างนี้ข้าจะดูซิว่าท่านจะมีแรงเสนอหน้าเข้าไปช่วยใครได้อีกหรือไม่”
พูดจบเจิ้งหนิงฮวาก็เดินออกจากห้องไป ทิ้งให้จางอ้ายเหรินนอนคุดคู้ตัวงออยู่ที่พื้น นางกุมท้องเอาไว้พร้อมร้องไห้ออกมาจนสุดเสียงด้วยความเจ็บปวดราวกับมดลูกจะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ความร้อนในร่างกายที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ทรมานมากเข้าไปอีก
“กุ้ยเฟยเพคะ!!”
ปัง! ปัง! ปัง!
ฉีฉี่รีบร้อนวิ่งมาที่ตำหนักฮองเฮาทันทีหลังจากเห็นอาการของหลิวเยว่ซินที่นอนบิดตัวร้องไห้อย่างทรมาน
“เจ้าเอะอะอะไร”
“ฮองเฮาประทับอยู่ที่ใด พาข้าไปเข้าเฝ้าฮองเฮาที” ฉีฉี่รีบร้อนจนแทบจะวิ่งเข้าไปทั้งที่ยังไม่ได้รับอนุญาต
“ฮองเฮาเสด็จไปลานประลองกับฮ่องเต้ เจ้ามีอะไรฝากข้าไว้ก่อน ประเดี๋ยวข้าจะไปกราบทูลให้”
“ไม่ได้ ไม่ทันแล้ว!” ฉีฉี่ยิ่งร้อนใจ เมื่อที่พึ่งเดียวของนางไม่อยู่ อีกทั้งยังไปไกลถึงลานประลอง ครั้นจะให้วิ่งออกไปตามคงไม่ทันกาล นางจึงตัดสินใจวิ่งกลับมาที่ตำหนักก่อน
“กุ้ยเฟยเพคะ เป็นอย่างไรบ้าง” ฉีฉี่ร้องไห้ด้วยความกลัวอีกครั้งก่อนจะหันไปถามบ่าวที่เข้ามาช่วยดูอาการของกุ้ยเฟยระหว่างที่นางไม่อยู่ “มีใครไปตามหมอหลวงหรือยัง”
“ข้าไปแล้วพี่ฉีฉี่ ไม่มีใครอยู่เลยสักคน อีกคนไปต่างเมือง อีกคนตามเสด็จไปที่ลานประลอง ส่วนพวกที่เหลือไม่มีใครมาสักคน ข้าร้อนใจนักเลยรีบกลับมาถามพี่ว่าจะเอาอย่างไรดี”
ฉีฉี่แทบจะหมดเรี่ยวแรงล้มกองตรงนั้น แต่ก็ต้องประคองสติตนเอาไว้ก่อน หากเป็นอะไรไปตอนนี้กุ้ยเฟยคงจะไม่รอดเป็นแน่
“เอาอย่างนี้ พวกเจ้าคอยดูแลกุ้ยเฟยเอาไว้ ข้าจะไปตามหมอ”
“ที่ไหน ข้าไปมาหมดแล้ว ไม่มีใครจริง ๆ นะ”
“เอาน่า ข้าไม่ได้ไปตามพวกหมอไม่ได้เรื่องพวกนั้นหรอก รอข้าสักประเดี๋ยว อย่าให้พระสนมหลับเป็นอันขาดจนกว่าข้าจะกลับมา”
“ดะ ได้”
สั่งความจบฉีฉี่ก็วิ่งออกจากห้องไปด้วยความรีบร้อน ขณะที่จางอ้ายเหรินยังคงนอนขดตัวกุมท้องด้วยความทรมานอยู่อย่างนั้น ใบหน้าซีดเชียวเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อที่ไหลซึมออกมาตามรูขุมขน ทั่วร่างเปียกโชกจนต้องถอดชุดที่สวมกายออกเกือบหมดโดยมีนางกำนัลคอยเช็ดตัวให้
“หนาว...หนาว”
เห็นอยู่ว่าเหงื่อออกมาเยอะขนาดนี้ เหตุใดถึงบ่นว่าหนาว นางกำนัลที่อยู่ข้างกายทำอะไรไม่ถูก จึงได้รีบไปจุดไฟที่เตาต้มน้ำชาเพื่อให้อากาศอุ่นขึ้น
“ร้อนเหลือเกิน” อีกสักพักกุ้ยเฟยก็บ่นว่าร้อน
บ่าวรับใช้จนใจ เพราะเช็ดตัวก็หนาว จุดไฟก็ร้อน ราวกับอุณหภูมิในร่างกายแปรปรวนไปหมด
“มาแล้ว หลบ ๆ” ไม่ถึงหนึ่งก้านธูปฉีฉี่ก็กลับมาพร้อมเถ้าแก่ร้านขายยาที่จางอ้ายเหรินไปซื้อเป็นประจำ
ฉีฉี่จัดการใช้ฉากผ้าเล็ก ๆ มาบังกายกุ้ยเฟยเอาไว้ และถามไถ่อาการกับบ่าวที่ดูแลกุ้ยเฟย หลังจากนั้นจึงได้เชิญให้หมอยาตามเข้ามา
“ไอ๊หยา นี่มันยาอะไรจึงได้ร้ายถึงเพียงนี้ ไป ๆ ไปเตรียมหม้อให้ข้า ข้าจะทำยาแก้ให้ หวังว่าจะทัน” เมื่อชายชราพูดจบ บ่าวสองสามคนก็รีบวิ่งกลับไปในห้องเครื่องเพื่อไปเตรียมของตามที่เถ้าแก่สั่งทันที
“เถ้าแก่ ช่วยกุ้ยเฟยของข้าด้วยนะ ข้ายกสิ่งนี้ให้ท่าน...ขอแค่ท่านช่วยกุ้ยเฟยของข้าให้ปลอดภัยก็พอ” ฉีฉี่ถอดปิ่นที่จางอ้ายเหรินเพิ่งซื้อให้ยัดใส่มือของหมอยาทันที ชายชราก็รับไว้ไม่ปฏิเสธก่อนจะวิ่งกลับออกไปเตรียมยาแก้อาการ โดยมีสาวใช้ที่อยู่ข้าง ๆ กุ้ยเฟยคอยบอกอาการ
เพียงชั่วครู่ก็ต้มยาเสร็จ ชายชราให้บ่าวนำเข้ามาป้อนให้ ส่วนเขานั้นก็ยืนรออยู่ด้านนอกเพื่อรอดูอาการ
ภายใต้ฉากกั้นสีขาว จางอ้ายเหรินที่ไร้เรี่ยวแรงถูกพยุงให้ลุกขึ้นนั่งก่อนที่ยาหม้อแรกจะถูกป้อนเข้าปากช้า ๆ คำแรกสำลัก คำที่สองสำรอก คำที่สามจึงกลืนลงไปได้ ทำเอาบ่าวรับใช้ทุกคนถอนหายใจออกมาพร้อมกันด้วยความโล่งอก