เข้าทางฮองเฮา #1

960 คำ
เมื่อได้รับความเมตตาจากฝ่าบาทที่อุตส่าห์ฝืนใจให้โอกาส จางอ้ายเหรินก็ไม่รอช้า ให้ฉีฉี่พากลับมายังตำหนักทันที ตำหนักฉู่ชิวกงแห่งนี้มีขนาดใหญ่โต เพียบพร้อมทุกอย่าง ไม่ต้องนอนดมฝุ่นในตำหนักร้างอีกต่อไปแล้ว อีกทั้งยังมีนางข้าหลวงอีกนับสิบคอยปรนนิบัติรับใช้อยู่ข้างกาย ดูจากสินเดิมของหลิวกุ้ยเฟยที่เต็มไปด้วยแพรพรรณงดงาม เครื่องประดับ อัญมณีและถ้วยโถโอชามหายากมากมายแล้ว บ่งบอกให้รู้ว่าเป็นผู้มีอันจะกินอยู่ไม่น้อย ชาวบ้านมักลือกันว่าบิดาของหลิวเยว่ซินได้เลื่อนขั้นเป็นท่านแม่ทัพใหญ่ทันทีเมื่อหลิวเยว่ซินได้รับการแต่งตั้ง ไม่รู้ว่าหลังจากเกิดเรื่องสวมหมวกเขียวขึ้นชะตากรรมของเขานั้นจะเป็นเช่นไร ตระกูลหลิวเป็นพระสหายของฮ่องเต้มาตั้งแต่รัชสมัยก่อน จึงทำให้ลูกหลานที่มีอายุไล่เลี่ยกันสนิทสนมเป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็ก หากไม่ติดว่าฮ่องเต้จะต้องอภิเษกและแต่งตั้งฮองเฮาโดยได้รับความเห็นชอบจากขุนนางและความจำเป็นทางการเมือง ป่านนี้หลิวเยว่ซินคงได้ขึ้นเป็นฮองเฮาไปแล้ว กระนั้นหลิวเยว่ซินก็ได้เป็นกุ้ยเฟย ขณะที่พี่ชายแท้ ๆ ของนาง แม้จะถูกย้ายไปประจำที่เมืองอื่นก็เป็นใหญ่เป็นโตที่นั่น ทุกคนต่างมองออกว่าความรุ่งเรืองของตระกูลหลิวส่วนหนึ่งก็มาจากบารมีของลูกสาวที่ได้เป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้ ดูท่าคงจะเสียดายอยู่ไม่น้อยที่ตำแหน่งฮองเฮาถูกปาดหน้าไปเสียก่อน “พระสนมทรงต้องการสิ่งใดอีกหรือไม่เพคะ” “ที่นี่มีสวนดอกไม้บ้างไหม” จางอ้ายเหรินไม่เข้าใจตนเองเช่นกันว่าเหตุใดจู่ ๆ จึงถามออกมา “เมื่อก่อนเคยมีเพคะ ตอนนี้ไม่มีแล้ว” “เพราะเหตุใด” แววตาของฉีฉี่สลดลงเล็กน้อย แต่เพียงชั่วครู่ก็กลับมาเป็นปกติ “เพราะว่าพักหลัง ๆ มานี้พระสนมไม่ค่อยมีเวลาเพคะ ประเดี๋ยวหม่อมฉันพาเดินชม” “ไม่เป็นไร ๆ ข้าอยากไปเข้าเฝ้าฮองเฮามากกว่า เตรียมของเสร็จหรือยัง” “เรียบร้อยแล้วเพคะ” จางอ้ายเหรินมองไปยังขนมชนิดหนึ่งที่ทำจากดอกอวี้หลันที่ขึ้นอยู่บริเวณตีนเขา มีรสหวานและให้พลังงานเต็มเปี่ยม นางคุ้นเคยดีเพราะมักทำกินเสมอตอนที่อยู่ในร่างของหญิงสาววัยสิบแปดปีที่กำพร้าทั้งพ่อและแม่ อพยพจากภัยสงครามมาอาศัยอยู่ที่บ้านไม้ไผ่เก่า ๆ บริเวณตีนเขา ดำรงชีวิตด้วยการรับจ้างเลี้ยงม้า เลี้ยงวัวให้ชาวบ้าน ชีวิตยากลำบากแร้นแค้นไม่มีแม้แต่เงินซื้อข้าวสาร ทว่าตอนนี้สวรรค์กลับเล่นตลกส่งนางให้มาใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในวังหลวง รอบกายมีบ่าวไพร่คอยรับใช้มากมาย และยังได้กลายเป็นพระสนมที่ฮ่องเต้เกลียดชังที่สุดอีกด้วย ช่างน่าขันเสียจริง หลังจากจัดเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว จางอ้ายเหริน ฉีฉี่ และนางกำนัลอีกสองคนก็มุ่งหน้าไปยังตำหนักฮองเฮา ซึ่งอยู่ใกล้กับตำหนักมังกรของฮ่องเต้มากที่สุด ระหว่างทางฉีฉี่ได้เล่าถึงความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นของฮ่องเต้และฮองเฮาให้จางอ้ายเหรินฟัง ไม่ว่าฮองเฮาจะทูลขอสิ่งใดฮ่องเต้ก็จะประทานให้อย่างไม่คิดขัดเคือง เป็นคู่ชีวิตที่รักและเข้าใจกันที่สุด แม้แต่เจิ้งหนิงเอ๋อ ซูเฟยที่ปกติชอบวางอำนาจคอยข่มข้ารับใช้นอกตำหนักฮองเฮาและพระสนมคนอื่น ๆ ในวังอยู่เสมอก็ยังไม่กล้าคิดจะต่อกรกับฮองเฮาเลยแม้แต่น้อย จางอ้ายเหรินคิดวางแผนเอาตัวรอดจากวังหลังที่แสนอันตรายของฮ่องเต้หลายใจผู้นี้ออกทันทีทันใด นางจะต้องพยายามอยู่เคียงข้างฮองเฮาเข้าไว้ คิดไม่ผิดที่อุตส่าห์เข้าไปในห้องเครื่องลงมือทำขนมดอกอวี้หลันด้วยตัวเองเพื่อเอาใจฮองเฮา “หลิวกุ้ยเฟย” เสียงเรียกเล็กแหลมแต่กระชับหนักแน่นของใครบางคนดังขึ้นจากด้านหลัง จางอ้ายเหรินหันไปมองตามเสียงเรียกก่อนจะพบสตรีงดงามผิวขาวผุดผาดในชุดที่ดูแล้วคงจะมีตำแหน่งไม่น้อยยืนอยู่สองคน คนหนึ่งมีท่าทางถือตน ขณะที่อีกคนดูเจียมเนื้อเจียมตัว ด้านหลังมีเหล่าผู้ติดตามอีกนับสิบ “เจิ้งซูเฟยและเจียงเต๋อเฟยเพคะ” “ข้าอายุมากกว่าหรือน้อยกว่า” “มากกว่าเพคะ” “น้องหญิง มาขวางทางเปิ่นกงเช่นนี้มีธุระอะไรหรือ” จางอ้ายเหรินใช้ไหวพริบของตนหันไปคุยกับพระสนมทั้งสองอย่างเป็นธรรมชาติ ถ้านางเดาไม่ผิด ผู้ที่ยืนเชิดหน้าถือพัดตีมือแปะ ๆ นี้คงจะเป็นพระสนมจากตระกูลเจิ้ง เจิ้งหนิงเอ๋อเป็นแน่ “หึ ไม่เห็นต้องเรียกสนิทสนมกันเลยนี่เพคะ พวกเราสามคนไม่ได้สนิทกันขนาดนั้นสักหน่อย” เปิดปากมาก็หยาบคายเลย ตัวร้ายแน่นอน...จางอ้ายเหรินคิดในใจก่อนจะยิ้มแล้วเอ่ยตอบ “ฮ่องเต้ทรงงานหนักไม่เคยพักเพื่อราษฎรและพวกเราให้อยู่สุขสบาย ไม่เคยต้องพบเจอสงครามหรือความลำบากแร้นแค้น น้องหญิงจะคิดมากเรื่องไปทำไม” คำพูดนี้สะกิดใจอีกฝ่ายไม่น้อย เพราะไม่คิดว่าหลิวเยว่ซินผู้ที่ไม่เคยปะทะคารมกับใคร วันนี้กลับไม่ยอมปล่อยไปง่าย ๆ เช่นทุกครา ดวงตาเฉี่ยวที่ปกติทำเพียงปรายตามองอย่างดูถูกจึงเริ่มฉายแววสนุกมากขึ้นอยู่ในที
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม