“ถ้าบอสหิวส้มมาก ทำไมไม่ไปเชียงใหม่ก่อนล่ะครับ แล้วค่อยไปปากช่องทีหลัง” ยุทธพลถามเอาใจ
“ฉันว่าเรื่องฟาร์มวัวใช้เวลาไม่นาน แต่เรื่องส้มสองกลีบของฉันมันต้องใช้เวลามาก อะไรที่ทำเสร็จได้ไวก็ทำให้จบๆ ไปซะ”
“เอ่อ ว่าแต่ส้มสองกลีบนั้นมันต้องดีมากเลยใช่ไหมครับ บอสเลยคัดส้มที่อื่นทิ้ง” โดมยังไม่หายสงสัย
“เปรี้ยวนำ หวานตาม ชุ่มฉ่ำน้ำเยอะ ละลายในปาก แซ่บติดลิ้น อร่อยติดใจ ได้กินแล้วส้มที่อื่นเหม็นเขียวไปเลย” พยัคฆ์ร่ายสรรพคุณส้มส่วนตัวของเขา
“ดีแบบนี้ บอสคิดว่าส้มของบอสยังอยู่ดีใช่ไหมครับ” ยุทธพลยิงคำถาม
“ฉันทำตำหนิไว้แล้ว” พยัคฆ์ไม่ขยายความว่าเขาดูออกว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ง่าย แต่ที่ยากก็คือหายไปไหน!!!
“เอ่อ แล้วเรื่องฟาร์มวัวล่ะครับ” ยุทธพลถามต่อ
“มีปัญหาอะไรเหรอ”
“ปะ เปล่าครับ ผมสงสัยว่านมจากแหล่งเดิมก็เพียงพอแล้วนะครับ หรือว่าบอสจะเพิ่มไลน์ผลิต” ยุทธพลถามในสิ่งที่สงสัยอย่างตรงไปตรงมา หกเดือนมานี้บริษัทรับนมมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรฟาร์มโคนมที่ราคานมตกต่ำ ผลตอบรับยังไม่ชัดเจนเนื่องจากยังอยู่ในช่วงทดลอง
“ตะกี้คุณพจน์บอกว่าที่ปากช่องมีฟาร์มวัวนมหลายแห่งไปไม่ไหว จะขายวัวออกก็ขาดทุน แต่เดิมเวลาเดือดร้อน ตัดใจขายวัวออก ยังได้ตัวละห้าหมื่น แต่ตอนนี้ราคาตกเหลือสามหมื่น ครั้นจะทำต่อก็ไม่มีค่าเลี้ยงดู อย่างว่านะ วัวนมค่าอาหารมันแพงกว่าวัวเนื้อเยอะ พวกเกษตรกรที่มีที่ดินทำกินเยอะเลยตัดสินใจจะขายแบบยกฟาร์ม รวมถึงที่ดินด้วย”
“บอสก็เลยสนใจ?” โดมขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ
“เยส สงสัยละสิว่าทำไมอยากได้” พยัคฆ์ถามราวกับไปนั่งอยู่ในใจลูกน้อง “พวกนายจำตอนที่ฉันไปเที่ยวไร่องุ่นกับรีสอร์ตของลูกคลื่นได้ไหม”
ยุทธพลกับโดมพยักหน้าพร้อมกัน
“ฉันว่าที่นั่นบรรยากาศดี แล้วฟาร์มวัวนมที่จะไปดูก็อยู่ไม่ไกลจากลูกคลื่น ฉันกะจะสร้างบ้านพักตากอากาศสักหลัง แล้วก็ดูพวกนายรีดนมวัว”
“จะดีเหรอครับ พวกผมทำเป็นแต่ขยำนมสาวนะครับ” ยุทธพลยิ้มตอบสายตากวนประสาทที่มองมาพร้อมรอยยิ้มกวนๆ ขนาดเขาเป็นผู้ชายยังชอบรอยยิ้มของเจ้านายเลย นับประสาอะไรกับสาวๆ จะไม่หลงใหลเจ้านายเขา
“เอ่อ นอกจากฟาร์มเป็ดฟาร์มไก่แล้ว ตอนนี้จะทำฟาร์มวัวนมด้วยเหรอครับ” โดมขมวดคิ้วพลางรับแฟ้มจากม่านฝนที่ตามเข้ามายื่นให้
“ใช่” พยัคฆ์ตอบลูกน้องชาย และพูดกับเลขาฯ ของพ่อ “คุณม่านยังไม่ต้องรีบร้อนทำงานตอนนี้ก็ได้นะครับ คุณควรมีช่วงเวลาดีๆ กับเพื่อนร่วมงานที่งานเลี้ยง”
พยัคฆ์พูดอย่างมีน้ำใจ เขาเข้าใจดีว่าม่านฝนต้องการแสดงให้เห็นว่าตนเองยังมีประโยชน์สำหรับที่นี่ในช่วงเปลี่ยนถ่ายอำนาจ ซึ่งเขาก็ไม่คิดจะแขวนหรือโยกเลขาฯ ของพ่อไปไว้ที่อื่น
“ไม่เป็นไรค่ะบอส ยังเหลือเวลาอีกตั้งนาน งานนี่ก็สำคัญค่ะ” สาววัยกลางคนละล่ำละลัก
“แล้วแต่คุณนะ ถ้าอยากเริ่มตอนนี้ ผมก็จะสนองนี้ดของคุณ แต่เตือนไว้ก่อนว่าถ้าเริ่ม งานจะเยอะทันที”
“ค่ะ ดีค่ะ ถาโถมเข้ามาเลยค่ะบอส” ม่านฝนผู้โหยหางานเพราะมีภาระทางบ้านกองเท่าภูเขารู้สึกปลอดภัยหากมีงานเยอะๆ ในมือ
พยัคฆ์ยิ้มมุมปาก เขาจะไม่ทำให้ม่านฝนผิดหวัง “โกดังปุ๋ยที่ปทุมธานีถึงไหนแล้ว” พยัคฆ์ถามโจทย์ที่เคยมอบหมายทางการประชุมออนไลน์ทันที
“ตอนนี้คุณลุงเจ้าของที่ดินที่ลาดหลุมแก้วตกลงจะขายที่ดินให้เราทั้งผืน เราสามารถขยายโกดังสี่และห้าได้ภายในครึ่งปี”
“ดี แล้วโกดังปุ๋ยที่หลักสี่กับท่าเรือล่ะ” พยัคฆ์ถามต่อ
“ที่หลักสี่เรียบร้อยดี ส่วนที่ท่าเรืออยุธยา เพิ่งได้ผู้จัดการคนใหม่เข้าไปดูแลค่ะ” ม่านฝนรายงานอย่างมืออาชีพ
“ผมว่าในส่วนของปุ๋ย หลายๆ สูตรที่พ่อผมคิดและจดทะเบียนการค้ามันทำให้เราไปไกลมาก เซลล์ของเราก็เก่ง เข้าถึงชาวสวนชาวไร่ แต่ปัญหาเรื่องการทวงเงินก็มีมาก โทรทัศน์ ตู้เย็น รถยนต์เรายึดมาเยอะแยะจนกลายเป็นสุสานแล้ว”
“ก็แจกจ่ายพนักงานไปสิครับบอส” โดมเสนอ
พยัคฆ์ไม่สนใจข้อเสนอของคนสนิท เขามองม่านฝนเพื่อถ่ายทอดสิ่งที่คิดต่อ “ช่วงนี้ผมจะลดปริมาณการผลิตปุ๋ยเคมีสูตรต่างๆ ที่จะขายให้รายย่อย และหันมาขายแม่ปุ๋ยนำเข้าจากต่างประเทศให้กับบริษัทผลิตปุ๋ยรายอื่นๆ ในไทยเป็นหลัก เราต้องอยู่ส่วนบนของห่วงโซ่อาหาร ผมเพิ่งตกลงทำสัญญาการค้ากับหลายประเทศก่อนที่จะเดินทางกลับมาไทย ในสัญญาระบุไว้แล้วว่า ในไทย พวกเขาจะส่งแม่ปุ๋ยให้เราเพียงผู้เดียว ดังนั้นผมอยากให้คุณม่านให้คนของเราไปดูที่ดินแถวท่าเรืออยุธยา ผมจะสร้างท่าเทียบเรือไว้เป็นของตัวเอง ไม่อยากเช่าให้มีปัญหาแล้ว”
“ได้ค่ะ รู้สึกว่าไม่ไกลจากท่าเรือที่เราเช่าอยู่มีที่ดินริมแม่น้ำผืนใหญ่บอกขายนะคะ”
“ดำเนินการเลย” พยัคฆ์สั่ง
“ค่ะ” ม่านฝนรับคำและหันหลังเดินออกจากห้อง
“อ้อ คุณม่าน” เขาเรียกเลขาฯ วัยกลางคนไว้อีกครั้ง
“คะ” ม่านฝนขยับกลับมายืนหน้าโต๊ะท่านประธานอย่างพินอบพิเทา
“ให้ฝ่ายการตลาดไปช่วยชาวสวนผลไม้ที่เป็นลูกค้าของเราคัดเกรดผลไม้ เลือกลูกใหญ่ๆ สวยๆ ตีแบรนด์บริษัทเราแล้วขายให้กับบริษัทห้างร้านใหญ่ๆ เป็นกระเช้าผลไม้ตามฤดูกาล เงินที่ได้ทุกบาททุกสตางค์จะเป็นของลูกค้า เราไม่เอา”
“ค่ะ”
“ไอ้บริษัทรถยนต์น่ะ ไหนๆ ปีนี้เราต้องเปลี่ยนรถกระบะให้เซลล์ทั้งบริษัท ให้เขาซื้อไปสักสี่ห้าร้อยกระเช้าเลย” พยัคฆ์พูดอย่างหักคอ
“สุดยอดค่ะบอส” ม่านฝนยกนิ้วโป้งให้เจ้านาย ผลไม้ห้าร้อยกระเช้าแลกกับรถเซลล์แมนสามสิบคัน บริษัทรถยนต์ไม่ปฏิเสธแน่
“โอ้โห” ยุทธพลอุทานกับแผนการตลาดแบบคิดสดของเจ้านาย
“ปุ๋ยของเราทำให้รสชาติของผลไม้ดี ฉันก็อยากบอกต่อน่ะสิ” เขาบอกผู้ช่วย
“แน่นอน เรื่องรสชาติผมไม่เถียง แล้วไหนบอสว่าจะลดการผลิตปุ๋ยไง” ยุทธพลทักท้วง
“ลดลง แต่ไม่ได้เลิก แล้วถ้าไม่ช่วยพวกเขาขาย เกษตรกรก็จะถูกพ่อค้าคนกลางกดราคา อย่างน้อยการทำแบบนี้ก็ยังทำให้ผลผลิตบางส่วนของพวกเขาได้ราคาสูงไหมล่ะ” เขาตบไหล่ผู้ช่วย “น้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า เข้าใจไหม”
“งานงอกเลย พนักงานของเราต้องไปนั่งคัดเกรดผลไม้ใช่ไหม” โดมหวังว่าสิ่งที่เขาสันนิษฐานจะไม่เป็นจริง
“ถูกต้อง เราจำหน่ายสินค้าโภคภัณฑ์ เราก็ต้องอยู่กับกระบวนการเหล่านี้” พยัคฆ์ยักคิ้วให้ลูกน้อง
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
พยัคฆ์พยักหน้าให้โดมไปเปิดประตู พร้อมกับส่งสัญญาณบอกม่านฝนให้ออกไปได้
“ดอกไม้ของบอสค่ะ ผู้ส่งกำชับว่าต้องส่งให้ถึงมือบอส นี่ค่ะใบส่งของ บอสช่วยเซ็นรับให้หน่อยนะคะ” ปานวาด ประชาสัมพันธ์สาวด้านล่างผู้รับดอกไม้ยื่นช่อดอกไม้ขนาดใหญ่ให้เขา พร้อมกระดาษสำหรับลงลายมือ
เขามองดอกกุหลาบช่อโตหลังจากเซ็นเอกสารแล้ว ชายหนุ่มหยิบการ์ดที่มากับช่อดอกไม้มาอ่าน
ขอแสดงความยินดีด้วยนะคะ แด๊ดดี้เสือ
M.
พยัคฆ์ขมวดคิ้วกับสรรพนามที่ใช้เรียกเขา กับตัวย่อปริศนาตัวพิมพ์ใหญ่
“น่าสนใจ” พูดสั้นๆ แล้วส่งต่อให้โดม คนสนิทของเขารู้ว่าต้องทำอย่างไรกับมัน
*********