บทที่8
ตัดใจ
ผมชะงักกับคำพูดของพี่มาร์ชจนรถของพี่มาร์ชขับผ่านไปผมเลยต้องหันหลังเดินกลับบ้านตัวเอง คำขอที่เป็นเหมือนคำสั่ง คือห้ามผมยุ่งกับมิเกลอีก ผมต้องอยู่ให้ห่างจากเธอ
“เป็นไงบ้างเจ้าขุนมิเกลโอเคไหมลูก” เจ้าขารีบถามลูกด้วยความร้อนใจแต่พอเห็นสีหน้าลูกก็ต้องชะงัก
“ผมไม่เจอมิเกลครับเจอแต่พี่มาร์ช”
“มาร์ชรู้เรื่องใช่ไหม ไม่มีเรื่องก็ดีแล้ว”
“พี่มาร์ชสั่งห้าม ไม่ให้ผมเข้าใกล้มิเกลอีก ผมก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกันครับ”
“มาร์ชรักมิเกลมาก คงเห็นน้องเสียใจเมื่อคืนตอนหนูมิเกลวิ่งออกไปแม่ก็ตกใจเหมือนกันไม่รู้ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้างลูกลองโทรหามิเกลหรือยัง”
“ยังครับ” ผมรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเลื่อนหาแชตของมิเกลแต่เธอบล็อกผมไปแล้ว โทรหาก็ไม่ติดเหมือนแม่ผมจะรู้ท่านตบไหล่ผมเบาๆ
“ไว้ใจเย็นค่อยไปคุยกันก็ได้” เจ้าขาเดินเข้ามาหาสามีเพื่อนเล่าเรื่องราวของลูกชายให้ฟัง เธอไม่สบายใจมากกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น ถึงจะขอโทษขอโพยผู้ใหญ่ฝ่ายนั้นไปแล้วแต่ก็ไม่ได้อยากให้ลูกๆ มามีปัญหากัน
“ไว้ฉันจะลองคุยกับไอ้ก้องมันอีกที”
“ต้องคุยนะคะหมอ ถ้าหมอไม่คุยเจ้าขาจะเลิกกับหมอ!”
“เกี่ยวอะไรกันนี่มันเรื่องของเด็กๆ ยังไงเธอก็หมายมั่นกับเมียไอ้ก้องไปแล้วนี่ หึ!”
“หมอคะจะมีใครรักลูกเราเท่าหนูมิเกลอีก พวกที่ผ่านๆ มาก็แค่ฉาบฉวยลูกเรายังไม่รู้ใจตัวเองค่ะ”
“ถ้าอย่างงั้นก็ปล่อยมันไปแบบนี้และเดี๋ยวมันคิดได้เมื่อไหร่ก็คงเป็นฝ่ายตามหาหนูมิเกลเอง”
เจ้าขาแอบหวั่นใจขึ้นมาดื้อๆ เธอกลัวว่าเด็กทั้งสองจะแยกจากกันไปเสียก่อนไม่ได้เกี่ยวดองตามที่แม่ๆ ได้คุยกันไว้
อีกด้าน
มิเกลนั่งดูดหลอดชาไข่มุกจนแก้มตุ่ย เธอมองโก๋กับซอลตีกันเรื่องเจ้าขุน โก๋ไปสืบทราบมาจากการแกล้งเมาสลบเมื่อคืนลิลลี่พยายามเข้าหาเจ้าขุนแถมยังแสดงตัวเป็นเจ้าของจนหมอศิลาสั่งให้เจ้าขุนประกาศจบงานเลี้ยงทุกคนจึงต้องแยกย้ายกันกลับบ้าน
“เพราะเจ้าขุนคนเดียวที่มองข้ามเพื่อนฉันไป”
“เอาน่า ไหนๆ มิเกลก็ตัดใจจากไอ้ขุนไปแล้ว เธออย่าพูดให้มิเกลแค้นใจได้ไหมซอล”
“ฉันโมโหนี่ เพื่อนนายตาต่ำ ตาถั่ว!”
“ฮือออออ”
มิเกลร้องไห้โฮกลางร้านชาไข่มุกของซอล ลูกค้าที่นั่งอยู่หันมามองด้วยความตกใจ มิเกลต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะทำใจและตัดใจจากเจ้าขุนได้
หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป
หมอศิลาและเจ้าขาเดินเข้ามานั่งคุยถึงโปรแกรมเที่ยวที่ผู้ใหญ่ได้คุยกันไว้ก่อนที่เด็กๆ จะมีปัญหากันแน่นอนว่ามาร์ชคัดค้านเขาไม่อยากให้น้องสาวไปและตัวเขาก็ไม่ไปแน่นอน
“คุณลุงคุณป้าสวัสดีค่ะ” มิเกลเดินลงมาพร้อมไอแพด ช่วงนี้เธอแก้เหงาด้วยการดูซีรีส์ อ่านหนังสือเพื่อให้ลืมความเจ็บช้ำ
“หนูมิเกลป้ามาถามถึงเรื่องเที่ยวที่บ้านเราเคยคุยกันไว้ ไปนะลูก”
มิเกลหันไปมองหน้าพ่อแม่และพี่ชายเธอ พ่อกับแม่ทำได้แค่ยิ้มส่วนพี่ชายส่ายหน้าไม่ให้ไป ถ้าเธอไปก็คงต้องเจอกับเจ้าขุน กำแพงที่เธอสร้างมาก็คงพังทลายเหมือนทุกครั้ง
“ถ้าพ่อกับแม่อยากไปก็ไปได้เลยค่ะ หนูมีนัดติวกับเพื่อนๆ ช่วงนี้หนูเบื่อๆ ก็เลยไปทำงานพาสไทม์ที่ร้านของซอลด้วย”
มาร์ชยกยิ้มภูมิใจในตัวน้องสาวเขาจึงปัดมือให้น้องสาวออกไปพวกผู้ใหญ่จะได้คุยกัน แต่เหมือนเจ้าขาจะนึกเสียดายหมอศิลาจึงบีบมือเธอไว้เพื่อให้เธอใจเย็น
บ้านหมอศิลา
เจ้าขากลับมาเล่าถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ลูกชายฟัง ทางบ้านของมิเกลเลยขอยกเลิกโปรแกรมเที่ยวทริปนี้เพราะลูกสาวยังไม่พร้อม หมอศิลาเข้าใจเขาจึงเปลี่ยนไปเที่ยวกับครอบครัวของพี่ชายแทน
“เพราะคนแถวนี้เลยค่ะคุณพ่อที่ทำให้เจ้านางอดไปเล่นน้ำกับพี่มิเกล”
“ใช่เพราะคนแถวนี้นี่แหละ พ่อเลยอดดูแม่เราใส่บิกินี่เลย”
เจ้าขุนนั่งทานข้าวเงียบๆ ไม่รู้อะไรทำให้เขาคิดอยากจะไปร้านชาไข่มุกของซอล เขานั่งรถมาอีกหมู่บ้านจนถึงร้านชาไข่มุกแต่ไม่ทันได้เข้าไปโก๋ก็เดินมาหาเขาเสียก่อน ดีที่มิเกลไม่ได้หันมา
“มึงมาทำอะไรที่นี่ไอ้ขุนแผน”
“กูมาหาอะไรกินแล้วมึงล่ะมาทำไม”
“กูมาช่วยซอลขายของพอดีพนักงานลาออก ซอลไม่มีคนช่วยแม่ซอลต้องไปดูสาขาอื่น”
“อ๋อ”
“ถ้ามึงจะเข้าไปตอนนี้กูว่าอย่าเข้าไปดีกว่า มิเกลคงไม่อยากเจอหน้ามึง”
“อืม....”
ผมเดินกลับมาขึ้นรถด้วยความหงุดหงิดจู่ๆ ผมก็รู้สึกเหมือนทุกคนไม่อยากให้ผมกับมิเกลเจอหน้ากันแต่ไม่เป็นไรยังไงก็ต้องเรียนที่เดียวกัน ไว้ให้เธอใจเย็นผมค่อยไปขอโทษเธอก็ได้
"อกหักเหรอน้อง" คนขับแท็กซี่มองเด็กหนุ่มด้านหลังทำหน้าเหมือนคนอกหัก
"เปล่าครับ ผมไม่ได้เป็นอะไรกันแต่ผมดันไปจูบเธอ เธอเลยหลบหน้าผม"
"ห่าาา แบบนี้ไม่ดีนะไอ้น้อง ยิ่งเป็นเพื่อนกันยิ่งมองหน้ากันไม่ติด"
"ครับ"
ก็ถูกของพี่เขาตอนนี้ผมกับมิเกลมองหน้ากันไม่ติดแล้ว กลับถึงบ้านผมก็ขอตัวขึ้นห้องไม่อยากอยู่ให้พ่อด่า เปิดเฟซบุ๊กมาเห็นรูปที่ไอ้โก๋ลงมีมิเกลอยู่ในนั้นด้วย เธอยิ้มเบาๆแต่กลับไม่สดใสเหมือนเดิม
----------------------------------------------
ลูกสาวฉันกำลังตัดใจแกอย่าคิดเข้าไปยุ่งเชียวนะเจ้าขุน