ตำหนักปราศจากความเศร้า
“ท่านอ๋อง ฮองเฮาส่งของขวัญวันแต่งงานมา”
“ส่งคืนไปเสีย”
“แต่”
“ข้าไม่รับ สิ่งของของฮองเฮาฝากบอกนางด้วยไม่ต้องมาทำทีว่าสงสารข้า”
ก่อนหน้านั้น
“จงยี้ รักองค์ชายห้าคนเดียว ไม่มีทางเป็นอื่น”ร่างเล็กบอบบางซบ หน้าลงบนท่อนแขนของเขากอดแนบแน่นรอยยิ้มผุดพายขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลา”
“รอให้ผ่านเทศกาลไหว้พระจันทร์ไปก่อนข้าสัญญาจะให้เสด็จพ่อสู่ขอเจ้าแต่งเข้าตำหนักปราศจากความเศร้า”
“จงยี้แทบจะอดใจรอวันนั้นไม่ไหว”ริมฝีปากอุ่นบดเบียดอ่อนโยนแต่ไม่ได้ล่วงล้ำกล้ำกรายมากไปกว่านั้น ด้วยรอคืนวันหวานชื่นที่จะมาถึงอีกไม่นาน
หลายวันผ่านไป
“ผู้คัดตัวนางในชุดใหม่จะเข้ามาในวันนี้ ได้ข่าวว่า จางจงยี้บุตรีใต้เท้าจางเป็นตัวเต็งในปีนี้”เสียงขันทีพูดคุยเจื้อยแจ้ว โม่โฉว่ หยุดยืนฟังข่าวลือนั้นด้วยสีหน้าเป็นกังวล
จงยี้ คัดตัวนางในเพื่ออะไรกันในเมื่อเขากำลังจะขอประทานอนุญาต แต่งนางเข้าตำหนัก
“ฮองเฮาทรงพระประชวรอย่างหนัก ฝ่าบาทพักนี้มีท่าทีเศร้าหมองใครที่เข้ามาคัดตัวนางในหากต้องตาต้องใจฝ่าบาทคาดว่าจะได้รั้งตำแหน่งสนมเอก ต่อจากนั้นเป็นเรื่องของสวรรค์”เรื่องซุบซิบยังไม่จบเพียงเท่านั้นบุตรีใต้เท้าจาง ผ่านการคัดตัวนางในง่ายดาย ไม่เคยได้พบปะพูดคุยกันอีกตั้งแต่นั้นมาโม่โฉวไม่กล้าแม้แต่จะเหลือบตามอง สุรารสเลิศหรือสุรารสชาติแย่ก็กลายเป็นเพื่อคุยยามเหงาตั้งแต่บัดนั้น ร่างองอาจกลับพ่ายผอม บหน้าหล่อเหลากลับซุบซีดไร้ราศี ปลีกตัวออกห่างผู้คนในวังหลวง
“ฝ่าบาทแต่งตั้ง สนมจงยี้ขึ้นรั้งตำแหน่งฮองเฮา อาภรณ์สีขาวในวัน พิธีศพของมารดาที่เป็นถึงฮองเฮาถูกสวมไว้แน่นนานนับขวบปีมีเพียงเสี่ยวซันที่คอยยกเครื่องเสวย และผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ให้ร่างไร้วิญญาณของโม่โฉว่ สูญเสียมารดาสูญเสียคนรักและยังสูญเสียบิดาไปในเวลาพร้อมกัน ในเมื่อพิธีศพในวันนั้นฮ่องเต้ไม่มีน้ำตาแม้แต่หยดเดียว อีกไม่กี่วันต่อจากนั้นจงยี้ก็รั้งตำแหน่งฮองเฮา
“องค์ชายโม่โฉว่รับราชโองการ”ร่างสูงยืนนิ่งเหมือนไม่ได้ยิน มือเรียวบางดังอิสตรียังถือกรรไกรเล็มกิ่ง บอนไซ เหมือนไม่มีบุคคลอื่นตรงนั้น” ขันทีชราผู้อัญเชิญราชโองการ ขยับตัวด้วยความอึดอัด
“ฝ่าบาทมีบัญชาห้ องค์ชายห้าโม่โฉว่ รั้งตำแหน่งเป็นต้าหวัง เพื่อพิจารณาสืบทอดราชบัลลังก์ต่อไป” ขยับกายอึดอัดอีกครั้งเมื่อไม่มีการคุกเข่าน้อมรับราชโองการจากองค์ชายผู้ปราศจากความเศร้า ขันทีชารแค่พา ผู้นำราชโองการจากไปเงียบๆ ภายใต้ท่าทีเฉยชาของโม่โฉว่
“องค์ชาย ท่านอ๋อง”ยกมือโบกไม่ให้เสี่ยวซันพูดก่อนจะตวัดกรรไกรตัดกิ่งบอนไซจนแหว่งเว้าปากรรไกรลงบนพื้นสาวเท้าเข้าไปในตำหนักปราศจากทุกข์
ข้าวของในตำหนักปราศจากทุกข์ถูกขว้างถูปาบ้างก็ถูกผลักจนล้มระเนระนาด
ก่อนจะทรุดกายลงยกมือขึ้นกุมใบหน้าหล่อเหลา
มีดสั้นนมือกรีดลงบน ใบหน้าด้านขวา
“จงยี้ชอบ ใบหน้าหล่อเหลาขององค์ชายที่สุด”มือบางลูบไล้ใบหน้าสายตายั่วยวน
“มีดสั้น กรีดลงบนผิวเนื้อได้เพียงไปไม่ถึงองคุลี เสี่ยวซันถลาเข้ายื้อแย่งมีดสั้นออกจากมือใหญ่
“องค์ชาย อย่ายอมแพ้ง่ายดายเช่นนี้”
“ข้าไม่เหลืออะไรแล้ว ไม่อยากเป็นอ๋องไม่อยากอยู่ที่นี่และไม่อยากเป็นลูกของฝ่าบาทอีกต่อไป”
“ไม่ต้องพบหน้าใครแต่ทุกอย่างล้วนเป็นไปตามวิถีของมันรอวันสวรรค์ประทานเมตตา”โม่โฉว่นั่งชันเข่าก้มหน้านิ่งใบหน้าหล่อเหลามีหยดเลือดหยดริน
ทุกค่ำคืนผ่านมาจึงล้วนแต่ลากเอาหญิงจากหอคณิกากลับมาที่ตำหนักเสพสมเสียจนหนำใจ ไม่เว้นแม้สักคืน งานในราชสำนักไม่เคยย่างกราย
นานวันเข้า ยิ่ง ไม่เลือกลูกเขาเมียใครหากต้องตา ก็ฉุดคร่าจนมาที่ตำหนักจนเป็นที่เล่าขานไปทั่ว แต่ใครจะรู้เบื้องลึกเบื้องหลัง
ยิ่งนานวันเสียงร่ำลือทั้งจริงและไม่จริง
ท้องพระโรงในวันหนึ่ง
“หมายความว่าอย่างไรเมื่อไหร่จะเลิกทำตัวแบบนี้เสียทีวันๆ ข้ารับแต่ฎีกา เรื่องของเจ้ามากมายจนอ่านไม่ทัน”
ฮ่องเต้ถึงกลับปาฎีกาจากชาวบ้านเข้าใส่ใบหน้าหล่อเหลาของโม่โฉว่ต่อหน้าฮองเฮาจงยี้ แววตาสงสารที่ส่งมา โม่โฉว่เบือนหน้าหนีเสีย
“โม่โฉว่ทูลลา”สาวเท้าออกจากท้องพระดรงท่ามกลางสายตานับร้อยคู่ที่ต่างสมน้ำหน้ามีเพียงไม่กี่หยิบมือที่แสดงความเห็นใจ
หนึ่งในนั้นเป็นสายตาของใต้เท้าเสิ่นบิดาของอิงฮวา
โม่โฉว่สะดุ้งตื่นจากภวังค์เมื่อได้ยินเสียงกังวานสดใสร้องเพลงขับขานเจื้อยแจ้ว ผงกศีรษะขึ้นมองอิงฮวา ใช้กระบวยตักน้ำรดบอนไซในกระถาง ที่เรียงรายหน้าลานกว้างหน้าตำหนักโม่โฉว่ชันกายพิงพนักแท่นนอน มองลอดหน้าต่างออกไป ร่างเล็กบอบบาง ทว่าทรวดทรงองคืเอวกับเต็มไม้เต็มมือเมื่อคืนที่ผ่านมาเขาแทบจะห้ามใจไม่ได้ กลิ่นกายสาวยังติดที่จมูกใบหน้างดงามราวเทพีสวรรค์ริมฝีปากอวบอิ่มส่งเสียงร้องเพลงเจื้อยแจ้วหารู้ไม่ว่ามีผู้ใดแอบมองอยู่ โม่โฉว่เผลอยิ้มเมื่อคืนเขาสำรวจบุปฝางามแล้วเห็นว่ายังไม่ถูกรุกล้ำ เห็นจะต้องถนอมนางเสียหน่อยหรือว่าจะรวบหัวรวบหางไปจึงดีคิดไม่ตก หากปล่อยทิ้งไว้จะเป็นเหมือนจงยี้อีกไหม ไม่ยอมกินเต้าหู้เสียต่อไปแม้แต่กลิ่นก็ยังไม่ได้ดอมดม
อิงฮวาจากไปกลิ่นหอมโชยมาแทนที่ โม่โฉว่ไม่เคยได้กลิ่น แบบนี้นานแล้วตั้งแต่มารดาจากไป
“เสี่ยวซัน”ส่งเสียงเพียงเบาๆ เสี่ยวซันเก้าขาเข้ามาข้างใน
“ท่านอ๋อง”
“นางกำลังทำอะไร”
“พระชายา กำลังปรุงเครื่องเสวย วันนี้เห็นว่าจะมี เป็ดพะโล้เป็นเครื่องเสวยของท่านอ๋อง”พยักหน้าช้าๆ ก่อนจะลุกจากแท่นนอน หยิบผาแพรคลุมปิดบังใบหน้าที่มีรอยแผลเป็น สาวเท้าไปยังห้องเครื่องที่อิงฮวากำลังก้มหน้าก้มตา เป่าไฟให้ลุกขึ้นมา มือใหญ่ผลักหม้อพะโล้ด้วยแรงทั้งหมดไปเสียอีกทาง พะโล้ในหม้อหกกระจายกลิ่นพะโล้คละคลุ้งอิงฮวา ยืนตะลึงตัวชาเแม้จะเจ็บแสบเพราะน้ำพะโล้ร้อนๆ กระเด็นเข้าใส่ก็ไม่อาจขยับกาย
“ข้าไม่ชอบกลิ่นพะโล้”อิงฮวาผลักร่างใหญ่เซถลาก่อนจะหันหลังวิ่งออกจากห้องเครื่องของตำหนักไป หยุดยืนอยู่ไม่ไกลนักจากทางออกประตูตำหนัก หากออกไปแล้วยากจะกลับเข้ามา บิดาจะต้องโทษประหารในเมื่อสัญญามีไว้ว่าอิงฮวาจะต้องอยู่ที่นี่ให้ครบหนึ่งขวบปีบิดาจึงจะถูกปล่อยตัวออกจากคุกหลวง