ทั้งกลัวทั้งตกใจหัวใจเต้นแรงแทบทะลุออกจากอก
“ท่านอ๋องได้โปรด”
“กล้าสั่งข้าหรือไรนี่เจ้าไม่เคยได้ยินสิ่งที่ผู้คนพูดถึงข้าหรือไร”ปลดแกะอาภรณ์ด้านบนใบหน้าซุกไซร้ไปที่เนินอกนุ่ม
อิงฮวาดิ้นรน หาทางหนีแม้จะเตรียมใจมาแล้วว่าคืนนี้จะต้องเป็นของอ๋องผู้นี้แต่อิงฮวาไม่คิดว่าจะตกอยู่ในที่นั่งลำบากขนาดนี้
มือเล็กยันอกกว้างสุดแรงแต่กลับถูกมือใหญ่จับไพล่หลัง ปากอุ่นบดเบียดเร่าร้อนรุนแรงจนไม่อาจหลีกหนี อะไรกันทำไมถึงเป็นแบบนี้เขาตายอดตายอยากมาจากไหนกัน แล้วเรื่องเล่าที่ว่าหญิงงามต้องมาสังเวยความสาวทุกค่ำคืนเป็นเรื่องเล่าโกหกอย่างนั้นหรือ หากเป็นเรื่องจริงทำไมถึงเหมือนกับไม่เคย ลิ้มรสสวาทมาแสนนานเช่นนี้อิงฮวา แม้จะถูกสอนเรื่องการอุ่นเตียงมาบ้างก่อนจะแต่งเข้ามาทว่า บทรักที่โหดหินเช่นนี้ เกินไปหน่อย สำหรับสาวพิสุทธิ์เช่นอิงฮวา มือใหญ่สอดล้วง กลีบบุปฝาแรกแย้มที่คับแน่น ทั้งสำรวจลูบไล้และกดกระแทกจนอิงฮวาขยับตัวถอยหนี ทว่ามือสองข้างถูกรวบไว้จนสิ้น ความมืดที่มืดจนมองไม่เห็นหน้าท่านอ๋องโม่โฉวที่ใครๆ ต่างร่ำลือว่าหล่อเหลาราวเทพสวรรค์แต่ใบหน้ากับไร้ซึ่งรอยยิ้มฉาบทา
อิงฮวานึกอย่างกจะเห็นใบหน้าเขาเวลานี้ว่าจะเป็นดั่งคำคนอื่นพูดหรือไม่ เขาว่าหญิงบางนางถึงกับยอมมอบกายเมื่อเห็นหน้าท่านอ๋องโม่โฉว บ้างก็ว่าบางคนถึงกับเข้ามาหาถึงในตำหนักเลยทีเดียวทั้งๆ ที่อ๋องผู้นี้ไม่ได้ร้องขอ
อิงฮวาขยับตัวถอยหนีมือใหญ่ที่สอดลึกลงไปนกลีบบุปฝารัดแน่นจนรู้สึกเจ็บเมื่อถูกรุกล้ำหนักหน่วงนิ้วยาวขยับขึ้นลง คนอะไรไม่ออมมือบ้างเลยหรือไร ริมฝีปากก็บดขยี้จนแทบแหลกละเอียด รู้สึกเจ็บจนแทบทนไม่ไหว เพียงครู่เดียวที่พายุอารมณ์โถมเข้าใส่กลับแปรเปลี่ยนเป็น ลมโชยแผ่วๆ อกอูมถูกลิ้นสากเลียวนอ่อนโยนคราวนี้กลายเป็นอิงฮวาที่ บิดกายถอยหนีอย่างเสียวซ่าน มืออุ่นลูบไล้หน้าท้องอย่างอ่นโยนสิ้นสุดการรุกล้ำเพียงแค่นั้นก่อนที่ร่างใหญ่ จะผุดลุกขึ้น โยนผ้าห่มคลุม กายเกือบเปลือยของอิงฮวาที่ได้แต่งงงันว่าทำไมเขาถึงหยุดทุกอย่างไว้เพียงแค่นั้น
“พรุ่งนี้และวันอื่นๆ ยังมีเวลาอีกมากคืนนี้เจ้านอนเสียข้าจะค่อยๆ สอนเจ้าให้รู้ว่าต้องปรนนิบัติข้าเช่นไร”อิงฮวาดึงผ้าห่มมาคลุมกาย รู้สึกใบหน้าร้อนผะผ่าว ด้วยความโมโหและเขินอาย เขาเห็นอิงฮวาเป็นเพียง หญิงที่ไว้สำหรับปรนเปรอความสุขเช่นนั้นหรือ
ร่างใหญ่ ลุกขึ้นจากแท่นนอน ก่อนจะหันกลับมากระชากร่างเล็กของอิงฉาที่ยังไม่ทันจะสวมอาภรณ์ให้มิดชิดอกนุ่ม สัมผัสหน้าอกแน่นด้วยมัดกล้ามของเขา ใบหน้าที่ไม่อาจมองเห็นโน้มตัวลง ขบกัดปลายปทุมถันที่ชูชันน่าขบกัดลิ้นสากวนรอบอีกครั้งก่อนจะขบเบาๆ แต่อิงฮวาก็ไม่วายรู้สึกเจ็บอยู่ดี ดึงร่างบางที่เปลือยท่อนบนมาซบอกกดริมฝีปากเร่าร้อนรุนแรงก่อนจะถอนริมฝีปากออกช้าๆ
“หากคราวหลังยังทำเป็นนอนยั่วยวนข้าเช่นนี้เห็นทีจะไม่แคล้ว...โดนข้าเล่นงานแน่คราวหลังหากข้าสั่งเจ้าต้องรีบเร่งกว่านี้ไม่เช่นนั้นจะหาว่าข้าไม่เตือน”ดึงอาภรณ์ห่มคลุม เนินเนื้อให้ แล้วก็หันหลังจากไป
อิงฮวาทรุดกายลงบนแท่นนอนรีบ ดึงสายรัดเอวแน่นหนา จัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย
ทั้งๆ ที่ใจยังเต้นไม่เป็นจังหวะตื่นเต้นกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่
ก่อนหน้านั้น
“ทำไมลูกต้องแต่งกับอ๋องโฉดผู้นั้น”มารดายกมือขึ้นปิดปากอิงฮวา
“บัญชาฝ่าบาทเจ้าต้องทำตามไม่เช่นนั้นท่านพ่อของเจ้าที่ต้องโทษประหารต้องตายและตระกูลเสิ่นของเรา คงต้องพบจุดจบไม่อาจรักษาชีวิตใครไว้ได้”
“เพียงแค่ฉ้อฉล ท่านพ่อแค่ฉ้อฉลไม่ได้ฆ่าคนวางเพลิง”
“ฉ้อฉล เงินในคลังหลวงทุกบาททุกสตางค์ที่พ่อของเจ้าได้มา ล้วนนำมาจุนเจือตระกูลเสิ่นที่เจ้าอยู่สบายจนถึงวันนี้ได้เพราะเงินเหล่านั้นนับว่าข้าเจ้าและคนในตระกูลต้องมีส่วนรับผิดชอบลำพังฉ้อฉลไม่เท่าไหร่แต่หากเจ้าปฏิเสธบัญาของฝ่าบาท ก้ยิ่งจะทำให้ ฝ่าบาทยิ่ง มีน้ำโห”
“อ๋องผู้นั้นล้วนถูกกล่าวขวัญว่าโหดร้ายน่ากลัวแล้ว ข้าจะรับมือกับเขาได้อย่างไร”
“แต่งเข้าไปยอมเขาเสียหน่อยแค่เพียงให้ท่านพ่อของเจ้า ไม่ต้องรับโทษ ออกจากคุกหลวงได้ จึงหย่ากับเขาเสีย หวังหมิ่นผู้นั้นตั้งจรอคอยเจ้าข้าคุยกับเขาแล้วเขาไม่สนใจว่าเจ้าจะมีผู้ใดหรือเป็นของใดเขาพร้อมจะยื่นมือโอบอุ้มเจ้าไว้”อิงฮวาคิดถึงใบหน้า แสนเศร้าของหวังหมิ่นเมื่อรู้ว่าอิงฮวาได้รับบัญชาให้แต่งกับท่านอ๋องโม่โฉวผู้ที่ถูกกล่าวขวัญแต่ในด้านเลวร้าย
“ไม่เป็นไร ข้ารอเจ้าเสมอ”อิงฮวา ไม่มีคำกล่าวใดเพราะทุกคำพูดถูกบีบกดลงไปในอกพร้อมจะกลั่นเป็นหยาดน้ำตา
“ไม่จำเป็นต้องรอข้า ในเมื่อข้าจำเป็นต้องเป็นของเขาเสียแล้วเจ้า มีหญิงอื่นมากมายที่พร้อมจะเคียงคู่เจ้า หวังหมิ่นไม่จำเป็นต้องรอข้า”หวังหมิ่นกุมมือบางของอิงฮวา ส่งต่อความห่วงใยและอบอุ่น
“ข้าไม่ต้องการคนอื่น ไม่ว่าพวกนางจะงามล่มเมืองแค่ไหน ข้า... พร้อมที่จะรอไม่ว่าเจ้าจะเป็นของเขาก่อนที่จะเป็นของข้าก็ตาม”อิงฮวาซบหน้าลงบนอกกว้าง
“หากว่าเจ้าหย่ากับเขาบิดาของเจ้าถูกปล่อยตัว เราสองคนจะหนีไปใช้ชีวิตลำพัง เงินทองของข้าก็มากมาย ไม่มีทางจะทำให้เจ้าลำบากแน่ อิงฮวาอย่าร้องไห้ เชื่อเถอะว่าข้า รักและรอเจ้าได้เสมอ”