ตอนที่ 13 พานพบประสบพักตร์ 3

3316 คำ
ชายแดนแคว้นเจียง ผืนแผ่นดินเต็มไปด้วยโลหิตสีแดงฉานไหลเนืองนอง ซากศพของทหารทั้งสองฝ่ายพลีชีพตายตกไปตามกันนับหมื่นชีวิต ฝ่ายหนึ่งหวังยึดครองแผ่นดินอื่นให้ตกไปเป็นของตน อีกฝ่ายจากเคยเป็นผู้ล่าดินแดนกลับกลายต้องออกปกป้องดินแดนของตนให้คงอยู่ดั่งเดิมa กองทัพจากแคว้นจ้าวโอบล้อมทัพของต้าเว่ยไปทั่วทั้งแปดทิศเพื่อต้อนทัพใหญ่เข้าสู่เทือกเขาหัวซาน ทว่าแม่ทัพซึ่งควบคุมกองกำลังทิศทั้งแปดมิเดินตามแผนการของแม่ทัพใหญ่ซึ่งควบคุมโดยองค์ชายจ้าวเฟยหลง พระโอรสองค์สุดท้องของจ้าวจางเหว่ย ทำให้แผนที่วางไว้ควรจะสำเร็จสมดั่งใจหวังกลับไม่เป็นไปตามที่คิดด้วยเพราะพระเชษฐาทั้งแปดมิยอมให้ความร่วมมือนั่นเอง กองทัพใหญ่ขององค์ชายเก้าต้องต่อสู้กับกองทัพของต้าเว่ยจนทหารพลีชีพตายตกไปในสนามรบจนนับไม่ถ้วน ทว่าแม้กำลังจะมีน้อยกว่าเพราะกองทัพทั้งแปดทิศไม่ยอมยกมาสนับสนุน แต่ถึงกระนั้นบรรดาทหารกลับมีแรงกำลังใจฮึกเหิมอย่างยิ่งยวด เมื่อองค์ชายจ้าวเฟยหลงทรงทำศึกได้อย่างอาจหาญ เพลงยุทธ์ที่ทรงแอบฝึกปรือทุ่มเทในการออกสนามรบเป็นครั้งแรกของพระองค์ จนสามารถมีชัยเหนือกองทัพต้าเว่ยเป็นผลสำเร็จ แต่ถึงกระนั้นพระองค์จำต้องใช้กองกำลังทั้งแปดทิศเข้าโอบล้อมเพื่อต้อนทัพของต้าเว่ยเข้าเทือกเขาหัวซานให้จงได้ “ทัพทั้งแปดทิศของเจ้าพี่เดินทัพมาสมทบหรือยัง!!!” สุรเสียงรับสั่งตะโกนก้องถามนายกองที่กำลังรบอยู่เคียงข้างพระองค์อยู่ในขณะนี้ “กองทัพขององค์ชายทั้งแปดทรงโอบล้อมรอบไว้ทั้งแปดทิศแล้วพ่ะย่ะค่ะ แต่มิรู้ว่าเพราะเหตุใดจึงมิทรงนำทัพมาสนับสนุนทัพใหญ่ หากเป็นเช่นนี้ต่อไปเห็นทีแผนที่จะต้อนทัพของต้าเว่ยเข้าเทือกเขาหัวซานคงจะไม่สำเร็จตามที่วางเอาไว้เป็นแน่แท้พ่ะย่ะค่ะองค์ชาย” พระวรกายใหญ่หยุดชะงักโดยพลันเมื่อทรงได้ยินเช่นนั้น พระพักตร์หันกลับไปทอดพระเนตรทิศทั้งแปดพร้อมๆ กับพระวรกายหมุนวนเป็นวงกลม “ไม่คาดคิดว่าเจ้าพี่ทั้งแปดจะทรงมีความคิดเห็นส่วนพระองค์เช่นนี้ ทั้งๆ ที่ศึกครั้งนี้สามารถสยบต้าเว่ยลงได้ คอยเฝ้ามองข้าและบรรดาทหารพลีชีพในสนามรบคงจะสมดั่งพระทัยกระมัง” องค์ชายรูปงามรำพึงอยู่ภายในพระทัย ก่อนจะตัดสินพระทัยอย่างกะทันหัน พร้อมกระชับดาบยาวที่เต็มไปด้วยโลหิตสีแดงฉานที่ทรงถืออยู่ในพระหัตถ์ เสด็จวิ่งตรงดิ่งเข้าปะทะกับกองทัพของต้าเว่ยบุกเดี่ยวเพื่อไปให้ถึงตัวองค์รัชทายาทซึ่งเป็นแม่ทัพใหญ่บัญชาการกองทัพของแคว้นเว่ยอยู่ในขณะนี้ ท่ามกลางความวุ่นวายและกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่วบริเวณชายแดนรอยต่อของแคว้นเจียง ร่างระหงขององค์หญิงเจียงอิ้งเยว่ปรากฏพระวรกายอยู่บนเทือกเขาสูง ซึ่งสามารถทอดพระเนตรกองทัพของทั้งสองฝ่ายกำลังสู้รบกันอย่างดุเดือดอยู่ในขณะนี้ พระเนตรสีน้ำตาลอ่อนลุกโชนอย่างน่าสะพรึงกลัว เมื่อทอดพระเนตรกองทัพของแคว้นจ้าวซึ่งทำลายแคว้นเจียงของพระนางจนล่มสลาย ซึ่งในขณะนี้มีกำลังทหารตกเป็นรองของอีกฝ่าย ในขณะที่กองทัพของต้าเว่ยก็หมายจะแย่งชิงดินแดนของแคว้นหลงอันเช่นกัน “ทัพใหญ่มารวมกันเช่นนี้ช่างประจวบเหมาะยิ่งนัก จะได้ตายตกเซ่นสังเวยชีวิตให้กับแคว้นเจียงของข้าไปเสียพร้อมกันเลยทีเดียว พวกเจ้าทั้งสองฝ่ายจะได้ไม่ต้องเสียเวลาสู้รบกันอีกต่อไป!!!” องค์หญิงแสนสวยรับสั่งลอดไรพระทนต์ แรงแค้นที่ถูกแคว้นจ้าวทำลายจนล่มสลายโหมกระพือ และเพื่อปกป้องแคว้นหลงอันให้รอดพ้นจากแคว้นเว่ย เป็นเหตุให้พระนางเริ่มร่ายเวทหมายปลิดชีพกองทัพทั้งสองฝ่ายให้จบสิ้นชีวาวาย ฝังกลบดินร่างตกตายหมื่นเรื่องสิ้น ให้จบลงที่ชายแดนของแคว้นเจียงแห่งนี้ พลังเวทจากหยกจันทราที่อยู่คู่พระวรกายเริ่มสำแดงขึ้นมาทันที พระเนตรสีน้ำตาลอ่อนแปรเปลี่ยนเป็นสีทองอร่าม พร้อมพลังเวทจากหยกจันทราสำแดงเดชจนผืนแผ่นดินเบื้องล่างเริ่มสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นอย่างมิรู้สาเหตุ “ครืนนนนน!!!!” เสียงแผ่นดินเคลื่อนตัวติดต่อกันเป็นเหตุให้กองทัพทั้งสองฝ่ายที่กำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือดหยุดชะงักขึ้นมาโดยพลัน “เหวอ!!! แผ่นดินไหว” เสียงของบรรดาทหารทั้งสองฝ่ายต่างตะโกนก้องด้วยความตกใจกันอย่างถ้วนหน้า ทันใดนั้นเอง “ตาเฒ่าเยว่เทียน! ข้าจะฆ่าท่าน!!!” เสียงร้องตะโกนก้องดังอยู่บนแผ่นฟ้าเบื้องบน ร่างบุรุษปริศนาจู่ๆ ก็ปรากฏขึ้น กำลังลอยละลิ่วร่วงหล่นตกจากผืนฟ้าเบื้องบนต่อหน้าพระพักตร์องค์หญิงแสนสวย ที่กำลังร่ายเวทอยู่ในขณะนี้ เป็นเหตุให้พระนางตกพระทัยอย่างยิ่งยวดเมื่อทอดพระเนตรร่างของบุรุษผู้นั้นกำลังร่วงหล่นตกลงสู่พื้นเบื้องล่างลงไปยังสนามรบที่กำลังนองเลือดกันอย่างดุเดือด “ผู้ใดกัน! เหตุไฉนจึงร่วงหล่นจากฟากฟ้าลงสู่เบื้องล่างเช่นนั้นได้เล่า ยังมีเทือกเขาที่สูงกว่าจุดที่ข้ากำลังยืนอยู่อีกอย่างนั้นหรอกรึ! หรือว่าข้าตาฝาด” พระนางรำพึงออกมาเบาๆ พลางส่ายพระพักตร์ไปมาเพื่อขับไล่ความมึนงง “ช่วยด้วย!!! ใครก็ได้ช่วยข้าที!!!” เทพเจ้าศาสตราร้องตะโกนโวยวายจนสุดพระสุรเสียง และด้วยเพราะสุรเสียงโวยวายของพระองค์ทำให้องค์หญิงน้อยล่วงรู้โดยพลันว่าสิ่งที่ได้ทอดพระเนตรเมื่อครู่ที่ผ่านมามิได้ตาฝาดแต่อย่างใด ทว่ามีคนตกจากฟ้าจริงๆ นั่นเอง “มีคนตกจากฟ้าจริงๆ หรือนี่! แย่แล้ว!!!” องค์หญิงน้อยหยุดร่ายเวทที่ต้องการทำลายชีวิตทหารทั้งสองฝ่ายนับเรือนแสนลงทันใด ก่อนจะร่ายเวทเร้นพระวรกายหายลับไปโดยพลันเพื่อช่วยบุรุษที่ร่วงหล่นจากแผ่นฟ้าเบื้องบน “โอ๊ยย!!! เหตุใดชีวิตของข้าถึงต้องเป็นเช่นนี้! คบสหายผิดต้องคิดจนตัวตาย ข้ากลับขึ้นไปสวรรค์คราใดจะต้องคิดบัญชีกับท่านแน่! ตาเฒ่าวิปลาส!!!” เทพเจ้าศาสตราโวยวายไม่ยอมหยุด ครั้นทอดพระเนตรว่าพระองค์กำลังตกลงสู่พื้นเบื้องล่างซึ่งเต็มไปด้วยกองทัพทหารมากมาย เทพเจ้าศาสตราซึ่งเชี่ยวชาญทางด้านการทำสงครามอยู่แล้ว พยายามแก้ไขสถานการณ์อันเลวร้ายให้แก่พระองค์ทันที “พวกเจ้ารับข้าที! รับร่างข้าด้วย! รับร่างของข้า!!” พระองค์ตะโกนก้องรับสั่งกับผู้คนเบื้องล่าง ร่างร่วงหล่นตกลงสู่พื้นหากไม่มีผู้ใดรองรับไว้ จะต้องมีอันแหลกเหลวเป็นแน่แท้ “พรึ่บ!” ร่างงามระหงขององค์หญิงแสนสวยปรากฏกายท่ามกลางสนามรบ พระนางร่ายเวทเกราะป้องกันภัยโอบอุ้มร่างของเทพเจ้าศาสตราเอาไว้ได้อย่างทันเวลาพอดี โดยมิทรงล่วงรู้เลยว่าการกระทำของพระนางตกอยู่ในสายพระเนตรขององค์ชายเก้าจากแคว้นจ้าวอยู่ในขณะนี้ พระเนตรสีน้ำตาลอ่อนทอดพระเนตรทุกการกระทำขององค์หญิงน้อย ไม่คาดคิดว่าสตรีตรงหน้าพระพักตร์ที่สามารถมองเห็นเพียงด้านข้างเท่านั้น จะสามารถใช้วิชาของเทพเซียนนี้ได้ ก่อนจะเหลือบสายพระเนตรไปทางเบื้องหน้าแล้วพบว่า องค์รัชทายาทของต้าเว่ยกำลังขึ้นคันธนูพร้อมง้างลูกศรตรงมายังร่างของสตรีปริศนาเบื้องหน้าพระพักตร์อยู่ในขณะนี้ “ระวัง!!!” พระองค์รับสั่งตะโกนก้อง องค์ชายรูปงามทรงปักดาบยาวลงที่พื้นก่อนจะกระโดดตะครุบร่างงามจนนางล้มลงไปกับพื้นทันใด “ฟิ้ววว” ลูกธนูแหวกอากาศขององค์รัชทายาทจากต้าเว่ยพุ่งปักเข้าที่กลางพระอุระของพระองค์ทันที “ฉึก!!!” ลูกศรพุ่งเจาะชุดเกราะจนทะลุปักลึกเข้าไปถึงด้านใน จนพระวรกายใหญ่ทรุดฮวบลงกับพื้นทันใด ท่ามกลางความตกตะลึงขององค์หญิงน้อยเมื่อทอดพระเนตร บุรุษร่างสูงใหญ่ตรงหน้าได้ช่วยชีวิตของพระนางเอาไว้อย่างหวุดหวิด “อ๊อกกก!!!” พระโลหิตสีแดงฉานกระอักออกจากพระโอษฐ์ออกมากองใหญ่ พระหัตถ์หนาเริ่มสั่นด้วยทรงเจ็บปวดอย่างยิ่งยวด เพราะลูกศรที่เจาะทะลุชุดเกราะของพระองค์นั้นอาบยาพิษเอาไว้นั่นเอง พระหัตถ์ขวาสัมผัสกับคันธนูที่ร่วงหล่นอยู่ที่พื้น พระองค์ทรงหยิบคันธนูดังกล่าวขึ้นมาทันใด ก่อนจะถูกง้างออกพร้อมลูกศร เป้าหมายคือร่างของแม่ทัพต้าเว่ย ซึ่งกำลังนั่งอยู่บนหลังม้า พระเนตรสีน้ำตาลอ่อนดั่งน้ำผึ้งสวรรค์ทอดพระเนตรร่างของแม่ทัพต้าเว่ยเขม็ง ระยะที่อยู่ห่างไกลยากยิ่งนักที่ลูกธนูจะถูกจุดตายของอีกฝ่าย ทันใดนั้นเอง อำนาจของหยกจันทราที่สถิตอยู่ในพระวรกายขององค์หญิงน้อยได้สัมผัสกับดวงจิตขององค์ชายรูปงาม ดวงจิตซึ่งก็คือองค์เหวินฉางเทียนจวินจากสวรรค์เก้าชั้นฟ้าเสด็จลงมาจุติเป็นพระองค์ ผู้เปิดผนึกศิลาสวรรค์นำหยกจันทราออกมาใช้ปราบจอมมารคางค่าย ทำให้หยกจันทราจดจำผู้ที่เปิดผนึกได้ขึ้นมาทันที เป็นเหตุให้พลังของหยกจันทราสำแดงเดชออกมาอย่างไม่มีผู้ใดคาดคิดมาก่อน และเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้เทือกเขาจันทราที่อยู่บนสวรรค์เก้าชั้นฟ้า เกิดสั่นสะเทือนเลือนลั่นขึ้นมาโดยพลัน เมื่ออำนาจของหยกจันทรากำลังสำแดงเดชในโลกมนุษย์ครั้นสัมผัสกับดวงจิตของผู้ทำการเปิดผนึก พร้อมๆ กับพระเนตรสีฟ้าครามที่กำลังปิดสนิทในขณะที่กำลังเข้าญาณตบะอยู่ในขณะนั้นของเทพเจ้าจันทราพลันเปิดขึ้นมาทันใด “แย่แล้ว!!!” สุรเสียงรับสั่งพร้อมยกพระหัตถ์เสกม่านอาคมให้ปรากฏขึ้นตรงหน้าพระพักตร์ขึ้นมาทันที เผยให้เห็นเหตุการณ์ที่กำลังปรากฏขึ้นต่อหน้าพระพักตร์อยู่ในขณะนี้ พระเนตรสีน้ำตาลอ่อนที่อยู่คู่พระวรกายของพระองค์จู่ๆ กลับแปรเปลี่ยนไปโดยพลันกลายเป็นพระเนตรทิพย์สีทองอร่าม เปิดตาที่สามตรงกลางพระนลาฏ(หน้าผาก)ขึ้นมาทันทีไม่ว่าระยะทางจะไกลเพียงใดจะเสมือนอยู่ใกล้ประหนึ่งถูกจับวางเอาไว้ตรงหน้าพระพักตร์ พร้อมกับคันธนูธรรมดาที่อยู่ในพระหัตถ์กลับกลายเป็นศาสตราวุธประจำพระวรกาย กลายเป็นคันธนูสังหารปล่อยลูกศรเพลิงที่เต็มไปด้วยพลังเวทของมหาเทพแห่งสงครามออกไปทันที “ฟิ้ววว!!!” ลูกศรเพลิงแหวกอากาศพุ่งเข้าหาองค์รัชทายาทจากต้าเว่ย ตรงเข้าจุดสังหารอย่างโหดเหี้ยมโดยพลัน “ฉึก!” ลูกธนูสังหารเจาะเข้าพระเนตรขวาจนทะลุออกจากพระเศียร เบ้าพระเนตรหลุดติดลูกศรเปิดบาดแผลกว้าง จนพระเศียรกลวงโบ๋เป็นที่น่าสยดสยองต่อผู้ที่ได้เห็นเหตุการณ์นั้นเป็นอย่างยิ่ง องค์รัชทายาทจากต้าเว่ยร่วงหล่นตกจากหลังม้าสิ้นพระชนม์คาที่ ต่อหน้าบรรดาทหารนับเรือนแสนที่เห็นเหตุการณ์อยู่ในขณะนี้ รวมไปถึงองค์หญิงน้อยด้วยเช่นกันพระนางทรงตกตะลึงอย่างยิ่งยวด เมื่อได้ทอดพระเนตรตาที่สามของบุรุษที่เพิ่งช่วยชีวิตพระนางปรากฏขึ้นอยู่ตรงกลางหน้าผาก มิหนำซ้ำดวงตายังเป็นสีทองอร่ามปรากฏขึ้นเพียงครู่ก่อนจะเลือนหายไป “องค์รัชทายาทสิ้นพระชนม์แล้ว!!!” เสียงตะโกนก้องของเหล่าทหารจากต้าเว่ยดังเอ็ดอึงไปทั่วบริเวณ ในขณะเดียวกันเทพเจ้าศาสตราซึ่งทอดพระเนตรเหตุการณ์ทุกอย่างเช่นเดียวกัน รีบวิ่งตรงเข้าไปหาพระสหายของพระองค์ด้วยความเป็นห่วงอย่างยิ่งยวด เมื่อพระวรกายใหญ่ของพระสหายรักกำลังร่วงหล่นลงสู่พื้นเพราะลูกศรอาบยาพิษที่เจาะทะลุเกราะนั่นเอง “เหวินฉาง!” เทพศาสตราร้องเรียกพระสหายพร้อมรับพระวรกายใหญ่เอาไว้ได้อย่างทันท่วงที พระเนตรสีทองอร่ามและพระเนตรที่สามตรงกลางพระนลาฎค่อยๆ เลือนหายไปโดยพลัน ก่อนจะกลับไปเป็นดั่งเดิม พระองค์หันกลับไปทอดพระเนตรร่างระหงของสตรีที่ทรงช่วยชีวิตนางไว้เมื่อครู่ที่ผ่านมา ก่อนจะทอดพระเนตรพบว่านางกำลังเลือนหายไปต่อหน้าพระพักตร์ ใบหน้างดงามลึกล้ำทรงทอดพระเนตรได้เพียงเลือนรางเท่านั้น “นะ... นาง... นาง!!!” พระองค์พยายามจะมีรับสั่งออกมา “อย่าเพิ่งพูดอะไรทั้งนั้น... ท่านกำลังบาดเจ็บสาหัส! หมอ! หมออยู่ไหน!!!” เทพเจ้าศาสตรารับสั่งตะโกนเรียกหาหมอหลวงจนดังเอ็ดอึงไปทั่วบริเวณ พระเนตรสีน้ำตาลอ่อนเริ่มพร่าเลือน ประสาทสัมผัสทั้งเจ็ดเริ่มไร้สิ้นการรับรู้เมื่อพิษร้ายแพร่กระจายไปทั่วพระวรกาย ในขณะที่ทรงใกล้หมดพระสติ ภาพของสตรีปริศนาที่ค่อยๆ เลือนหายไปต่อหน้าพระพักตร์ปรากฏขึ้นในดวงจิตก่อนจะดับวูบลงทันใด “เหวินฉาง!!!” เทพศาสตราร้องเรียกพระสหายก่อนจะนึกขึ้นได้ว่า พระนามนี้เป็นขององค์เทียนจวินบนสวรรค์เก้าชั้นฟ้าหาใช่พระนามในโลกมนุษย์ที่ใช้เรียกขานกันแต่อย่างใด “เฟยหลง!!!” เทพศาสตรารับสั่งพระนามของพระสหายในโลกมนุษย์อีกครา “หมอหลวง! หมอหลวง!!!” พระองค์ตะโกนก้องรับสั่งเรียกหาหมอหลวงให้เอ็ดอึง ท่ามกลางความวุ่นวายไปทั่วสนามรบ กองทัพที่ยกมาสนับสนุนบุกตามเข้ามาเสริมทัพใหญ่ หมายสังหารองค์ชายเก้าซึ่งเป็นผู้นำทัพใหญ่ของแคว้นจ้าวให้ตายตกไปตามกันกับองค์รัชทายาทของตนให้ได้ เป็นเหตุให้เทพเจ้าศาสตราต้องวางร่างพระสหายรักลงกับพื้นทันที พร้อมหันไปมีรับสั่งกับบรรดาทหารที่เหลือ ต่างรีบวิ่งเข้ามาดูพระอาการแม่ทัพใหญ่ของตนอย่างเร่งด่วน “ดูแลองค์ชาย! เฟยหลงถูกลูกศรอาบยาพิษ รีบหาทางขจัดพิษออกให้หมด! ที่เหลือตามข้ามา! บุกขยี้ให้ตายตกไปตามกัน!!!” เทพเจ้าศาสตราหยิบหอกแหลมที่ร่วงหล่นอยู่ที่พื้น ก่อนจะใช้เพลงยุทธ์จากแดนสวรรค์ โจนทะยานลอยละลิ่วประทับนั่งอยู่บนหลังม้าพร้อมควบม้าศึกบุกตะลุยเดี่ยวปะทะกับกองทัพของต้าเว่ยเป็นที่น่าหวาดหวั่นยิ่งนัก บรรดาทหารมากมายต่างยืนมองอย่างตื่นตะลึง เมื่อเห็นบุรุษปริศนาในชุดเกราะสีดำทะมึนที่เคยเห็นในภาพวาดของเหล่าเทพเจ้าในชุดเกราะดังกล่าว กำลังกวัดแกว่งหอกยาวไปมา ประหนึ่งเทพศาสตราจากดินแดนสวรรค์ลงมาสถิตในโลกมนุษย์ฉันใดก็ฉันนั้น “บุก!!!” เสียงเหล่าแม่ทัพนายกองต่างควบม้าศึกบุกตะลุยติดตามเทพเจ้าศาสตราซึ่งออกทำศึกสงครามแทนพระสหาย จนทั่วบริเวณชายแดนของแคว้นเจียงเต็มไปด้วยซากศพของทหารทั้งสองฝ่ายนอนเกลื่อนกลาดไปทั่วผืนปฐพี ท่ามกลางความวุ่นวายของศึกสงครามระหว่างสองแคว้น ปรากฏให้เห็นผ่านม่านอาคมตรงหน้าพระพักตร์ให้เทพเจ้าจันทราได้ทรงทอดพระเนตรอยู่ในขณะนี้ พระเนตรสีฟ้าครามได้ทอดพระเนตรเหตุการณ์ทุกอย่างตั้งแต่ต้นจนจบ “สตรีมนุษย์ผู้นั้นเหตุใดจึงมีพลังเทพเซียนระดับซางเสิ่นนั้นได้ ถึงแม้จะมีพลังเวทเพียงขั้นที่สามก็ตามที แม้จะเป็นเพียงขั้นพื้นฐานมีอิทธิฤทธิ์เพียงน้อยนิดบนสรวงสวรรค์ แต่อำนาจกลับมากมายยิ่งนักหากนำไปใช้ในโลกมนุษย์ หยกจันทราที่สถิตอยู่ในกายของนางสะท้อนพลังออกมาได้อย่างไรกัน เป็นไปไม่ได้และไม่ควรจะเป็นอย่างยิ่ง มีสิ่งที่สวรรค์ลิขิตเอาไว้แต่ข้ามิอาจล่วงรู้ได้กระนั้นหรอกรึ!” เทพเจ้าจันทรารับสั่งครุ่นคิดอย่างยิ่งยวด เทพเจ้าหนุ่มทรงล่วงรู้ลิขิตของสวรรค์ทุกอย่าง แม้กระทั่งทรงล่วงรู้ว่าหยกจันทราของวิเศษจากเทพบิดรสถิตอยู่ในพระวรกายของเจียงอิ้งเยว่ องค์หญิงจากแคว้นเจียงที่ล่มสลายไปแล้ว ทว่าแม้จะเป็นที่สถิตพำนักของหยกจันทรา เป็นไปไม่ได้ที่หยกจันทราจะแสดงอำนาจนั้นออกมาได้ มหาเทพรูปงามทรงยืนใช้ความคิดทบทวนเหตุการณ์ที่ผ่านมา เพียงครู่พระเนตรสีฟ้าครามพลันเบิกกว้างขึ้นมาทันที “หรือว่า... หยกจันทราจะจดจำเหวินฉางได้ว่าเป็นผู้เปิดผนึก หากเป็นเช่นนั้นจริง... มิได้การแล้ว!” รับสั่งสุรเสียงเคร่งเครียดพลางใช้ความคิดอย่างหนัก แต่แล้วจู่ๆ พระสุรเสียงของเทพศาสตราดังกึกก้องเอ็ดอึงทางญาณทิพย์ขึ้นมาโดยพลัน “ท่านผู้เฒ่า! รีบช่วยเหวินฉางเร็วเข้า! ตอนนี้ถูกลูกศรอาบยาพิษจนกระจายไปทั่วร่างแล้ว!เร็วๆ... หรือว่าถึงเวลาของเหวินฉางจะต้องกลับคืนสวรรค์แล้วใช่หรือไม่ หากเป็นเช่นนั้นก็ไม่ต้องช่วยปล่อยให้ตายไป” สุรเสียงของเทพศาสตราเร่งเร้าพระสหายต่างวัยอย่างร้อนรน “ข้าล่วงรู้แล้วเฟิ่งเหมี่ยน เจ้าอย่าเป็นกังวล และอย่าคิดเองเออเองเช่นนี้ เหวินฉางยังไม่ถึงเวลากลับคืนสวรรค์ เพราะยังไม่บรรลุทุกข์ทั้งหกของโลกมนุษย์” “เป็นเช่นนั้นหรอกรึ! แล้วชักช้าอยู่ใยรีบถอนพิษเร็วเข้าก่อนจะสายเกินไป... เร็วๆ ซี่ เยว่เทียน!!!” สุรเสียงของเทพเฟิ่งเหมี่ยนเร่งเร้าทางญาณทิพย์จนพระพักตร์หล่อเหลาส่ายไปมาติดๆ กัน “เรื่องรักเพื่อนพ้องข้าต้องยกให้เจ้าจริงๆ เฟิ่งเหมี่ยน แต่เพราะว่าเจ้าเป็นเช่นนี้ ข้าจึงคบหาเป็นสหายมาอย่างยาวนาน” เทพเจ้าหนุ่มใหญ่รับสั่งตอบกลับไป พระวรกายสูงใหญ่พระดำเนินตรงไปที่ม่านอาคมเสด็จลงไปเบื้องล่างในโลกมนุษย์เป็นครั้งแรกของพระองค์นับหลายแสนปีที่ผ่านมา จุดประสงค์ในการเสด็จไปครั้งนี้นอกจากจะช่วยพระสหายสนิทแล้วไซร้ก็เพื่อหยกจันทรานั่นเอง ทว่าในขณะที่เทพเจ้าจันทราเสด็จลงไปโลกมนุษย์เป็นครั้งแรกนับหลายแสนปี ณ บริเวณทะเลประจิมซึ่งเป็นเขตการปกครองของจ้าวสมุทรประจิม องค์ชายชินซางพระโอรสองค์โตของจอมมารคางค่ายซึ่งกำลังบำเพ็ญตบะอยู่ในตำหนักใต้มหาสมุทรในขณะนี้ญาณทิพย์ของพระองค์สัมผัสอำนาจของหยกจันทราเข้าให้พอดี พระเนตรที่ปิดสนิทมานานกว่าห้าหมื่นปีเพื่อบำเพ็ญตบะขั้นที่แปดค่อยๆ เปิดขึ้นมาอย่างช้าๆ พระพักตร์คมคายแสยะยิ้มเหยียดออกมาโดยพลัน “ในที่สุดข้าก็ล่วงรู้แล้วว่าหยกจันทรา หาได้สถิตบนสวรรค์เก้าชั้นฟ้าดั่งเก่าก่อน แต่กลับไปปรากฏในโลกมนุษย์ โชคช่างเข้าข้างเผ่ามารของข้าเสียนี่กระไร ถึงเวลาแล้วที่เหล่ามารและอสูรจะหวนคืนกลับมาอีกครั้ง ตบะขั้นที่แปดของข้าที่เพิ่งสำเร็จในวันนี้จะฟื้นฟูเหล่ามารและเสด็จพ่อให้กลับมาอีกครั้ง กลับมาเพื่อทำลายพวกเผ่าสวรรค์ให้พังพินาศ สิ้นเชื้อเผ่าพันธุ์ดั่งที่พวกมันเคยกระทำ!!!” สิ้นพระสุรเสียงที่เต็มไปด้วยแรงแค้นมากล้นพันทวี องค์ชายเผ่ามารค่อยๆ เลือนหายไปจากพระตำหนักใต้สมุทร จุดหมายปลายทางที่เสด็จไปนั่นก็คือโลกมนุษย์ เพื่อติดตามกลิ่นอายของหยกจันทราที่กำลังแผ่อำนาจออกไปจนทั่วบริเวณ ทันทีที่สัมผัสกับผู้ที่เปิดผนึก ทำให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เหนือความคาดหมาย เหนือลิขิตของสวรรค์และเหนือโชคชะตาที่เคยกำหนดเอาไว้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม