ตอนที่ 1 บทนำ
เทือกเขาจันทรา
เทือกเขาสูงเสียดฟ้าตั้งอยู่ในดินแดนแห่งเทพเจ้า ซือไฮ่ปาฮวง เขาจันทราตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ซึ่งมีศิลาสวรรค์ตั้งอยู่บนยอดเขา ภายในศิลาสวรรค์ใช้เป็นสถานที่เก็บแท่งหยกจันทรา สิ่งวิเศษล้ำค่าของสวรรค์ซึ่งเทพบิดรมอบให้สำหรับสร้างสรรพสิ่งในสามโลก
ในขณะเดียวกันเป็นสิ่งวิเศษสำหรับทำลายล้างและกำจัดสิ่งที่เป็นภัยที่จะคุกคามทุกชีวิตในสามโลกเช่นเดียวกัน เทือกเขาจันทราจึงเป็นเขตแดนศักดิ์สิทธิ์และเป็นเขตแดนต้องห้าม มีเพียงองค์เทียนจวินเท่านั้นที่จะเข้าเขตแดนศักดิ์สิทธิ์นี้ นอกเหนือจากเทพจันทราซึ่งเป็นเทพบรรพกาล รวมไปถึงบรรดาศิษย์เอกของเทพเจ้าจันทราที่อาศัยอยู่ในเทือกเขาดังกล่าว
เขตแดนของเทพเจ้าจันทรา มีหน้าที่ควบคุมกาลเวลาของอดีต ปัจจุบันและอนาคต ตลอดจนถึงบุพเพสันนิวาสของเหล่าเทพเซียนทุกระดับจนไปถึงระดับสูงสุด สำหรับมนุษย์และปีศาจหมู่มารนั้นคู่บุพเพจะปรากฏขึ้นที่หินบรรพกาล กำหนดคู่วาสนาที่จะได้ครองคู่กันไปทุกชาติภพให้แก่กันและกัน เมื่อรายชื่อปรากฏขึ้นในหินบรรพกาลคราใด เทพจันทราจะทรงผูกด้ายแดงเพื่อให้ทั้งสองฝ่ายได้มีวาสนาต่อกัน
ในขณะที่ศิลาสวรรค์จะปรากฏคู่บุพเพของเหล่าเทพเซียนขึ้นอยู่บนศิลาที่มีวาสนาต่อกัน ดังนั้นทุกๆ หนึ่งแสนปี รายชื่อของเหล่าเทพเซียนที่มาจุติใหม่บนสรวงสวรรค์จะถูกกำหนดคู่บุพเพขึ้นมาโดยพลัน เมื่อนามปรากฏเทพจันทราจะเชื่อมต่อวาสนาให้พานพบด้วยหยกจันทราร้อยด้วยด้ายแดงแห่งรักผูกกับเนื้อคู่ที่มีวาสนาต่อกันให้แก่เหล่าเทพเซียน ณ.สรวงสวรรค์เก้าชั้นฟ้า
และด้วยความบังเอิญหรือลิขิตแห่งสวรรค์ก็มิอาจล่วงรู้ได้ ครั้นหินบรรพกาลและศิลาสวรรค์เกิดปรากฏรายชื่อคู่บุพเพขึ้นมาพร้อมกันในวันเดียวกันเมื่อกาลเวลามาบรรจบครบหนึ่งแสนปี เป็นที่ฉงนสนเท่ห์ต่อเทพจันทราอย่างยิ่งยวดอยู่ในขณะนี้
พระเนตรสีฟ้าครามรับกับเกศาสีเงินยวง ขับโฉมพระพักตร์อันหล่อเหลาดั่งรูปสลักงดงามอย่างยิ่งยวด เทพเจ้าจันทราทรงอวตารถือกำเนิดมาจากดวงจันทร์ จึงทำให้พระองค์ทรงมีพระสิริโฉมสลักงดงามไม่มีที่ติ
นอกจากจะมีลักษณะโดดเด่นตรงที่มีพระเกศาสีเงินยวงและพระเนตรสีฟ้าครามแล้ว ยังมีปานรูปร่างวงรีสีแดงเพลิงประทับอยู่ตรงกลางพระนลาฏ(หน้าผาก) อันเป็นสัญลักษณ์ของผู้ที่ถือกำเนิดมาจากดวงจันทราเอาไว้อีกด้วย
แม้ว่าพระองค์จะมีอายุมากถึง 300,000 ปีแล้วก็ตาม และทรงมีพลังบำเพ็ญขั้นที่ 9 จึงทำให้คงไว้ด้วยรูปโฉมสลักงดงามอย่างยิ่งยวด เป็นหนึ่งในเทพบรรพกาลที่ยังคงหลงเหลืออยู่มิได้ดับขันธ์ดั่งเช่นเทพองค์อื่นๆ และยังทรงเป็นอดีตเทียนจวินพระองค์แรกที่เคยขึ้นปกครองซือไฮ่ปาฮวง ตลอดจนถึง 6 พิภพและ3โลก
นอกจากเทพเจ้าจันทราจะอวตารมาเกิดจากดวงจันทร์แล้ว ยังมีมหาเทพเหวินฉาง ซึ่งเป็นเทียนจวินองค์ปัจจุบันเทพผู้เป็นใหญ่ ซึ่งปกครองทั้งสามโลกและซือไฮ่ปาฮวงอยู่ในขณะนี้ ก็อวตารมาจากดวงจันทร์เช่นกัน
พระองค์ทรงมีปานรูปวงรีสีแดงเพลิงดั่งเช่นเทพเจ้าจันทรา ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของผู้ที่กำเนิดมากจากดวงจันทร์ จะแตกต่างเพียงแค่เหวินฉางเทียนจวิน ทรงมีพระเกศาสีนิลดั่งเช่นนิลกาฬ และมีพระเนตรสีทองอร่ามหวานซึ้งดั่งน้ำผึ้งสวรรค์
ซึ่งทั่วทั้งซือไฮ่ปาฮวงตลอดจนถึง 6 พิภพและ 3โลก มีเหล่าเทพเซียนที่ดับขันธ์แล้วกลับคืนสู่ความว่างเปล่าและหวนคืนกลับมาจุติใหม่หมุนเวียนเปลี่ยนไปตลอดนับหลายแสนปี
จะมีเพียงเทพเจ้าเพียง 3 พระองค์ที่ยังคงยืนหยัดมิได้ดับขันธ์ดั่งเช่นเหล่าเทพองค์อื่นๆ นั่นก็คือเทพเจ้าจันทรา เทพเจ้าสงครามหรือองค์เทียนจวินนั่นเอง ซึ่งทั้งสองพระองค์อวตารมาจากดวงจันทร์และเทพเจ้าศาสตรา ซึ่งอวตารมาจากดอกบัวทิพย์ของพระพุทธองค์
ทั้ง 3พระองค์คือเทพบรรพกาลเป็นมหาเทพที่เหล่าเทพเซียนทั่วทุกพิภพ ต่างให้ความเคารพ ยำเกรงอย่างยิ่งยวด ทรงมีพลังเวทย์สูงส่งและสำเร็จญาณตบะขั้นที่ 9 ยกเว้นเทพศาสตราที่สำเร็จญาณตบะขั้นที่ 8
ทว่าในยามนี้พระเนตรสีฟ้าครามของเทพเจ้าจันทราทรงทอดพระเนตรไปยังศิลาสวรรค์ด้วยความแปลกพระทัยมิรู้วาย
“หรือนี่คือลิขิตแห่งสวรรค์ของเทพบิดร จึงทำให้ศิลาสวรรค์และหินบรรพกาลกำหนดเนื้อคู่ออกมาอย่างพร้อมเพรียงกันในวันนี้ รายชื่อมากมายเช่นนี้เห็นทีข้าคงจะจัดการให้แล้วเสร็จภายในจันทราเดียวมิได้เป็นแน่ อีกเพียงหนึ่งก้านธูปก็จะต้องไปเข้าเฝ้าพระพุทธองค์ ที่สวรรค์แดนประจิมเสียด้วย”
เทพจันทรารับสั่งบ่นพึมพำ โดยมิทันสังเกตเห็นรายพระนามเทพชั้นสูงสุดของสวรรค์จู่ๆ ก็กำลังปรากฏขึ้นในศิลาสวรรค์อย่างเลือนราง ทั้งๆ ที่รายนามเทพเซียนองค์อื่นๆ ปรากฏขึ้นให้เห็นขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียงกันก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งเป็นครั้งแรกนับหลายแสนปีที่ผ่านมานับตั้งแต่สร้างสามโลก
“ต้าหลง!!!”เทพจันทรารับสั่งหาศิษย์เอกทางญาณทิพย์
เพียงครู่เทพหนุ่มหน้ามนนามว่าต้าหลง ปรากฏกายขึ้นมาโดยพลันภายในถ้ำศักดิสิทธิ์อันเป็นสถานที่เก็บรักษาศิลาสวรรค์และหินบรรพกาล
“มหาเทพรับสั่งหากระหม่อมมีพระประสงค์สิ่งใดพ่ะย่ะค่ะ”
ทันทีที่เซียนหนุ่มหน้ามนปรากฏกาย พระพักตร์ที่เต็มไปด้วยความเมตตาคลี่ยิ้มออกมาบางๆ ก่อนจะร่ายเวทย์ขึ้นมาทันใด
พร้อมด้ายแดงวาสนาและแผ่นหยกจันทรา ซึ่งเป็นสะเก็ดจากแท่งหยกจันทราขนาดใหญ่ที่อยู่ในศิลาสวรรค์นำมาผูกบุพเพวาสนาพร้อมกับด้ายแดงสำหรับเหล่าเทพเซียนบนสวรรค์ พลันปรากฏขึ้นอยู่บนโขดหินที่อยู่ใกล้ๆ ขนาดกองมหึมาเลยทีเดียว
“ข้ามอบหมายงานนี้ให้เจ้าช่วยจัดการ”รับสั่งพร้อมปลายสายพระเนตรไปทางด้ายแดงวาสนาและแผ่นหยกจันทรา
เซียนหนุ่มหน้ามนมองตามสายพระเนตรของเทพเจ้าจันทรา ครั้นเห็นจำนวนด้ายแดงวาสนาและแผ่นหยกจันทรามีปริมาณมากมายถึงเพียงนั้นเล่นเอาเจ้าตัวอดที่จะแปลกใจไม่ได้
“เหตุใดครานี้คู่วาสนาจึงมากมายล้นเหลือยิ่งนักพ่ะย่ะค่ะ ปกติมิเคยเป็นเฉกเช่นนี้มาก่อนเลย”ต้าหลงอดไม่ได้ที่จะถามไถ่เมื่อปริมาณด้ายแดงวาสนาและแผ่นหยกจันทรา ผิดแปลกไปกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา
“เป็นลิขิตแห่งสวรรค์ กาลเวลาเวียนมาบรรจบครบหนึ่งแสนปีในวันนี้หินบรรพกาลจู่ๆ ก็ปรากฏรายชื่อคู่บุพเพของเหล่ามนุษย์และปีศาจพร้อมกับศิลาสวรรค์ที่กำหนดคู่บุพเพของเหล่าเทพเซียน งานจึงมีมากอย่างที่เจ้าเห็นนี่แหละ แต่ข้าไม่สามารถอยู่จัดการในเวลานี้ได้”เทพจันทราอธิบายกลับไป
“ถ้าเช่นนั้นมหาเทพจะให้กระหม่อมร่ายเวทย์จัดการกับคู่วาสนาทั้งหมดนี้เลยอย่างนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ”เซียนหนุ่มหน้ามนซึ่งเป็นศิษย์เอกถามกลับไปเพื่อให้แน่ใจ
“เป็นเช่นนั้น เพราะข้าต้องไปเข้าเฝ้าพระพุทธองค์เกี่ยวกับสงครามระหว่างเผ่าปีศาจกับเผ่าสวรรค์ที่รบกันยืดเยื้อมายาวนานนับแสนปี เจ้าเป็นศิษย์คนโตจงสานต่อหน้าที่นี้ดั่งที่ข้าเคยสอนสั่ง จัดการผูกวาสนาให้กับเหล่ามนุษย์และปีศาจ ส่วนคู่บุพเพของเหล่าเทพเซียน หากแม้นผูกวาสนายังไม่แล้วเสร็จก็ไม่เป็นไร ข้าจะกลับมาจัดการเอง”
“พ่ะย่ะค่ะมหาเทพ กระหม่อมน้อมรับพระบัญชาจะจัดการตามที่สั่งให้เรียบร้อย”เซียนหนุ่มในระดับซางเซียนรับปากมหาเทพของตนอย่างแข็งขัน
เทพจันทราส่งยิ้มละไมก่อนจะร่ายเวทย์เร้นพระวรกายเลือนหายลับทันที
เทพหนุ่มหน้ามนยืนมองด้ายแดงวาสนาและแผ่นหยกจันทราตรงหน้าก่อนจะส่ายศีรษะไปมาติดๆ กัน
“มากมายเช่นนี้จะจัดการให้แล้วเสร็จภายในจันทราเดียวได้หรือนี่”กล่าวพร้อมทรุดกายลงนั่งบนโขดหินกว้างที่มีพื้นที่มากพอจะสะสางงานตรงหน้านั้นได้
มือหนายกขึ้นประสานเข้าหากันก่อนจะเดินลมปราณเทพระดับที่ 9 ร่ายเวทย์เรียกคันฉ่องบุพเพให้ปรากฏตรงหน้าขึ้นมาทันที
“พรึ่บ!”คันฉ่องบุพเพปรากฏขึ้นโดยพลัน
เทพหนุ่มเริ่มร่ายเวทย์เรียกคู่วาสนาตามรายชื่อที่ปรากฏขึ้นในหินบรรพกาลทีละคู่ ก่อนจะร้อยด้ายแดงวาสนาให้กับทั้งสองฝ่ายพร้อมผายมือให้รายชื่อที่ผูกด้ายแดงวาสนาลงไปในคันฉ่องบุพเพ ภาพคู่วาสนาปรากฏขึ้นในคันฉ่องทันใดด้ายแดงวาสนาเริ่มแสดงอิทธิฤทธิ์ไม่ว่าจะอยู่ห่างไกลเพียงใดด้ายแดงวาสนาพลันลอยละลิ่วผ่านคันฉ่องบุพเพไปผูกติดปลายนิ้วก้อยของแต่ละฝ่ายเป็นแม่นมั่น
เวลาผ่านไปอย่างเนิ่นนาน ด้ายแดงวาสนาเริ่มลดน้อยลงเมื่อเทพหนุ่มสามารถผูกคู่บุพเพของเหล่ามนุษย์และปีศาจได้จนหมดสิ้น เทพหนุ่มหยุดเดินลมปราณระดับเทพเซียนขั้นที่ 9 ทันที
เพราะจะต้องเดินลมปราณระดับเทพปฐพีขั้นที่ 9 เพื่อผูกวาสนาให้กับเหล่าเทพเซียนก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าตนฝึกเดินลมปราณพลังเทพปฐพีถึงเพียงขั้นที่ 8 เท่านั้น
“นี่ข้าหลงลืมไปเสียสนิทว่าฝึกพลังลมปราณเทพปฐพีถึงแค่ระดับขั้นที่ 8 เท่านั้น จะผูกวาสนาให้แก่เหล่าเทพเซียนจะต้องได้ขั้นที่ 9 ของระดับเทพปฐพี จึงจะสามารถทำได้ แต่...”เทพหนุ่มชั่งใจอยู่ชั่วขณะก่อนจะตัดสินใจอย่างรวดเร็ว
“ไม่เห็นจะเป็นไรเลยข้าก็ดินพลังลมปราณเทพปฐพีขั้นที่ 8 กับพลังลมปราณเทพสวรรค์ขั้นที่ 8 เข้าด้วยกันเสียก็สิ้นเรื่องไม่เห็นจะยากตรงไหน คิดชักช้าอยู่ได้”เทพหนุ่มบ่นงึมงำให้กับตัวเอง
มือหนาประสานเข้าหากันอีกคราก่อนจะเดินพลังลมปราณเทพปฐพีกับลมปราณเทพสวรรค์ในระดับขั้นที่ 8 ประสานพลังเข้าหากันเพื่อผูกวาสนาให้แก่เทพเซียน นิ้วชี้เรียกรายชื่อจากศิลาสวรรค์ลอยละลิ่วให้มาหยุดอยู่ตรงหน้า
จังหวะเดียวกันที่พระนามของเทพในยุคบรรพกาลพลันปรากฏขึ้นมาจนเห็นได้อย่างชัดเจนพร้อมคู่บุพเพ จึงหลุดลอยออกจากศิลาสวรรค์เป็นคู่แรกมาลอยอยู่ตรงหน้าเซียนหนุ่มทันใด ครั้นเห็นรายชื่อของคู่บุพเพที่กำลังปรากฏให้เห็นอยู่ในขณะนี้เทพหนุ่มต้าหลงเอ่ยออกมาโดยพลัน
“ศิลาสวรรค์กำหนดคู่บุพเพให้กับเทียนจวินแล้วหรือนี่ แต่เหตุไฉน เนื้อคู่ของพระองค์จึงกลับกลายเป็นสตรีมนุษย์ไปได้เล่าแทนที่จะเป็นเทพสตรีชั้นสูงบนสวรรค์เก้าชั้นฟ้าด้วยกัน”เทพหนุ่มขมวดคิ้วเข้มเข้าหากันด้วยความแปลกใจมิรู้วาย
“เหวินฉาง เจียงอิ้งเยว่”เทพหนุ่มพึมพำชื่อคู่บุพเพของจอมเทพผู้ยิ่งใหญ่จากศิลาสวรรค์ด้วยความสงสัยระคนแปลกใจมิรู้วาย เหตุใดหนอเหวินฉางเทียนจวิน ซึ่งเป็นเทพบรรพกาลจึงมีคู่บุพเพเป็นสตรีมนุษย์ไปได้เล่าในรอบหลายแสนปีที่ผ่านมา มิเคยปรากฏเทพชั้นสูงมีคู่บุพเพสันนิวาสกับสตรีมนุษย์เกิดขึ้นแม้แต่น้อย
“หรือนี่เป็นลิขิตของสวรรค์ให้กับสตรีมนุษย์ผู้นั้น หากเป็นเช่นนั้นจริงเจียงอิ้งเยว่ผู้นี้คงจะละสังขารจากเมืองมนุษย์แล้วจึงมาจุติใหม่บนสวรรค์เก้าชั้นฟ้าเป็นแน่...ใช่!... มันน่าจะต้องเป็นเช่นนั้น แต่ถ้านางมาจุติบนสวรรค์ก็จะเป็นแค่เซียนน้อยธรรมดาหากมิใช่เทพสตรีระดับซางเสิ่นหรืออย่างน้อยก็ต้องระดับซางเซียนขึ้นไปไฉนเลยจะคู่ควร เหตุใดลิขิตสวรรค์จึงแปลกชอบกลนัก”
เทพหนุ่มคิดเองเออเองก่อนจะรีบร่ายเวทย์ผสานลมปราณทั้งสองระดับเข้าหากันอย่างรวดเร็ว
แผ่นหยกจันทราลอยละลิ่วมาลอยอยู่ตรงหน้า ปลายนิ้วส่งพลังสลักพระนามจอมเทพแห่งสรวงสวรรค์กับสตรีมนุษย์ลงบนแผ่นหยกอย่างรวดเร็ว ก่อนจะผูกด้ายแดงวาสนาเข้ากับแผ่นหยกเอาไว้ด้วยกัน
ทันใดนั้นเองพลังลมปราณเทพปฐพีกับเทพสวรรค์เกิดต่อต้านกันขึ้นมาทันใด ทำให้พลังย้อนกลับเข้าหาเทพหนุ่มหน้ามนอย่างรวดเร็วโดยมิทันได้ตั้งตัว
“พรืดดดด!!!”เลือดกองใหญ่กระอักออกจากปากพร้อมกับบางสิ่งเกิดขึ้นทันที
“เปรี้ยะ!”เสียงแตกหักดังลั่นขึ้นมาทันที
หยกจันทราซึ่งผูกด้ายแดงวาสนาเอาไว้เรียบร้อย กลับแตกหักแบ่งครึ่งออกจากกันดั่งพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวเป็นเหตุให้ด้ายแดงวาสนาที่ผูกติดไว้กับหยกขาดออกจากกันโดยพลัน ก่อนจะลอยละลิ่วหายเข้าไปในคันฉ่องบุพเพอย่างรวดเร็วและค่อยๆ เลือนหายไปต่อหน้าเทพหนุ่มหน้ามณ พร้อมกับพระนามขององค์เทียนจวินและคู่บุพเพเลือนหายไปโดยพลันจากศิลาสวรรค์ วาสนาสูญสิ้นไปในบัดดล
“แย่แล้วข้าทำให้คู่บุพเพขององค์เทียนจวินสูญสิ้นวาสนาต่อกันเสียแล้ว...จะทำเช่นไรดีเล่า!หากมหาเทพทรงล่วงรู้ต้องเกิดเรื่องแน่ๆ เหตุใดต้องปรากฏเหตุการณ์เช่นนี้ด้วยนะ ข้าช่างไม่เอาไหนเสียเลยจริงๆ จะทำเช่นไรดีหนองานนี้”เทพหนุ่มนั่งมองคันฉ่องบุพเพด้วยความกลัดกลุ้มใจอย่างยิ่งยวด มิรู้จะแก้ไขเช่นไรดี
วาสนาที่สวรรค์ลิขิตผูกไว้ปลายนิ้วก้อยข้างหนึ่งของมนุษย์จะมี "ด้ายแดง" ที่มองไม่เห็นผูกเชื่อมโยงกับปลายนิ้วก้อยของคู่วาสนาที่แท้จริงของผู้นั้นเอาไว้ ใครคนนั้น... แม้จะอยู่ห่างกันแสนไกลมากมายเพียงใดสักวันหนึ่งด้ายแดงจักนำพาทั้งสองมาพบกัน เพื่อรักกันไปชั่วชีวิต
ทว่าวาสนาที่สวรรค์ลิขิตรักนี้ หากเกิดขึ้นกับเทพเซียนบนสรวงสวรรค์แล้วไซร้ เมื่อไร้สิ้นหยกจันทราและด้ายแดงผูกร้อยรัดวาสนาให้มาพานพบเพื่อได้รัก เคียงคู่กันไปชั่วชีวิตและทุกชาติภพ
คู่วาสนาจะสามารถฝืนชะตาที่ลิขิตจากสวรรค์ได้กระนั้นหรอกหรือ แม้แต่โอกาสที่จะมาพานพบกันยังมิบังเกิด ภพชาตินี้ไร้สิ้นวาสนากันแล้วหรือไร วาสนาอันน้อยนิดก็มิได้ก่อเกิด ลิขิตสวรรค์นี้ช่างเลือดเย็นเสียนี่กระไร