ตอนที่ 12 พานพบประสบพักตร์ 2

4145 คำ
แคว้นหลงอัน  “พรึ่บ!” วรองค์อรชรปรากฏพระวรกายอยู่ด้านหน้าพระตำหนักทรงงานของผิงอานฮ่องเต้ เจียงอิ้งเยว่ใช้เวลาเพียงครึ่งก้านธูปก็มาปรากฏพระวรกายอยู่ตรงหน้าพระตำหนักทรงงาน ที่กำลังอยู่ในระหว่างผลัดเปลี่ยนเวรยามอยู่ในขณะนี้ พระนางพระดำเนินตรงไปยังห้องทรงงานพลางร่ายเวทจากฉลองพระองค์ที่คล้ายนักรบอยู่ตลอดเวลาให้กลายเป็นฉลองพระองค์สีแดงเพลิงสลับสีดำเช่นเชื้อพระวงศ์ชั้นสูงทั่วไปสวมใส่กัน พระเนตรสีน้ำตาลอ่อนทอดพระเนตรทหารหลวงผลัดใหม่กำลังยืนเข้าประจำจุดของตน พระนางค่อยๆ เสด็จพระดำเนินมาอย่างช้าๆ ก่อนจะมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าประตูห้องทรงงานดังกล่าวต่อหน้าทหารหลวงทั้งสองนาย ที่ต่างคนกำลังยืนตกตะลึงเมื่อได้เห็นหญิงสาวที่มีความงดงามอย่างลึกล้ำเป็นยิ่งนัก ก่อนจะพากันรู้สึกตัวรีบแสดงท่าทีกลบเกลื่อนออกไป เสียงของทหารหลวงตรงหน้าประตูเอ่ยถามขึ้นทันที “ผู้ใดกัน! เหตุใดจึงมาปรากฏกายในเขตพระราชฐานชั้นในเช่นนี้ได้!!!” ทหารทั้งสองนายกล่าวพร้อมกระชับหอกแหลมที่อยู่ในมือของตนขึ้นมาทันทีอย่างระแวดระวัง พระหัตถ์เรียวสวยค่อยๆ ยื่นสาสน์ที่ถืออยู่ออกไปตรงหน้าโดยพลัน “นำสิ่งนี้ไปกราบทูลองค์ฮ่องเต้ว่าข้า เจียงอิ้งเยว่ มาเข้าเฝ้าตามพระบัญชา” สุรเสียงหวานรับสั่งตอบกลับไป ทหารหลวงทั้งสองนายต่างยืนนิ่งไปโดยพลันเมื่อได้ยินสุรเสียงหวานของพระนาง เป็นเหตุให้พระพักตร์สวยส่ายไปมาทันทีเมื่อทรงนึกได้ว่าพระนางเผลอร่ายเวทตรึงจิต เพราะทันทีที่ทรงมีรับสั่งจะทำให้ผู้ที่ได้ยินพระสุรเสียงถูกตรึงเอาไว้กับที่โดยพลัน มิสามารถขยับกายได้แต่อย่างใด ทันทีที่พระนางปลดเวทตรึงจิต ทหารหลวงทั้งสองนายกลับคืนสู่สภาวะปกติโดยพลัน ก่อนจะรีบตอบกลับอย่างมิชักช้าให้พระนางต้องได้ถามไถ่ขึ้นมาอีกครา “กราบทูลองค์หญิง ฝ่าบาททรงมีรับสั่งเอาไว้แล้วพ่ะย่ะค่ะ ว่าหากพระนางเสด็จมาถึงคราใดให้เสด็จเข้าไปเฝ้าได้เลยทันที ทูลเชิญได้เลยพ่ะย่ะค่ะ” “อย่างนั้นหรอกรึ!” รับสั่งพึมพำออกมาเบาๆ ทหารหลวงคนดังกล่าวกราบทูลพร้อมเปิดประตูห้องทรงพระอักษร ก่อนจะก้าวเดินนำหน้าพร้อมหันหลังกลับมาผายมือทูลเชิญเข้าไปภายในห้องทรงงานทันใด ก่อนจะเดินล่วงหน้าเพื่อไปกราบทูลผิงอานฮ่องเต้ เพียงครู่ทหารหลวงก็นำทางองค์หญิงเจียงอิ้งเยว่มาปรากฏอยู่ตรงประตูทางเข้าห้องทรงงาน ก่อนจะเดินนำหน้าเข้าไปกราบทูลอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ผิงอานฮ่องเต้ทรงนั่งอ่านฎีกาโดยมีองค์รัชทายาทเวยอันประทับอยู่ด้วย เพื่อช่วยงานของพระราชบิดา แต่หารู้ไม่ว่าที่ทรงคอยอยู่ใกล้ๆ นั้นเป็นเพราะล่วงรู้ว่าเจียงอิ้งเยว่จะต้องเดินทางมาเข้าเฝ้าพระราชบิดาอย่างแน่นอนทันทีที่ได้รับพระราชสาสน์ดังกล่าว “กราบทูลฝ่าบาทและองค์รัชทายาท องค์หญิงเจียงอิ้งเยว่บัดนี้เสด็จมาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ทันทีที่ทหารหลวงกราบทูลออกมาเช่นนั้น ทั้งผิงอานฮ่องเต้และองค์รัชทายาทต่างเงยพระพักตร์ขึ้นมาจากกองฎีกาเหล่านั้นทันใดด้วยความแปลกพระทัยอย่างยิ่งยวด ไม่คาดคิดว่าองค์หญิงผู้นั้นจะเดินทางมาถึงแคว้นหลงอันภายในระยะเวลาอันรวดเร็วเช่นนี้ ทั้งๆ ที่เพิ่งส่งอินทรีสื่อสารออกไปเพียงแค่สามวันเท่านั้น “เดินทางมาถึงวังหลวงได้รวดเร็วถึงเพียงนี้เชียวรึ จากเทือกเขาหัวซานมายังวังหลวงระยะทางมิใช่ใกล้ๆ ต้องใช้เวลาเดินทางอย่างน้อยไม่ต่ำกว่าสิบถึงสิบห้าวันเป็นอย่างช้า นี่กระไรเพียงแค่สามวันเท่านั้นนางก็เดินทางมาถึงวังหลวงแล้ว ประหนึ่งเหาะเหินเดินอากาศมาฉันใดก็ฉันนั้น” ผิงอานฮ่องเต้รับสั่งอย่างคลางแคลงในพระทัยเป็นยิ่งนัก ก่อนจะได้ยินสุรเสียงหวานดังแทรกขึ้น “หม่อมฉันหาได้เหาะเหินเดินอากาศดั่งที่ทรงคิดหรอกเพคะ แต่เป็นเพราะอยู่นอกประตูวังหลวงกำลังจะเข้ามาเฝ้าเสด็จอาก็เลยได้รับข่าวจากอินทรีสื่อสารได้อย่างรวดเร็ว เป็นความบังเอิญเสียมากกว่า” สุรเสียงหวานรับสั่งพร้อมพระดำเนินมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าพระพักตร์ผิงอานฮ่องเต้ “อิ้งเยว่ถวายบังคมฝ่าบาทและองค์รัชทายาทเพคะ” รับสั่งพร้อมประสานพระหัตถ์เข้าหากันพร้อมก้มพระเศียรถวายคำนับเจ้าผู้ครองแคว้นหลงอัน พระพักตร์งดงามลึกล้ำปรากฏต่อสายพระเนตรฮ่องเต้ชราและองค์รัชทายาทหนุ่มแน่น โดยเฉพาะองค์ชายเวยอันทอดพระเนตรนิ่งงันไปโดยพลันเมื่อทรงได้ทอดพระเนตรญาติผู้น้องของพระองค์ที่เจริญชันษาเข้าสู่ปีที่สิบเจ็ด สิริโฉมงดงามลึกล้ำอย่างประหลาดตราตรึงจิต ทำให้มิอาจละสายพระเนตรไปได้เลย ไม่คาดคิดว่าเพียงแค่ห้าปีที่มิได้พานพบประสบพักตร์ ญาติผู้น้องของพระองค์จะเปลี่ยนไปมากถึงเพียงนี้ ในขณะที่ฮ่องเต้ชราทรงสังเกตพระอาการของโอรสที่แสดงออกมาเช่นนั้น พระองค์เองสุดแสนจะเสียดายที่ตัดสินพระทัยให้องค์หญิงเข่อซิงจากแคว้นเหย้าที่อยู่ภายใต้การปกครองของแคว้นหลงอันเดินทางไปแคว้นจ้าวเพื่อถวายตัวเป็นพระสนมของฮ่องเต้จ้าวจางเหว่ย ที่ทรงสาสน์ขอเชื่อมสัมพันธ์ไมตรีด้วยการแต่งงานระหว่างสองแคว้น ครั้นเมื่อได้ทรงทอดพระเนตรพระสิริโฉมของเจียงอิ้งเยว่ในขณะนี้ ทรงนั่งครุ่นคิดแผนการบางอย่างอยู่ภายในพระทัยขึ้นมาทันที เพราะทรงเล็งเห็นว่าโอกาสที่องค์หญิงเข่อซิงจะก้าวขึ้นเป็นฮองเฮาแคว้นจ้าว ถ้าเทียบกับอิ้งเยว่แล้วไซร้องค์หญิงจากแคว้นล่มสลายจะมีภาษีเหนือกว่าหลายเท่าทวีคูณเป็นยิ่งนัก “ตามสบายเถิด ไม่ต้องมากพิธีเยว่เอ๋อร์ เพิ่งเดินทางมาถึงนั่งพักผ่อนก่อนเถอะ” ฮ่องเต้ชรารับสั่งสุรเสียงอ่อนโยน “ขอบพระทัยเพคะ” องค์หญิงน้อยรับสั่งพร้อมพระดำเนินตรงไปตั่งที่ประทับ ก่อนจะทรุดพระวรกายลงนั่งพร้อมทอดพระเนตรองค์รัชทายาทรูปงาม ที่ประทับนิ่งงันนับตั้งแต่พระนางเสด็จมาอยู่ต่อหน้าพระพักตร์ “องค์รัชทายาททรงสบายดีหรือไม่เพคะ” องค์หญิงน้อยรับสั่งถามกลับไป หากแต่สิ่งที่ได้รับกลับมามีแต่ความเงียบงันมิมีสุรเสียงตอบกลับมาแม้แต่น้อย “อันเอ๋อร์!” องค์ฮ่องเต้รับสั่งเรียกพระโอรสหากแต่ยังคงไร้สิ้นสุรเสียงตอบรับ เป็นเหตุให้พระองค์ส่ายพระเศียรไปมาทันทีเมื่อทอดพระเนตรอาการพระโอรสทรงเป็นเช่นนั้น “อันเอ๋อร์!!!” รับสั่งสุรเสียงดังก้อง “เฮือก!!!” องค์รัชทายาทสะดุ้งจนสุดวรองค์ พระสติกลับคืนมาทันที “อะ... เออ... ขะ... ข้า” สุรเสียงรับสั่งตะกุกตะกักด้วยความเก้อเขินอย่างยิ่งยวด ยิ่งได้ทอดพระเนตรรอยยิ้มหวานของญาติผู้น้อง ยิ่งทำให้พระทัยสั่นพระสติกระเจิดกระเจิง ออกอาการประหม่าอย่างเห็นได้ชัด ท่ามกลางสายพระเนตรขององค์ฮ่องเต้ที่สังเกตพระโอรสอยู่ตลอดเวลา “เจ้าออกไปเดินเล่นและพักผ่อนก่อนเถอะ ตรวจฎีกาช่วยข้ามาตั้งแต่เช้าแล้ว ดีขึ้นแล้วจึงค่อยเข้ามา... เยว่เอ๋อร์ไม่หายไปไหนหรอกเดินทางมาครานี้ น่าจะอยู่ในวังหลวงหลายวันอยู่กระมัง ใช่หรือไม่เยว่เอ๋อร์” รับสั่งด้วยความหวังดีหากแต่แท้จริงแล้ว ทรงต้องการที่จะมีรับสั่งกับองค์หญิงน้อยแต่เพียงลำพัง “ประมาณสองสามวันเพคะ หลังจากนั้นก็จะกลับขึ้นเขาหัวซานดังเดิม” องค์หญิงน้อยรับสั่งตอบกลับไป ถ้อยรับสั่งขององค์หญิงแสนสวยทำให้รัชทายาทรูปงามทรงดีพระทัยอย่างยิ่งยวดเมื่อทรงได้ยินเช่นนั้น เพราะนั่นก็หมายความว่าพระองค์สามารถมีโอกาสใกล้ชิดญาติผู้น้องสมดั่งพระทัย หากแต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทรงคาดคิดและแสดงออกมานั้นหาได้รอดพ้นจากสายพระเนตรของพระราชบิดาไปได้เลย “อันเอ๋อร์ เจ้าไปพักผ่อนเสียเถอะ ท่าทางของเจ้าในขณะนี้ประหนึ่งกำลังประหม่าอย่างเห็นได้ชัด หรือที่เจ้าเป็นเช่นนี้เพราะเยว่เอ๋อร์กระนั้นสิ” รับสั่งตั้งใจหยอกเย้าพระโอรส ถ้อยรับสั่งของพระราชบิดาทำให้องค์รัชทายาทรูปงาม ยิ่งเกิดพระอาการประหม่าและเขินอายอย่างเห็นได้ชัด จนต้องรีบรับสั่งกลบเกลื่อนออกไปโดยพลัน “มะ... มิได้เป็นเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ... คง... คงต้องพักสักหน่อยแล้ว... ดวงตาเริ่มพร่าเลือนอย่างไรมิรู้แลดูชอบกลนัก ลูกขอไปพักเสียเพียงครู่ก่อนพ่ะย่ะค่ะ” องค์รัชทายาทรับสั่งพร้อมหันกลับไปทอดพระเนตรญาติผู้น้องแสนสวยที่กำลังส่งยิ้มหวานให้กับพระองค์ ทันทีที่ได้ทอดพระเนตรรอยยิ้มหวานที่ส่งมาให้นั้นพระทัยสั่นวาบหวามทวียิ่งขึ้น ก่อนจะลุกจากตั่งที่ประทับรีบเสด็จออกจากห้องทรงพระอักษรอย่างรวดเร็วเพื่อเรียกพระสติให้หวนกลับคืนมาดั่งเดิม ครั้นเมื่ออยู่เพียงลำพังผิงอานฮ่องเต้ มิรอช้าเปิดฉากสนทนาออกไปทันทีเพื่อมิให้เสียเวลาไปมากกว่านี้ “เจ้าคงแปลกใจมากที่ข้าเรียกตัวเข้าวังหลวงในครานี้ หากแม้นมิมีความจำเป็นอย่างยิ่งยวดแล้วไซร้ก็คงจะไม่รบกวนความสงบของเจ้าแต่อย่างใด” “ฝ่าบาททรงรับสั่งหนักเกินไปแล้ว หากแม้นมีพระประสงค์สิ่งใดที่หม่อมฉันจะสามารถแบ่งเบาได้ เจียงอิ้งเยว่ยินดีเป็นอย่างยิ่งเพคะ” ถ้อยรับสั่งขององค์หญิงน้อยทำให้ฮ่องเต้ชราแย้มพระโอษฐ์กว้างเมื่อทรงได้ยินเช่นนั้น “ถ้าเช่นนั้นก็ดี ข้าจะได้สบายใจที่ได้ยินเจ้าเอ่ยออกมาเช่นนี้ เพราะสิ่งที่จะบอกแก่เจ้าต่อจากนี้เกี่ยวกับความเป็นความตายของแคว้นหลงอันเลยทีเดียว หากแม้นเจ้าไม่อยากเห็นแคว้นที่ได้เติบโตมาต้องถึงกาลล่มสลายดุจดั่งแคว้นเจียงของเจ้าในกาลก่อนที่พินาศย่อยยับด้วยน้ำมือของแคว้นจ้าว ถ้อยรับสั่งของฮ่องเต้ชราทำให้องค์หญิงน้อยนิ่งงันไปโดยพลัน “มีเหตุร้ายแรงจนทำให้แคว้นหลงอันล่มสลายดุจดั่งแคว้นเจียงของหม่อมฉันอย่างนั้นหรือเพคะ” รับสั่งถามกลับไปเพื่อให้แน่พระทัย ฮ่องเต้ชราพยักพระพักตร์ขึ้นลงติดๆ กัน พลางแสร้งทอดถอนพระทัย “หากแม้นมิมีเหตุการณ์ที่จะต้องทำให้แคว้นและราชวงศ์ต้องล่มสลายข้าก็จะไม่ไปรบกวนเจ้าเลยเยว่เอ๋อร์ แต่ด้วยวรยุทธ์อันล้ำเลิศของเจ้า ครานี้ข้าต้องพึ่งพาเจ้าเสียแล้วเพื่อให้รอดพ้นจากภัยพิบัติร้ายนี้” วรองค์อ้อนแอ้นลุกจากตั่งที่ประทับพระดำเนินมาหยุดอยู่ตรงหน้าโต๊ะทรงงาน พร้อมก้มพระเศียรคำนับฮ่องเต้ชราโดยพลัน “ทรงรับสั่งเถิดเพคะ หากความสามารถของหม่อมฉันทำให้แคว้นหลงอันรอดพ้นภัยพิบัติร้ายครั้งนี้ไปได้ หม่อมฉันยินดีเป็นแม่นมั่น” พระโอษฐ์ลอบแสยะยิ้มเหยียดออกมาบางๆ เมื่อทรงได้ยินองค์หญิงเยาว์ชันษารับสั่งตอบกลับมาเช่นนั้น “แม้ว่าสิ่งที่ข้าจะร้องขอต่อเจ้าในครั้งนี้ อาจทำให้ชีวิตของเจ้าอาจต้องพบกับจุดจบก็ตามอย่างนั้นหรอกรึ” รับสั่งถามกลับไปอย่างเจ้าเล่ห์ “บุญคุณของฝ่าบาทและเสด็จอาที่เมตตาเลี้ยงดูหม่อมฉันมาตั้งแต่เกิด เปรียบประดุจพระบิดาและพระมารดาของหม่อมฉันก็ว่าได้ หากแม้นมีสิ่งใดที่จะสามารถแทนคุณทั้งสองพระองค์แม้ว่าจะต้องพบกับจุดจบก็มิได้หวั่นเกรงแต่อย่างใดเพคะ ตรงกันข้ามกลับดีใจเสียด้วยซ้ำที่เกิดมามิเสียชาติเกิดได้มีโอกาสแทนคุณฝ่าบาทกับเสด็จอาและได้แทนคุณแคว้นหลงอันไปในคราเดียวกัน” องค์หญิงน้อยกราบทูลกลับไปโดยมิเสียเวลาคิดแม้แต่น้อย เป็นเหตุให้ฮ่องเต้ชราคาดไม่ถึงว่าจะได้รับคำตอบที่เต็มไปด้วยความอาจหาญจากสตรีเพศตรงหน้าพระพักตร์ “ดี! พูดได้ดีมากเยว่เอ๋อร์! พ่อและแม่ของเจ้าที่อยู่บนสรวงสวรรค์จะต้องภาคภูมิใจในตัวของเจ้าอย่างแน่นอน มิเสียแรงที่ข้าและฮองเฮาเฝ้าถนอมเลี้ยงดูเจ้าแทนพ่อและแม่ผู้ให้กำเนิด” รับสั่งทวงบุญคุณอ้อมๆ ในท่าทีและน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยสิ่งแอบแฝงและแผนการมากมายในพระทัย “เจ้าจงตั้งใจฟังให้ดีเยว่เอ๋อร์ ว่าสิ่งที่จะต้องไปทำในครั้งนี้นั่นก็คือสังหารฮ่องเต้แคว้นจ้าว และองค์ชายทั้งเก้าพระองค์ให้สิ้นพระชนม์ ล้างราชวงศ์จ้าวมิให้มีผู้ใดขึ้นสืบทอดราชบัลลังก์ และเจ้าจะต้องพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้องค์หญิงเข่อซิงที่ถูกส่งไปถวายตัวเป็นพระสนมฮ่องเต้แคว้นจ้าวขึ้นกุมอำนาจฝ่ายใน นั่งตำแหน่งฮองเฮาให้จงได้ เมื่อได้ฟังเช่นนี้แล้ว เจ้าคิดว่าเหลือบ่ากว่าแรงของเจ้าหรือไม่” รับสั่งหยั่งเชิงออกไป “มิใช่เรื่องหนักหนาเพคะ ขอทรงวางพระทัย” องค์หญิงน้อยรับสั่งตอบกลับไปมิเสียเวลาครุ่นคิดแต่อย่างใด ถ้อยรับสั่งขององค์หญิงน้อยสร้างความพึงพอพระทัยให้แก่ผิงอานฮ่องเต้เป็นยิ่งนัก ก่อนจะได้ยินสุรเสียงรับสั่งของเจียงอิ้งเยว่ถามกลับมา “หากแม้นองค์หญิงเข่อซิงจากแคว้นเหย้าไม่สามารถก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งฮองเฮาได้ตามแผนการที่วางเอาไว้ จะทรงทำเช่นไรเพคะ มิเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์อย่างนั้นหรือไร” ถ้อยรับสั่งขององค์หญิงน้อยเข้าแผนของฮ่องเต้ชราอย่างไม่คาดคิด พระโอษฐ์แสยะยิ้มเหยียดพร้อมมีรับสั่งตอบกลับไปตามแผนการที่วางเอาไว้ “หากองค์หญิงเข่อซิงไม่สามารถก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งฮองเฮาได้ คงจะต้องรบกวนเจ้าสานต่อให้เสียแล้ว ด้วยความงามอันเป็นเลิศยากที่จะมีบุรุษใดปฏิเสธได้ว่าเยว่เอ๋อร์ของข้างดงามลึกล้ำประหนึ่งเทพสตรีจากสรวงสวรรค์ลงมาจุติฉันใดก็ฉันนั้น ขึ้นชื่อว่าบุรุษย่อมพ่ายแพ้ความงามของอิสตรีเป็นแม่นมั่น จะมีบุรุษใดปฏิเสธเจ้าได้อย่างนั้นรึ” ถ้อยรับสั่งของฮ่องเต้ชราทำให้องค์หญิงน้อยทรงนิ่งงันไปชั่วขณะเมื่อได้ยินเช่นนั้นและนั่นทำให้ผิงอานฮ่องเต้ต้องรีบมีรับสั่งตอกย้ำออกไปทันที “เจ้ามีท่าทีเช่นนี้เห็นทีข้าคงจะร้องขอให้เจ้ากระทำในสิ่งที่เกินกำลังไปสินะ ช่างเถอะ! หากแม้นเจ้ามิสามารถก้าวขึ้นเป็นฮองเฮาของแคว้นจ้าวได้ ก็จงหาทางอื่นก็แล้วกัน พยายามทุกวิถีทางส่งเสริมองค์หญิงเข่อซิงให้ขึ้นครองตำแหน่งฮองเฮาของแคว้นจ้าวให้ได้เช่นนี้ดีหรือไม่” รับสั่งพร้อมทอดสายพระเนตรเขม็งไปที่องค์หญิงน้อยที่ทรงยืนครุ่นคิดบางอย่างอยู่ภายในพระทัย ก่อนจะมีรับสั่งถามย้ำออกไป “เยว่เอ๋อร์เจ้าได้ยินที่ข้ากล่าวกับเจ้าหรือไม่” พระพักตร์งามดุจดั่งดวงจันทราพยักขึ้นลงติดๆ กัน นางมิได้เหม่อลอยหากแต่กำลังใคร่ครวญอยู่ภายในพระทัย ในประเด็นที่ฮ่องเต้เล็งเห็นว่ามันคือสิ่งน้อยนิด ทว่าเทียบกับความคิดของเจียงอิ้งเยว่แห่งแคว้นเจียงแล้วไซร้ นี่ถือเป็นเรื่องใหญ่สำหรับนางมากเลยทีเดียว ก่อนจะได้ยินพระสุรเสียงของผิงอานฮ่องเต้รับสั่งถามแทรกขึ้น “เยว่เอ๋อร์มิได้ยินหรอกหรือที่ข้าถาม ตกลงเจ้าเป็นกระไรไป เหตุใดไยจู่ๆ จึงเงียบงันขึ้นมาอย่างไร้วี่แววเช่นนี้” ฮ่องเต้ชรารับสั่งถามพระสุรเสียงห้วนด้วยเพราะเริ่มมีพระอารมณ์ขุ่นมัวเมื่อท่าทีขององค์หญิงน้อยแสดงพระอาการออกมาเป็นเช่นนั้น ก่อนจะได้ยินสุรเสียงหวานตอบกลับมา “หม่อมฉันได้ยินเพคะ แต่ที่มิได้ตอบฝ่าบาทกลับไปเพราะครุ่นคิดอยู่ภายในใจ ว่าเคยได้ให้สัตย์สัญญาไว้กับตนเองเอาไว้ ตราบชั่วชีวิตนี้จะมิขออภิเษกสมรสกับบุรุษใด หากแม้นมิอาจฝืนลิขิตสวรรค์ที่กำหนดนี้ได้ จำต้องมีพระสวามีก็ขอให้ได้อภิเษกกับบุรุษซึ่งหม่อมฉันยินยอมพร้อมกายและหัวใจนี้มอบให้เท่านั้นเพคะ” “ถ้าเช่นนั้นที่กล่าวมาทั้งหมด คือเจ้าไม่ยินยอมพลีกายเพื่อก้าวขึ้นเป็นฮองเฮาของแคว้นจ้าวเพื่อให้บรรลุตามแผนกระนั้นสิ” ฮ่องเต้ชรารับสั่งถามย้ำกลับไปตรงๆ “ใช่แล้วเพคะ หากแม้นหม่อมฉันจะต้องก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งฮองเฮาของแคว้นจ้าวตามแผนการของพระองค์แล้วไซร้ ย่อมฝืนความรู้สึกภายในใจและมิอาจต่อทรยศตนเองได้เกรงว่าแผนของฝ่าบาทจะไม่แนบเนียน ดังนั้นเพื่อมิให้แผนการนั้นผิดพลาดอิ้งเยว่จะทำทุกวิถีทางเพื่อส่งเสริมองค์หญิงเข่อซิงให้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งฮองเฮาให้จงได้เพคะ” องค์หญิงน้อยรับสั่งให้สัตย์สัญญา “แล้วถ้าหากเข่อซิงไม่สามารถก้าวขึ้นเป็นฮองเฮาได้เจ้าจะทำเช่นไรเยว่เอ๋อร์” “ไม่มีคำว่าไม่ได้เพคะ ฝ่าบาททรงรอข่าวดีได้เลย” รับสั่งตอบกลับไปทันที และนั่นทำให้ฮ่องเต้ชราขมวดพระขนงเข้าหากันเมื่อทรงได้ยินเช่นนั้น “แลดูเจ้ามั่นใจเสียนี่กระไร แต่ถ้าหากแผนการนี้แคว้นจ้าวเกิดล่วงรู้หายนะอันใหญ่หลวงต้องบังเกิดขึ้นกับแคว้นหลงอันเป็นแน่แท้ งานจะสำเร็จหรือทันใดนั่นอไม่ก็ยังประเมินไม่ได้ คงขึ้นอยู่กับสถานการณ์ หากแผนถูกเปิดเผยเจ้าจะทำเช่นไรเยว่เอ๋อร์” รับสั่งถามหยั่งเชิง “หม่อมฉันขอเอาชีวิตเป็นเดิมพันเพคะ หากแม้นแผนการดังกล่าวล้มเหลวไม่บรรลุตามแผนแล้วไซร้ อิ้งเยว่จะหาหนทางอื่นให้บรรลุเป้าหมายสมดั่งพระประสงค์ได้อย่างแน่นอนเพื่อแทนคุณฝ่าบาทและเสด็จอา และเพื่อเป็นการแทนคุณแคว้นหลงอัน จะมิให้มีเหตุเภทภัยอันใดเกิดขึ้นกับแคว้นเป็นอันขาด และหม่อมฉันขอยืนยันเลยว่าไม่มีทางเกิดเหตุการณ์เช่นนั้นขึ้นอย่างแน่นอน” “ดี! เจ้าให้คำมั่นแก่ข้าเป็นแม่นมั่นเช่นนี้ เบาใจเป็นยิ่งนัก หวังว่าจะรักษาสัตย์สัญญาที่ได้ให้ไว้กับข้า ที่จะแทนคุณแค้วนหลงอันและข้ากับเสด็จอาของเจ้า นับได้ว่าสายโลหิตของเจียงเฉียงและซีซวนแห่งแคว้นเจียงที่ล่มสลายไปแล้วเต็มไปด้วยคุณธรรมรักษาสัจจะยิ่งชีพ และสำนึกรู้บุญคุณผู้มีพระคุณอย่างยิ่งยวด ช่างหายากเป็นยิ่งนัก” รับสั่งตอกย้ำให้องค์หญิงน้อยหวนคิดคำนึงอยู่ตลอดเวลา “เมื่อเป็นที่เข้าใจดีแล้วทั้งสองฝ่าย เจ้ากลับไปพักผ่อนเสียเถิด เพราะยังต้องเดินทางไกลไปแคว้นจ้าวอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ จะได้เริ่มลงมือตามแผนที่วางเอาไว้ เจ้าจะออกเดินทางพร้อมกองทหารของแคว้นหลงอันที่จะต้องไปพร้อมขบวนเสด็จส่งตัวขององค์หญิงเข่อซิงหรือ...” หากแต่รับสั่งของฮ่องเต้ชรายังมิทันจะจบประโยค สุรเสียงขององค์หญิงน้อยดังแทรกขึ้นมาโดยพลัน “หม่อมฉันจะออกเดินทางเดี๋ยวนี้เลยเพคะ ขอล่วงหน้าเดินทางไปก่อนเพราะถนัดเดินทางเพียงลำพังไม่ชอบไปกับกลุ่มคนมากมาย ขบวนเสด็จขององค์หญิงเข่อซิงเป็นขบวนเจ้าสาวเพื่อไปถวายตัวให้แก่ฮ่องเต้แคว้นจ้าว แม้ว่าการลักลอบเข้าวังหลวงจะง่ายหากปะปนเข้าไปพร้อมขบวนเสด็จ หากแต่หม่อมฉันมีวิธีการเข้าไปภายในวังหลวงที่ง่ายกว่านั้นอีกเพคะ” องค์หญิงน้อยกราบทูลกลับไปด้วยสุรเสียงที่บ่งบอกว่าทรงมีวิธีการดังกล่าวเช่นนั้นจริงๆ ถ้อยรับสั่งขององค์หญิงเจียงอิ้งเยว่ทำให้ฮ่องเต้ชราทรงนิ่งงันไปชั่วขณะ ไม่คาดคิดว่าสตรีตัวเล็กๆ เพียงหนึ่งเดียวจะมีวิธีเล็ดลอดกายเข้าไปภายในวังหลวงของแคว้นจ้าวได้อย่างง่ายดายเช่นนั้นจริงๆ “ถึงกระนั้นก็เถอะ ข้าได้ยินมาว่าตอนนี้ภายในวังหลวงของแคว้นจ้าวมีการปรับเปลี่ยนเวรยามใหม่ทั้งหมด อีกทั้งเสริมกำลังตามจุดต่างๆ ที่เคยเป็นช่องโหว่อย่างเห็นได้ชัดในอดีต จนทำให้ภายในวังหลวงขณะนี้แม้แต่มดหรือแมลงเข้าไปก็ไม่สามารถออกมาได้ ออกมาแล้วก็เข้าไม่ได้ เห็นว่าเป็นความคิดของพระโอรสองค์สุดท้องของจ้าวจางเหว่ย ที่มีชื่อว่าอะไรนะ... เอ…” ฮ่องเต้ชราครุ่นคิดอยู่เพียงครู่ก่อนจะนึกพระนามของพระโอรสองค์สุดท้องของแคว้นจ้าวออกมาได้ “ข้านึกออกแล้ว พระโอรสองค์สุดท้องของจ้าวจางเหว่ยมีชื่อว่า จ้าวเฟยหลง เป็นโอรสองค์ที่เก้าและองค์สุดท้องของฮ่องเต้ผู้นี้ เห็นว่ากาลก่อนไม่เอาถ่านเสียเลย แต่ด้วยเพราะเหตุใดมิอาจรู้ได้ กลับเป็นที่โปรดปรานของจางเหว่ยฮ่องเต้จนแต่งตั้งให้เป็นแม่ทัพใหญ่คุมกองทัพทั้งหมดออกต้านศึกกับกองทัพของต้าเหว่ยที่กำลังปะทะกันอย่างดุเดือนตรงเขตชายแดนของแคว้นเจียงอยู่ในเวลานี้ เจ้าเองก็เถอะ เมื่อเข้าไปแล้วจงระวังองค์ชายเก้าผู้นี้เอาไว้ให้จงหนัก” รับสั่งของฮ่องเต้ชราทำให้พระพักตร์งามลึกล้ำที่กำลังก้มพระพักตร์อยู่ในขณะนั้น เงยขึ้นมาทันทีครั้นเมื่อทรงได้ยินเช่นนั้น “กองทัพจ้าวกำลังรบกับกองทัพของต้าเว่ยตรงเขตชายแดนของแคว้นเจียงอยู่หรือนี่” องค์หญิงน้อยรำพึงอยู่ภายในพระทัยก่อนจะทรงมีรับสั่งออกมา “ขอบพระทัยฝ่าบาทเพคะที่ทรงห่วงใย ถ้าเช่นนั้นอิ้งเยว่ขอทูลลาตรงนี้เพื่อออกเดินทางล่วงหน้าไปแคว้นจ้าว ฝากความคิดถึงเสด็จอาของหม่อมฉันด้วย หากแม้นแผนนี้สำเร็จจะหวนคืนกลับแคว้นหลงอันเพื่อถวายพระพรเนื่องในวันคล้ายพระราชสมภพซึ่งก็มิอาจล่วงรู้ว่าจะเป็นปีใด แต่ระลึกถึงเสด็จอาอยู่เสมอเพราะเป็นเพียงพระญาติเพียงหนึ่งเดียวของหม่อมฉันซึ่งรักดุจเดียวกับพระมารดาผู้ล่วงลับไปแล้ว” ถ้อยรับสั่งขององค์หญิงน้อยทำให้ผิงอานฮ่องเต้ ทรงมีบางอย่างวิ่งแล่นเข้าไปจุกตรงที่พระอุระของพระองค์ขึ้นมาโดยพลัน ใช่ว่าจะทรงพระทัยร้ายหากเปรียบเทียบแล้วทรงรักและเอ็นดูองค์หญิงผู้งดงามลึกล้ำนี้ดุจเดียวพระราชธิดาของพระองค์ แต่เพื่อความอยู่รอดของแคว้นหลงอันตลอดจนถึงราชวงศ์ เสียสละชีวิตบางส่วนเพื่อรักษาชีวิตของคนหมู่มากและเพื่อขยายอำนาจแคว้นหลงอันให้มีชัยเหนือแคว้นอื่นๆ หากสยบแคว้นจ้าวอันยิ่งใหญ่นี้ลงได้ แน่นอนว่าต่อไปในภายภาคหน้าแคว้นหลงอันจะกลายเป็นแคว้นใหญ่ที่แคว้นอื่นต้องยำเกรงอย่างยิ่งยวด พระเนตรที่เต็มไปด้วยแผนการอันแยบยลอ่อนยวบลงไปโดยพลันพร้อมสุรเสียงมีรับสั่งกับองค์หญิงน้อย “หากเจ้าต้องการจะเดินทางโดยทันทีข้าก็จะมิรั้งเอาไว้แต่อย่างใด และขอขอบใจที่เจ้าตั้งใจแทนคุณให้กับข้าและเสด็จอาของเจ้าตลอดจนถึงแคว้นหลงอันในครั้งนี้ ข้าซาบซึ้งใจเป็นยิ่งนัก” รับสั่งออกมาจากภายในพระทัย “ฝ่าบาทรับสั่งหนักเกินไปแล้วเพคะ บุญคุณต้องทดแทนไม่ว่าอย่างไรก็ตาม อิ้งเยว่จะแทนคุณครั้งนี้ให้สำเร็จสมดั่งพระประสงค์ให้จงได้ หม่อมฉันขอทูลลาเพคะฝ่าบาท” องค์หญิงน้อยรับสั่งพร้อมประสานพระหัตถ์พลางทรุดพระวรกายก้มคำนับพร้อมโขกพระเศียรลงกับพื้นพระตำหนักติดต่อกันสามครั้ง วรองค์งดงามค่อยๆ ล่าถอยออกไปจากห้องทรงงานอย่างช้าๆ ท่ามกลางสายพระเนตรของผิงอานฮ่องเต้ ทอดพระเนตรตามจนองค์หญิงน้อยผู้อ้อนแอ้นลับสายพระเนตร “ข้าก็หวังว่างานครั้งนี้จะสำเร็จและเจ้าจะได้กลับมาเคียงคู่เป็นพระชายาของเวยอันในภายภาคหน้า แคว้นหลงอันมีเพียงเจ้าเท่านั้นที่คู่ควรเป็นฮองเฮาองค์ต่อไปเยว่เอ๋อร์” ผิงอานฮ่องเต้รับสั่งพึมพำราวกับว่าจิตใต้สำนึกที่รู้สึกผิดจู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นอยู่ในความคิดของพระองค์ขึ้นมาอย่างกะทันหัน สายพระเนตรยังคงจับจ้องอยู่ตรงประตูห้องทรงงานซึ่งร่างน้อยๆ เพิ่งก้าวผ่านพ้นไป
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม