ตอนที่ 11 พานพบประสบพักตร์ 1

1659 คำ
เทือกเขาหัวซาน ตำหนักลู่ชิง (ตำหนักหยกแห่งดวงดาว) เทือกเขาสูงเสียดฟ้าเต็มไปด้วยละอองขาวโปรยปรายของหิมะที่ปกคลุมดินแดนแห่งนี้ตลอดทั้งปีมาอย่างยาวนานนับหลายแสนปีที่ผ่านมา เทือกเขาหัวซานตั้งอยู่ในแคว้นหลงอัน เป็นปราการทางธรรมชาติที่มั่นคงประดุจหินผาอันแข็งแกร่ง ซึ่งคอยปกป้องแคว้นหลงอันให้รอดพ้นจากการคุกคามจากแคว้นใหญ่อื่นๆ ที่มุ่งมั่นจะยึดครองแคว้นแห่งนี้ไปเป็นของตนให้จงได้ ด้วยกำแพงอันแข็งแกร่งของเทือกเขาหัวซานและยังมีอีกห้าเทือกเขาที่กระจัดกระจายอยู่ในแนวเดียวกัน หากมองจากสวรรค์เบื้องบนประดุจมังกรสวรรค์ขนาดมหึมา ขดกายตกอยู่ในห้วงนิทรามานานนับตั้งแต่เทพบิดรทรงสร้างสรรพสิ่งให้ปรากฏอยู่ในหกพิภพและสามโลก และยังคงอยู่ในห้วงนิทรานี้ต่อไปอีกนานแสนนานเลยทีเดียว บนเทือกเขาสูงเสียดฟ้าปรากฏตำหนักขนาดใหญ่ตั้งอย่างโดดเดี่ยวอยู่บนยอดเขาดังกล่าว ตำหนักลู่ชิงเป็นตำหนักที่ประทับขององค์หญิงเจียงอิ้งเยว่ เชื้อสายของราชวงศ์เจียงที่หลงเหลืออยู่เพียงพระองค์เดียวเท่านั้น ทั่วทั้งพระตำหนักมีเพียงองค์หญิงจากแคว้นเจียงที่ล่มสลายไปแล้ว กับราชองค์รักษ์มู่เจียนเจี๋ย พำนักอยู่แต่เพียงลำพัง พระนางหาได้ประทับอยู่ในพระราชวังหลวงของแคว้นหลงอันแต่อย่างใด นับตั้งแต่ทรงพระเยาว์ สาเหตุเพราะนับตั้งแต่ประสูติจนเจริญพระชันษา องค์หญิงน้อยจากแคว้นเจียงที่ล่มสลายก็ทรงมีพลังเวทอยู่คู่พระวรกายมาโดยตลอด มิหนำซ้ำยังทรงมีวรยุทธ์สูงส่งตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ ทำให้มู่เจียนเจี๋ยวิตกเกรงว่าองค์หญิงน้อยของตนจะถูกฮ่องเต้แคว้นหลงอันอาศัยอำนาจที่อยู่ในพระวรกายหาประโยชน์และก่อสงครามแย่งชิงดินแดนจากแคว้นอื่นๆ มาอยู่ในการปกครอง มู่เจียนเจี๋ยจึงได้กราบทูลต่อฮ่องเต้แคว้นหลงอันและเจียงฮองเฮา ซึ่งเป็นพระปิตุจฉาขององค์หญิงน้อย ขอหลีกเร้นสถานที่พำนักมาอยู่ในสถานที่ลับตาของผู้คน โดยอ้างว่าเพื่อความปลอดภัยขององค์หญิงเจียงอิ้งเยว่ หากแต่ความเป็นจริงแล้วไซร้เพื่อปกปิดพลังเวทอันแก่กล้าและวรยุทธ์ที่สูงส่งของพระนางนั่นเอง ทว่าแม้จะสามารถปกปิดเรื่องพลังเวทขององค์หญิงน้อยเอาไว้ได้ก็ตามที แต่มิสามารถปกปิดพลังวรยุทธ์ของพระนางได้เลย ด้วยเพราะเจียงอิ้งเยว่มีอุปนิสัยซุกซนและชื่นชอบการต่อสู้เป็นที่สุด ตลอดเวลาที่ทรงเจริญพระชันษาจวบจนกระทั่งเข้าสู่ปีที่สิบเจ็ด พระนางฝึกฝนเพลงยุทธ์มาโดยตลอด และมักออกท่องเที่ยวไปปะทะฝีมือกับจอมยุทธ์ทั้งหลายอยู่เป็นเนืองๆ ทั้งนี้เพื่อสักวันจะทรงกอบกู้แคว้นเจียงที่ล่มสลายของพระนางให้หวนกลับคืนมาได้อีกครั้งนั่นเอง ด้วยวรยุทธ์อันล้ำเลิศและความเก่งกล้าเกินคนของพระนาง ทำให้ผิงอานฮ่องเต้ทรงล่วงรู้ความสามารถดังกล่าวเข้าจนได้ แต่ก็ยังไม่มีรับสั่งที่จะแสวงหาผลประโยชน์จากพระนางแต่อย่างใด เพราะทรงคิดว่างานใหญ่และเป็นความลับอย่างยิ่งยวดเท่านั้นจึงจะเหมาะสมเป็นอย่างยิ่งสำหรับองค์หญิงน้อยเจียงอิ้งเยว่ผู้นี้ “หวิ้ววววว!!! หวิ้ววววว!!!!” เสียงนกอินทรีตัวเขื่องดังต่อเนื่องอยู่บนยอดเขา พร้อมบินวนรอบพระตำหนักลู่ชิงอยู่เพียงครู่ ก่อนจะถลาร่อนลงไปเกาะอยู่บนต้นไม้ใหญ่ภายในพระตำหนักดังกล่าว เสียงของพญานกอินทรีทำให้องค์หญิงน้อยเสด็จออกจากพระตำหนักที่ประทับ ก่อนจะออกมาทรงยืนทอดพระเนตรต้นไม้ใหญ่กลางพระตำหนักของพระนางอยู่ในขณะนี้ โดยมีมู่เจียนเจี๋ยเดินตามมาสมทบอยู่ด้านหลัง “เหตุใดจึงมีนกอินทรีบินเข้ามาในพระตำหนักบนยอดเขานี่ได้ น่าประหลาดใจยิ่งนัก” มู่เจียนเจี๋ยกล่าวพึมพำ “นกอินทรีก็คือผู้ส่งข่าวสาร น่าจะเป็นข่าวจากหลงอันเสียมากกว่า” องค์หญิงแสนสวยรับสั่งกับราชองครักษ์ของพระนาง พลางพระดำเนินออกจากพระตำหนักก่อนจะยกท่อนพระกรเรียวขึ้นมาทันที “หวิ้วววว!!!” พระนางเปล่งพระสุรเสียงดุจเดียวกับนกอินทรีเพื่อเรียกให้มันเข้ามาหา “พึ่บ! พึ่บ! พึ่บ!” นกอินทรีตัวเขื่องบินเข้ามาเกาะท่อนพระกรเรียวเล็กดั่งลำเทียนนั้นทันใด พระหัตถ์เรียวสวยยกขึ้นลูบไล้แผ่นหลังพญานกอินทรีด้วยความเอ็นดู เมื่อพบว่ามันกำลังมีอาการหนาวเหน็บเพราะบินฝ่าอากาศหนาวเย็นจนมาถึงยอดเขาดังกล่าว ก่อนจะทอดพระเนตรพระราชสาสน์ที่ผูกติดกับข้อเท้าของมันอยู่ในขณะนี้ พระราชสาสน์ถูกดึงออกมาจากข้อเท้าอย่างรวดเร็วพร้อมอุ้มอินทรีตัวเขื่องยื่นส่งให้ราชองค์รักษ์คนสนิท “เจียนเจี๋ยนำเจ้าอินทรีตัวนี้ไปผิงไฟเสียโดยเร็ว มันกำลังจะหนาวตาย บินมาถึงยอดเขาหัวซานจนถึงตำหนักลู่ชิงได้ โดยไม่ร่วงหล่นไปเสียก่อน สมแล้วที่มันเกิดมาเป็นอินทรีทอง” รับสั่งกับคนสนิท เจียนเจี๋ยรีบรับอินทรีทองเอาไว้อย่างรวดเร็ว หากแต่สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่สารที่ส่งมาพร้อมกับอินทรีตัวดังกล่าวอยู่ในพระหัตถ์องค์หญิงของตน เมื่อเห็นพระนางทรงอ่านข้อความในสารนั้น “สารจากที่ใดส่งมาอย่างนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ” เจียนเจี๋ยเลียบๆ เคียงๆ ถามออกไปด้วยความอยากรู้อย่างยิ่งยวด “ข่าวจากแคว้นหลงอัน องค์ฮ่องเต้และเสด็จอาเรียกข้าให้เข้าไปพบ บอกว่ามีเรื่องที่จะปรึกษาหารือด้วย” รับสั่งตอบกลับไป และนั่นทำให้เจียนเจี๋ยล่วงรู้โดยพลันว่าแคว้นหลงอันต้องการให้องค์หญิงน้อยของตนทำบางสิ่งบางอย่างให้อย่างแน่นอน เพราะล่วงรู้อุปนิสัยของผิงอานฮ่องเต้เป็นอย่างดีว่าไม่เคยช่วยเหลือผู้ใดหากแม้นไม่มีประโยชน์ให้พึ่งพา “องค์หญิงอย่าเสด็จไปเลยพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมคาดว่าองค์ฮ่องเต้คงต้องการอะไรสักอย่าง จึงส่งสารนี้มาให้ไปเข้าเฝ้า หากแม้นเป็นสิ่งที่ต้องเปิดเผยฐานะและตัวตนขององค์หญิงแล้วไซร้ กระหม่อมเกรงว่าจะทรงไม่ปลอดภัย” เจียนเจี๋ยกราบทูลด้วยความเป็นห่วง วรองค์อ้อนแอ้นหันพระวรกายกลับไปทอดพระเนตรราชองค์รักษ์ที่คอยเฝ้าดูและพระนางมาโดยตลอด พระพักตร์สวยดุจดั่งดวงจันทราคลี่พระโอษฐ์ออกมาบางๆ เมื่อทรงได้ยินเช่นนั้น “ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นห่วงในความปลอดภัยของข้าเป็นยิ่งนัก แต่เจ้ากังวลเกินไปหรือเปล่า อย่าลืมสิว่าข้าก็แค่องค์หญิงจากแคว้นเจียงที่ล่มสลายไปนานแล้ว อีกทั้งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาตั้งแต่เล็กจนโตก็พำนักอยู่แต่ในพระตำหนักลู่ชิงมาโดยตลอด เร้นร่างหลบกายจากผู้คนมานานแสนนานแล้ว เจ้าหลงลืมไปแล้วหรอกรึ” ถ้อยรับสั่งขององค์หญิงน้อยมิได้ทำให้เจียนเจี๋ยคลายกังวลไปได้แม้แต่น้อย “แต่อย่าทรงลืมสิพ่ะย่ะค่ะว่าองค์หญิงทรงออกท่องยุทธภพมาโดยตลอด อีกทั้งได้เปรียบเทียบฝีมือกับเหล่าจอมยุทธ์ทั้งหลายมานับไม่ถ้วน จนมีชื่อเสียงล่วงรู้ไปทั่วและด้วยเพลงยุทธ์อันลึกล้ำและชื่อเสียงดังกล่าวก็ล่วงรู้ไปถึงองค์ฮ่องเต้เช่นกัน กระหม่อมเกรงว่าการเรียกเข้าไปครั้งนี้จะทรงให้ทำอะไรสักอย่างน่ะสิพ่ะย่ะค่ะ” “เจ้าคิดเช่นนั้นรึ!” องค์หญิงแสนสวยรับสั่งถามกลับไป “กระหม่อมคิดเช่นนั้นจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ และคิดว่าไม่ผิดไปจากความคิดเป็นแม่นมั่น” พระเนตรสีน้ำตาลอ่อนหยุดนิ่งไปชั่วขณะเมื่อทรงได้ยินเจียนเจี๋ยกราบทูลกลับมา “แต่ข้าคิดว่า หากองค์ฮ่องเต้และเสด็จอาทรงมีพระประสงค์สิ่งใดที่ต้องการใช้ความรู้ความสามารถที่มีอยู่ของข้าเพื่อประโยชน์ของแคว้นแล้วไซร้ เป็นการดีสำหรับข้าที่จะแทนคุณทั้งสองพระองค์ที่ได้อุปถัมภ์อุ้มชูข้ามาตั้งแต่แรกเกิด หากแม้นไม่มีทั้งสองพระองค์ มีหรือที่องค์หญิงจากแคว้นที่ล่มสลายไปแล้วเช่นข้าจะดำรงอยู่ได้เฉกเช่นทุกวันนี้ เจ้าควรจะมีความคิดเช่นนี้มากกว่าจะเป็นกังวลเสียมากกว่าเจียนเจี๋ย” “แต่ว่าองค์...” มิทันที่เจียนเจี๋ยจะกราบทูลสิ่งใดต่อไปอีก พระหัตถ์ขององค์หญิงน้อยก็ทรงยกขึ้นเป็นสัญญาณห้ามขึ้นมาโดยพลัน “เจ้ามิต้องกล่าวสิ่งใดอีกต่อไปแล้ว ข้าจะลงเขาไปเข้าเฝ้าองค์ฮ่องเต้และเสด็จอา แล้วจะส่งข่าวมาบอกเพื่อมิให้เจ้าต้องเป็นกังวล อยู่ทางด้านนี้ก็ดูแลตำหนักของข้าดีๆ นะเจียนเจี๋ย ข้าไปเพียงครู่อีกไม่นานก็จะกลับมา” พระนางรับสั่งพร้อมร่ายเวทเร้นพระวรกายหายลับไปจากพระตำหนักทันที ท่ามกลางเสียงร้องเรียกหาจากองครักษ์คนสนิท “องค์หญิง! องค์หญิง! โธ่... ไม่ฟังกระหม่อมบ้างเลย ทั้งๆ ที่ทรงล่วงรู้ทุกอย่างแต่ก็ยังเสด็จไป เหตุไฉนจึงเป็นเช่นนี้หนอ... กระหม่อมแค่อยากจะบอกว่าอย่าทรงใช้พลังเวทที่มีอยู่คู่พระวรกายให้ฮ่องเต้ผู้นั้นได้รู้และทอดพระเนตรความสามารถของพระนางก็เท่านั้นเอง” เจียนเจี๋ยรำพึงรำพันอยู่เพียงลำพังมิรู้วาย ทันใดนั้นเอง “ข้าล่วงรู้ข้อนี้ดี เจ้าไม่ต้องกังวลหรอกเจียนเจี๋ย” สุรเสียงขององค์หญิงน้อยแหวกอากาศรับสั่งตอบกลับมาท่ามกลางความเงียบงัน ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลเมื่อครู่ที่ผ่านมาคลายความกังวลลงไปโดยพลันเมื่อได้ยินสุรเสียงรับสั่งตอบกลับมาเช่นนั้น
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม