“แต่ผมมี”
คลินท์บอกด้วยน้ำเสียงหนักแน่น มองสบตาเธออย่างจริงจังราวกับต้องการเจรจาเคลียปัญหาที่ค้างคาใจให้หมดไปเสียตอนนี้ ไม่อย่างนั้นเขาจะต้องรู้สึกหงุดหงิดอยู่ไม่เป็นสุขทั้งวันแน่
“ป๋ามีปัญหาอะไรงั้นเหรอคะ”
ขมวดคิ้วถามพร้อมรอฟังอย่างใจจดใจจ่อ
“หยุดเรียกผมว่าป๋าสักที มันฟังดูแก่ชะมัด!”
คลินท์บอกด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด เผลอหลุดแสดงสีหน้าแดงๆเพราะความกรุ่นโกรธข้างใน จนพลอยไพลินต้องแอบตั้งคำถามอยู่ในใจเงียบๆ
‘ผู้ชายโกรธน่ารักแบบนี้ทุกคนเลยหรือเปล่านะ’
“นิลิน คุณฟังผมอยู่หรือเปล่า”
คำถามทุ้มหนักพร้อมแววตาขุ่นๆเรียกสติพลอยไพลินให้ตื่นจากความคิด
“ป๋า…ว่าไงนะคะ”
อาการเหมือนเพิ่งได้สติกลับมาทำให้คลินท์ต้องขบกรามแน่นควบคุมอารมณ์โมโหไว้ลึกๆเมื่ออีกฝ่ายไม่สนใจฟังเอาเสียเลย แถมยังเรียกเขาเหมือนเดิมราวกับต้องการยั่วโมโหเขาให้หัวเสียกว่าเดิม แต่กระนั้นก็ยังต้องใจเย็นสูดหายใจเข้าปอดลึกๆและบอกกับเธออีกครั้ง
“ผมบอกว่าให้หยุดเรียกผมว่าป๋าได้แล้ว คุณจะเรียกชื่อผมก็ได้ผมไม่ห้าม แต่ป๋าเนี่ยผมไม่ชอบ เข้าใจที่ผมพูดหรือเปล่า ”
คลินท์พูดช้าๆชัดๆให้กับเธออีกครั้ง ก่อนที่ตอนท้ายจะเอ่ยถามเพื่อเช็กความเข้าใจของเธอ แต่คนฟังกลับไม่ได้สนใจฟังสิ่งที่เขาพูดเลยสักนิด เพราะมัวแต่ตั้งหน้าตั้งตาดูใบหน้าหล่อเหลาที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงๆจนเผลอหลุดแสดงสีหน้าขบขันออกมาอย่างไม่ตั้งใจ
“ทำไม? สิ่งที่ผมขอเนี่ยมันตลกมากเลยเหรอ”
ชายหนุ่มเลิกคิ้วดกดำขึ้นจ้องใบหน้างามนิ่ง
“ปะ…เปล่าค่ะ อันที่จริงแล้วป๋าก็ฟังดูน่ารักดีนะคะ แล้วหนูก็คิดว่าเหมาะกับคุณด้วย เพราะคุณเลี้ยงดูอีหนูอยู่”
หญิงสาวพูดตามสิ่งที่เธอคิด และอีกอย่างเธอก็ได้ยินคำเรียกแทนเหล่านี้จากอีหนูของบิดาอยู่บ่อยๆ
‘น่ารักกับผีนะสิ’
คลินท์สบถในใจอย่างหัวเสีย เพราะไม่ว่ายังไงเจ้าหล่อนก็ไม่ยอมเข้าใจเขาสักที
“สรุปจะไม่เลิกเรียกแบบนี้ใช่ไหม”
“ไม่คะป๋า หนูจะเรียกป๋า…ว่าป๋า ป๋า ป๋า”
หญิงสาวบอกเสียงหนักเรียกชื่อที่เธอตั้งให้ซ้ำๆ เพื่อเป็นการยืนยันชัด ใบหน้างามเชิดขึ้นเผชิญหน้าขณะที่ดวงตากลมโตสวยสบประสานกับนัยน์ตาคมสีบรอนซ์ของอีกฝ่ายแน่วนิ่งอย่างไม่เกรงกลัว ทั้งที่เขาอยู่ในฐานะนายจ้าง ส่วนเธอเป็นเพียงอีหนูของเขาก็ตามที
“เด็กดื้อ ผมไม่เคยเจอคนที่ทำตัวเป็นเด็กๆและดื้อเท่าคุณมาก่อนเลย ให้ตายเถอะ!”
คลินท์สบถออกมาอย่างหงุดหงิด เขาอยากจะกุมขมับเมื่อเจอความดื้อของอีกฝ่าย
‘นี่ฉันคิดถูกหรือคิดผิดที่เลือกเด็กอย่างเธอมาเนี่ย!’
เบนลีที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่เงียบๆถึงกับต้องลอบขำท่าทางกลุ้มอกกลุ้มใจของเจ้านาย ทำงานด้วยกันมาหลายปีไม่เคยเห็นนักธุรกิจผู้เฉียบขาด และออกคำสั่งกับคนไปทั่ว ต้องกลายมาเป็นฝ่ายรับและยอมทำตามแทน แถมยังเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆเสียด้วยสิ
นี่ถ้าเป็นคนอื่นคงถูกจับโยนออกไปแล้ว แต่เพราะเป็นเธอถึงยังได้นั่งต่อล้อต่อเถียงกับเจ้านายหนุ่มของเขาต่อได้ เบนลีเองก็ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะเธอสวยน่ารักสะดุดตา หรือเพราะเธอเป็นเด็กกันแน่ เจ้านายถึงได้ดูใจเย็นกับเธอมากกว่าสาวๆคนอื่นๆที่เคยพูดคุยด้วย แต่ที่แน่ๆเธอคนนี้สามารถทำให้สิงห์ร้ายผู้ไม่เคยยอมใครอ่อนให้ได้ก็ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ
‘แค่นี้แค่น้ำจิ้มค่ะ แล้วป๋าจะรู้ว่าหนูดื้อได้มากกว่านี้อีก’
คิดแล้วก็ต้องหัวเราะคิกออกมาด้วยความรู้สึกสนุก แต่แล้วก็ต้องรีบดึงสติกลับมาเมื่อรู้สึกว่าสายตาคมกริบของคนตรงหน้ากำลังจ้องเธอนิ่งเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ พลอยไพลินปรับสีหน้าให้เรียบทันทีกลัวเขาเปลี่ยนใจจับเธอโยนออกไปจริงๆ
“พร้อมแล้วใช่ไหม ไปกันได้แล้ว”
จู่ๆเสียงทุ้มก็เอ่ยถามพร้อมกับลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก้าวยาวๆเดินมาฉุกแขนเล็กให้ลุกขึ้นจากเก้าอี้ พลอยไพลินทำตามอย่างว่าง่าย แต่เมื่อได้ยืนเคียงข้างเขาแล้วทำให้เธอตระหนักรับรู้ว่าตัวเองนั้นสูงถึงแค่ไหล่เขาเท่านั้น เพราะแบบนี้เธอเลยรู้สึกตัวเล็กไปอย่างถนัด
“ตามผมมา”
เสียงทุ้มเรียกสติหญิงสาวพร้อมจูงมือเล็กให้เดินตามออกจากร้าน พลอยไพลินก้าวตามต้อยๆราวกับเด็กน้อยที่ถูกผู้ปกครองเดินจูงมืออย่างว่าง่ายก่อนจะถูกพามาขึ้นรถตู้คันใหญ่สีดำสนิทซึ่งมีคนขับรถเปิดประตูรออยู่ก่อนแล้ว
ราวๆสามสิบนาทีรถตู้คันใหญ่ก็เลี้ยวเข้ามาจอดหน้าคอนโดหรูใจกลางเมือง พลอยไพลินถูกพาเข้ามาในตึกสูงเพื่อไปชั้นคอนโดที่อยู่บนสุดของตึก ส่วนกระเป๋าเดินทางใบใหญ่มีชายชุดดำที่มาจากไหนไม่รู้มาลากตามเข้ามาในลิฟต์ ส่วนอีกคนก็ทำหน้าที่กดปุ่มลิฟต์ชั้นเป้าหมายอย่างรู้งาน
พลอยไพลินขมวดคิ้วเข้าหากัน ดวงตากลมโตกวาดมองชายฉรรจ์ทั้งสองในชุดสูทสีดำเนียบซึ่งการแต่งตัวของเขาไม่ต่างจากเบนลีเท่าไหร่ จะต่างก็ตรงที่ชายทั้งสองมีเครื่องมือ อุปกรณ์สื่อสารเป็นหูฟังสีดำเล็กๆติดไว้ที่หู ราวกับเตรียมพร้อมรายงานและสื่อสารข้อมูลตลอดเวลา แต่ก่อนที่จะได้ถามอะไรออกไป ดูเหมือนคนตัวใหญ่จะรู้ความคิดเธอ เลยชิงตอบข้อสงสัยให้กระจ่าง
“ตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป สองคนนี้จะเป็นการ์ดส่วนตัวของคุณ เขาจะทำตามคำสั่งและคอยปกป้องคุณจากกลุ่มคนที่ตามล่าคุณ”
‘กลุ่มคนที่กำลังตามล่าฉันงั้นเหรอ’
แวบแรกพลอยไพลินรู้สึกตกใจกับคำบอกเล่าของเขา แต่ต่อมาเธอก็ต้องลอบถอนหายใจเมื่อนึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้เธอให้วาววาระบุลงไปในข้อมูลของเธอว่า ต้องการการคุ้มครองและปกป้องจากบุคคลบางกลุ่ม ซึ่งบุคคลที่ว่านั่นก็คือลูกน้องของบิดานั่นเอง ซึ่งเธอไม่รู้หรอกว่าบิดาของเธอจะให้ลูกน้องมาตามเธอกลับไปหรือเปล่า เพียงแต่อยากกันไว้ดีกว่าแก้ก็เท่านั้นเอง
“ขอบคุณค่ะป๋า”
พลอยไพลินจงใจเงยหน้ากล่าวขอบคุณด้วยเสียงหวาน
“เปลี่ยนจากคำขอบคุณเป็นเรียกผมใหม่ดีกว่าไหม ขอเป็นชื่อของผมเอง”
“เห็นจะไม่ได้หรอกค่ะป๋า เพราะหนูชอบเรียกแบบนี้ ป๋าคะ ป๋าขา เรียกบ่อยๆเดี๋ยวป๋าก็ชินเองแหละ”
พลอยไพลินบอกกับชายหนุ่มด้วยน้ำเสียงสนุกสนาน ระบายยิ้มด้วยความชอบใจ โดยไม่สนใบหน้าบึ้งตึงของอีกฝ่าย
‘ไม่มีทาง ฉันไม่มีทางชินเด็ดขาด!’
คลินท์เถียงในใจ เพราะตระหนักได้ว่าตัวเองนั้นอายุมากกว่า และเป็นผู้ใหญ่กว่า ฉะนั้นเขาไม่ควรเถียงกับเธอต่อหน้าลูกน้อง ไม่งั้นจะถูกมองเป็นเด็กๆไปอีกคน และดีไม่ดีลูกน้องอาจจะไม่เกรงกลัวเขาเท่าที่ควร