ครึ่งชั่วโมงต่อมา
พลอยไพลินถูกพามายังร้านอาหารหรูแห่งหนึ่ง ซึ่งถูกแบ่งออกเป็นโซนอย่างเป็นสัดเป็นส่วน แต่ละโต๊ะถูกจัดเข้ามุมของร้าน เว้นระยะห่างให้ความเป็นส่วนตัวกับแขกที่มาใช้บริการ
“จ้องหน้าผมขนาดนี้มีปัญหาอะไรงั้นเหรอ”
เสียงทุ้มหนักจนเกือบจะกลายเป็นเข้มห้วนเอ่ยถามด้วยภาษาไทยชัดถ้อยชัดคำ ทำให้คนตรงหน้าที่เผลอจ้องใบหน้าหล่อเหลาสะดุ้งสุดตัวก่อนที่จะรู้สึกเสียววาบไปถึงสันหลังโดยไม่รู้ตัวจนหัวใจดวงน้อยแทบหยุดเต้นไปชั่วขณะ
“เอ่อ…ปะ…เปล่าค่ะ ขอโทษที่เสียมารยาท”
พลอยไพลินเอ่ยขอโทษเสียงหลงก่อนที่จะรีบตั้งสติให้กลับมาอย่างรวดเร็ว หลังจากที่สูญเสียความเป็นตัวเองไปชั่วขณะเมื่อพบหน้าลูกค้าหรือว่าเสี่ยที่เธอแอบจินตนาการถึงตลอดทั้งคืน
‘แม่เจ้าโว้ย…นี่ฉันไม่ได้ตาฝาดไปใช่ไหม เสี่ยอะไรจะรูปหล่อปานเทพบุตรขนาดนี้ ไม่สิ…เทียบกับเทพบุตรดูจะหล่อน้อยไป เพราะหน้าตาแบบนี้นี่ต้องเรียกว่าหล่อโคตรเทพเลยต่างหาก’
แม้จะพยายามตั้งสติเต็มที่แล้ว แต่ก็มิวายแอบฟุ้งซ่านอยู่ดีหรือถ้าจะพูดให้ถูกคือมันเลิกฟุ้งซ่านไม่ได้ต่างหาก เพราะบุรุษหนุ่มรูปงามตรงหน้ามีเสน่ห์ดึงดูดรุนแรงชนิดที่ลอยวนเวียนอยู่ในหัวจนสลัดทิ้งออกไปเท่าไหร่ก็ไม่ยอมหลุดไปสักที เป็นครั้งแรกที่พลอยไพลินรู้สึกแบบนี้กับเพศตรงข้ามและเป็นความรู้สึกที่เธออยากจะกลั้นใจตายเสียให้ได้เมื่อคิดว่าอีกฝ่ายมีปัญหาเรื่องสุขภาพ
เพราะทีแรกที่เธอกับไข่มุกคาดไว้มีแค่สองเรื่องหลักๆด้วยกันคือ หนึ่งเขาต้องแก่มากๆจนไม่มีแรงทำเรื่องอย่างว่า ข้อสองเขาต้องเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ และเมื่อพบตัวจริงเสียงจริงพลอยไพลินสามารถตัดข้อแรกทิ้งไปได้เลย เหลือไว้เพียงข้อที่สอง
‘ทำไมชีวิตคุณถึงได้อาภัพนักนะ เกิดเป็นชายมีรูปร่างหน้าตาหล่อเหลาปานเทพบุตร ดวงตาก็แสนจะคมกริบชนิดที่สามารถพิฆาตนารีได้ตั้งแต่แวบแรกที่ได้สบตา แต่นกเขากลับไม่ขันเสียอย่างนั้น ช่างน่าสงสารอะไรอย่างนี้’
“ผมอยากให้คุณทำความเข้าใจกับเอกสารข้อตกลงระหว่างเราอย่างละเอียด ถ้ามีปัญหาอะไรช่วยแจ้งก่อนที่จะเริ่มงานจริง”
คลินท์ บอกด้วยน้ำเสียงเรียบ เช่นเดียวกับใบหน้าเรียบขรึมไม่บ่งบอกอารมณ์ความรู้สึกใดใดออกมา
‘หล่อ เข้ม บาดใจ’
นี่เป็นสามคำที่พลอยไพลินให้กับชายหนุ่มในใจตั้งแต่แว๊บแรกที่เจอ ไม่ว่าเธอจะคิดอะไรก็มักจะเก็บซ่อนความรู้สึกเอาไว้ไม่อยู่ โดยเฉพาะปฏิกิริยาที่ปรากฏชัดบนใบหน้างาม
“รับทราบค่ะป๋า”
เสียงหวานรับคำพร้อมดึงเอกสารตรงหน้ามาเปิดอ่านอย่างตั้งอกตั้งใจ โดยที่เธอไม่รู้เลยว่าคำเรียนแทนของตัวเองจะไปกระตุกต่อมอารมณ์ข้างในของอีกฝ่ายให้ขุนมัว
‘ป๋า..งั้นเหรอ’
คลินท์หรี่ตาจ้องคนตัวเล็กตรงหน้านิ่ง ชื่อก็มีให้เรียกอยู่แล้วแต่เจ้าหล่อนดันตั้งชื่อให้ใหม่ แถมเป็นชื่อที่ฟังแล้วรู้สึกไม่ชอบใจเลยสักนิด ป๋า…ฟังยังไงก็เหมือนเขาเป็นตาเฒ่าหัวงู หื่นกาม มีรสนิยมชอบพรากผู้เยาว์ยังไงชอบกล
แต่ยังไม่ทันได้ต่อว่าอะไรเจ้าหล่อนก็เงยหน้าขึ้นมาโวยวายเสียก่อน
“1.ให้เชื่อฟังคำสั่งและทำตามคำสั่งโดยไม่มีข้อโต้แย้งใดใดทั้งสิ้น
2.ห้ามก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวและเรื่องงานโดยเด็ดขาด!
3.ห้ามทำในสิ่งที่นอกเหนือคำสั่ง
4.ห้ามถามอะไรที่ไม่จำเป็น
5.ห้ามแสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ
ข้อสุดท้าย ห้ามตกหลุมรักโดยเด็ดขาด! (ถ้าทำผิดกฎข้อใดข้อหนึ่งสัญญาจะถูกยกเลิกทันที)”
พลอยไพลินสบตากับชายหนุ่มขณะที่ทวนกฎแต่ละข้อให้ฟังเสียงดังลั่น พร้อมทำตาโตไม่น่าเชื่อ ทำเอาคนที่กำลังอยู่ในอาการกรุ่นโกรธนิ่งงันไปครู่
“กฎข้อห้ามเยอะขนาดนี้ทำไมป๋าไม่จ้างหุ่นยนต์มาทำงานเลยละคะ รับรองทำตามกฎที่ป๋าตั้งได้ทุกข้ออย่างแน่นอน”
เสียงหวานเต็มไปด้วยการประชดประชัน ไม่ต่างจากใบหน้างามที่ทำหน้ายียวนใส่เจ้าของกฎ ทั้งที่บอกกับตัวเองว่าจะทำตัวดีๆ ไม่สร้างปัญหา แต่เพราะการที่ถูกตามใจมาตลอดทำให้เผลอหลุดความเป็นตัวของตัวเองออกมาจนได้
และแน่นอนว่าตอนนี้คลินท์เองก็เริ่มหมดความอดทนกับเธอแล้วเหมือนกัน เพราะเสียงคำรามที่หลุดลอดออดมาจากไรฟันทำเอาคนฟังถึงกับสะดุ้งสุดตัว
“นิลิน!”
อย่าว่าแต่หญิงสาวเลย แม้แค่เบนลีเลขาส่วนตัวที่ยืนอยู่ข้างๆก็พลอยเสียวสันหลังวาบๆไปด้วย เพราะงานนี้เห็นทีสาวเจ้าต้องถูกโยนออกจากร้านก่อนที่จะได้เริ่มงานเป็นแน่
“หนู…หนูแค่พูดตามความจริง เพราะกฎที่ป๋าตั้งไม่มีใครคนไหนทำได้หรอก ทุกคนมีสิทธิ์คิดและตัดสินใจเอง ถึงป๋าจะมีอำนาจเงินแค่ไหนก็ไม่สามารถควบคุมคนอื่นได้ โดยเฉพาะความรู้สึก”
ตอนแรกที่เหมือนจะเกรงกลัว แต่พอได้ว่าแล้วหญิงสาวก็ร่ายยาวถึงความเป็นจริงให้เขาฟัง เพราะอย่างน้อยเขาจะได้รู้ว่าเขาไม่ควรกดขี่มนุษย์ด้วยกันด้วยอำนาจเงิน
หลังร่ายจบพลอยไพลินก็เหมือนจะรู้ถึงอนาคตของตัวเอง หญิงสาวจิกเล็บลงบนหลังมือพร้อมหลับตาปรี่ได้แต่ภาวนาให้บุญกุศลที่เคยทำมาปกป้องเธอจากคำพูดเมื่อกี้นี้ด้วย เพราะหากเขาโกรธถึงขีดสุดแล้วจับเธอโยนออกไป มีหวังพ่อของเธอได้หัวเราะเยาะเธอแน่
ส่วนเบนลีที่เตรียมตัวรับคำสั่งต่อไปที่จะตามมานั่นก็คือ
‘เอาตัวเธอออกไปให้พ้นๆหน้าฉันซะ!’
แต่เขาคาดผิด เพราะนอกจากจะไม่ได้รับคำสั่งนั้นจากเจ้านายหนุ่มแล้ว ยังได้ยินน้ำเสียงเรียบที่เอ่ยถามหญิงสาวขึ้นมาแทน
“แล้วคุณต้องการอะไร”
สิ้นเสียทรงอำนาจ ดวงตาคู่สวยก็ลืมตาขึ้นพร้อมจ้องใบหน้าหล่อเหลาแล้วกระพริบตาถี่ๆเหมือนไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองสักเท่าไหร่ แต่เมื่อเห็นท่าทางนิ่งขรึมจริงจังยืนยันชัดว่าเขาไม่ได้พูดเล่น หญิงสาวก็เริ่มพูดถึงความต้องการของตนเอง
“หนูไม่อยากทำตามกฎของป๋า ยกเว้นข้อสุดท้าย ถ้าหนูหลงรักป๋าขึ้นมาจริงๆหนูจะเดินออกจากชีวิตของป๋า โดยที่ป๋าไม่ต้องเอ่ยปากไล่เลย”
“ตกลงตามนี้”
กล่าวจบคลินท์ก็ดึงเอกสารในมือของหญิงสาวมาฉีกทิ้งก่อนจะโยนลงขยะใต้โต๊ะอย่างไม่ใยดี
‘ตกลงตามนี้งั้นเหรอ’
ดวงตากลมโตเบิกกว้างทวนคำของชายหนุ่มในใจ พร้อมกับมองการกระทำของเขาอย่างอึ้งๆ จนเผลออ้าปากค้างอย่างไม่รู้ตัว
“เอ่อ…”
“ผมทำตามที่คุณต้องการแล้ว มีปัญหาอะไรอีกไหม”
เสียงทุ้มเอ่ยถามเรียกสติของพลอยไพลินให้กลับคืนมา หญิงสาวส่ายหน้าพลางระบายยิ้มสดใจออกมาอย่างพอใจ
‘หล่อ แล้วยังใจดีอีก แบบนี้สงสัยต้องระวังหัวใจเอาไว้มากๆแล้วยายพลอย อยู่ใกล้นานๆเกรงจะตกหลุมรัก’
“ไม่ค่ะ หนูไม่มีปัญหาอะไร”
พลอยไพลินปฏิเสธ พร้อมเก็บความประทับใจเอาไว้ในส่วนลึกของหัวใจ ไว้เธอจะไปเล่าให้ไข่มุกเพื่อนสาวฟังที่มหาวิทยาลัยแล้วกัน คลินท์เหยียดยิ้มที่มุมปากอย่างพอใจเมื่อสาวน้อยไม่มีปัญหาอะไรอีก จากนี้ไปเป็นอันว่าทำสัญญาปากเปล่าเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อย