พลอยไพลินปิดแฟ้มเล่มหนาพร้อมกับวางมันลงบนโต๊ะตรงหน้าก่อนจะเงยหน้าถามเบนลีในเรื่องที่เธอยังสงสัยอีกข้อ
“คุณเบนลีคะ ฉันขอถามอะไรคุณอีกอย่างได้ไหมคะ”
เสียงหวานเอ่ยขึ้นพร้อมกับทำสีหน้าอึดอัดเล็กน้อย
“คุณนิลินมีอะไรจะถามผมเหรอครับ”
เบนลีย้อนถามด้วยความสงสัยขณะที่รอฟังคำถามอย่างใจจดใจจ่อ เขายอมรับว่าไม่เคยพบเคยเจอผู้หญิงที่ขี้สงสัยเท่านี้มาก่อน เธอช่างพูดช่างถามไปเสียทุกเรื่อง แต่กระนั้นเขาก็ไม่รู้สึกเบื่อหน่ายกับการตอบคำถามของเธอเลยสักนิด ตรงกันข้ามเขากลับรู้สึกชอบที่จะได้สนทนากับเธอ เพราะเธอไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่นที่สนใจเพียงเรื่องข้าวของเงินทองที่จะได้รับจากเจ้านายของเขาเท่านั้น ต่างจากเธอคนนี้ที่ไม่เคยถามถึงเรื่องเงินทองหรือค่าตอบแทนที่จะได้รับเลยสักคำ
“ครั้งแรกที่เอเจนซี่ติดต่อมาบอกว่าในสัญญาป๋าระบุไว้ว่าไม่ต้องการมีสัมพันธ์ลึกซึ้ง ฉันหมายถึงไม่ต้องการมีเซกส์อะค่ะ ตอนนั้นฉันคิดว่าป๋าแก่มากเลยไม่มีแรงทำเรื่องอย่างว่า แต่พอฉันเห็นตัวจริงเลยตัดข้อนั้นทิ้งไป จะเหลือก็แต่…ป๋าไม่มีอารมณ์กับเรื่องอย่างว่า ฉันเข้าใจถูกไหมคะ”
ที่ถามออกไปแบบนั้นเพราะเธออยากจะมั่นใจก่อนจะเริ่มงาน ถ้าหากเป็นแบบนั้นจริงก็แสดงว่าหน้าที่ของเธอนอกจากจะดูแลเขาแล้ว ยังต้องหาวิธีทำให้เขากลับมามีสุขภาพแข็งแรงอีกด้วย เพราะงั้นจะได้หาข้อมูลถูกเพื่อพาเขาไปรักษาได้ถูกทาง
พลอยไพลินปฏิญาณกับตนเองแล้วว่าจะไม่ยอมให้คนที่มีรูปร่างหน้าตาหล่อเหลาอย่างป๋าสูญพันธุ์ไปจากโลกนี้เด็ดขาด คนอย่างป๋าจะต้องหลงเหลือเชื้อพันธุ์ไว้เป็นอาหารตาให้กับกลุ่มชะนีเก้งกวางให้กระชุ่มกระชวยหัวใจเล่นๆ ถึงไม่ได้ครอบครองแต่แค่ได้มองก็ทำให้มีกำลังใจลุยงานได้อีกเยอะ เพราะเธอพิสูจน์มาแล้วด้วยหัวใจตัวเอง
เบนลีมองหน้าเจ้าของคำถามด้วยสายตานิ่งอึ้งปนขบขัน เพราะไม่คิดว่าหญิงสาวจะถามมาตรงๆแบบนี้ เขาไม่เคยคิดเลยว่าในสัญญาที่เจ้านายสั่งให้เขาระบุลงไปจะทำให้เธอเข้าใจผิดคิดไปไกลถึงเพียงนี้ ทั้งที่จุดประสงค์ที่แท้จริงของสัญญาข้อนี้คือ เจ้านายของเขาไม่ต้องการมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับผู้หญิงที่จ้างมาอยู่ด้วยเพราะกลัวพวกเธอจะหลงรักและติดใจเขาจนไม่สามารถถอนตัวได้เมื่อสิ้นสุดสัญญา เพราะฉะนั้นผู้หญิงที่เจ้านายจ้างมาอยู่ด้วยเพื่อตบตามารดากับผู้หญิงที่ซื้อมาปลดปล่อยความใคร่เลยไม่ใช่กลุ่มเดียวกัน
“เอ่อ….”
เบนลีทำสีหน้าอึดอัดไม่รู้จะตอบคำถามนี้ยังไงดี เพราะเขาไม่แน่ใจว่าความเข้าใจผิดนี้จะส่งผลดีหรือผลเสียกับเจ้านายยังไง แต่เมื่อคิดดูแล้วน่าจะเป็นผลดีต่อเจ้านายมากกว่าเพราะไหนๆชายหนุ่มก็ไม่ต้องการจริงจังกับใครอยู่แล้ว ปล่อยให้เธอเข้าใจผิด เธอจะได้ไม่ต้องตั้งความหวังอะไรกับเจ้านายเขามาก
‘แต่ถ้าท่านรู้ว่าเธอคิดว่าท่านนกเขาไม่ขัน อยากรู้จริงว่าท่านจะทำยังไง เพราะแบบนี้มันดูถูกความเป็นชายกันชัดๆ’
นั่นเป็นสิ่งที่เบนลีคิดในใจจนต้องลอบยิ้มพร้อมกับเมินไปทางอื่น ไม่กล้าหันมาสบตากับดวงตากลมโตของหญิงสาวตรงหน้า
“เอ่อ…ไม่เป็นไรค่ะคุณเบนลี อันที่จริงฉันไม่ควรถามแบบนี้ ขอโทษด้วยที่ถามคำถามเสียมารยาทไปแบบนั้นกับคุณ”
พลอยไพลินกล่าวขอโทษอีกฝ่ายเมื่อรู้ตัวว่าทำตัวเสียมารยาท เพราะเรื่องส่วนตัวแบบนี้คงเป็นเรื่องน่าอายสำหรับผู้ชาย คงไม่มีใครอยากป่าวประกาศให้คนอื่นรู้ไปทั่วว่าตัวเองนั้นมีปัญหากับเรื่องอย่างว่า
แค่เห็นท่าทางอึดอัดของเบนลีเธอก็พอจะเดาคำตอบได้แล้ว แต่ก็แอบชื่นชมเบนลีที่ไม่ยอมเผยความลับของเจ้านายให้ใครรู้ ลูกน้องแบบนี้สินะที่เขาเรียกว่าซื่อสัตย์
“ไม่เป็นไรครับ”
“ถ้าอย่างนั้นฉันขอเข้าไปพักผ่อนในห้องก่อนนะคะ”
พลอยไพลินเอ่ยก่อนจะขอตัวเข้าห้องนอน เพราะเธอไม่รู้จะทำอะไร เมื่อชายหนุ่มทำงานอยู่ในห้องทำงานไม่รู้ว่าจะเสร็จงานเมื่อไหร่
“เชิญตามสบายครับคุณนิลิน”
เมื่อเข้ามาอยู่ในห้องตามลำพังพลอยไพลินก็วีดีโอคอลหาไข่มุกเพราะมีเรื่องอยากจะเม้าส์มอยกับเพื่อนสาวถึงเรื่องราวที่เธอได้พบเจอ
‘เป็นไงบ้างยายพลอย เจอเสี่ยหรือยัง’
ทันทีเปิดกล้องวีดีโอไข่มุกก็ถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น พร้อมตั้งหน้าตั้งตารอฟังอย่างใจจดใจจ่อ
‘เจอแล้ว เสี่ยตัวจริงหล่อมาก แถมยังอายุน้อยแค่สามสิบห้า ดูไม่แก่เลยสักนิด’
พลอยไพลินตอบเพื่อนสาวตามความเป็นจริงที่เธอเห็นและข้อมูลที่ได้รับ แต่อีกฝ่ายกลับหรี่ตาลงพร้อมขมวดคิ้วแสดงถึงความไม่เชื่อในคำพูดเธอสักเท่าไหร่
‘แกอำฉันเล่นหรือเปล่ายายพลอย เสี่ยที่ไหนจะหนุ่มและหล่ออย่างที่แกว่ากัน ส่วนใหญ่ก็มีแต่แก่ๆหนังเหี่ยวๆทั้งนั้นแหละ’
‘จริงๆนะ ฉันไม่ได้พูดเล่น’
‘แล้วไหนล่ะหลักฐาน ส่งรูปมาให้ดูหน่อยสิ’
‘ไม่มี ป๋าขี้เก๊กมาก เข้าถึงตัวยากชะมัด แถมไม่ยอมให้ถ่ายรูปด้วย’
พูดถึงชายหนุ่มแล้วพลอยไพลินต้องทำหน้ามุ่ยด้วยความผิดหวัง ตอนแรกเธอก็ไม่คิดว่าจะขอถ่ายรูปเขายากขนาดนี้ รูปหล่อเหลาขนาดนั้นแบ่งๆกันดูก็ได้ ไม่รู้จะหวงตัวทำไมนักหนา
‘เหตุผลแบบนี้ฟังไม่ขึ้นเลยนะแก ฉันรู้หรอกน่าว่าแกกำลังปลอบใจตัวเองอยู่ใช่ไหม ฉันบอกแล้วไงว่าให้ถอนตัวแกก็ดื้อไม่ยอมฟัง นี่ถ้าแกโดนเสี่ยหื่นกามนั่นปล้ำขึ้นมา ฉันช่วยอะไรแกไม่ได้หรอกนะ’
‘ไม่มีทาง!’
‘นั่นไง ถ้าเป็นไปไม่ได้แล้วทำไมต้องทำหน้าแบบนั้นล่ะยายพลอย หรือว่าไอ้เสี่ยนั่นมันจับเธอปล้ำแล้ว’
ไข่มุกตาโตเมื่อมโนสิ่งที่เพื่อสาวได้เผชิญมาก่อนหน้านี้ จู่ๆก็รู้สึกเป็นห่วงเมื่อเห็นสีหน้าของเพื่อนสาวดูไม่ค่อยดี เพราะตอนนี้ใบหน้างามของเพื่อนสาวเหมือนคนกำลังอมทุกข์
‘บ้า! เขาไม่ทำแบบนั้นหรอก ฉันยังโสดและซิงค่ะเพื่อน’
พลอยไพลินต่อว่าเพื่อนสาวก่อนจะส่งค้อนให้ทีหนึ่ง พร้อมยืนยันสถานะตัวเองชัดเจน
‘แล้วทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ ถ้าโสดและซิงแกควรจะดีใจสิไม่ใช่มาทำหน้าเหมือนผิดหวังแบบนี้’
‘ก็จะไม่ให้ผิดหวังได้ยังไงล่ะ เจอคนหล่อทั้งทีแต่ดันนกเขาไม่ขัน นี่ก็เท่ากับว่าโลกเราจะต้องสูญเสียมนุษย์สายพันธุ์หล่อเหลาไปอีกหนึ่งสายพันธุ์เลยนะแก’
‘นี่เพื่อนฉัน…พูดเหมือนเสียดายเขามากเลยนะเนี่ย’
‘ก็เสียดายแทนชะนีทั่วโลกนั่นแหละ’
‘งั้นแกก็ช่วยกู้โลกหน่อย ทำยังไงก็ได้ให้เขากลับมาขัน’
เมื่อเห็นสีหน้าเหมือนคนหมดอาลัยตายอยากของเพื่อน ไขมุกก็ต้องส่ายหน้าไปมา ไม่รู้ว่าเพื่อนพูดจริงหรือพูดเล่นกันแน่ แต่ด้วยกันที่สองคนสนิทกันมาก เธอเลยช่วยต่อมุขให้ไหลไปข้างหน้า เผื่อว่าเพื่อนสาวจะรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง
‘ยากหน่อยนะ แต่จะลองดู’
พลอยไพลินแบ่งรับแบ่งสู้พลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ เมื่อคิดถึงหนทางมืดมิดนั้น
‘เห็นเธอทำหน้าเครียดๆแบบนี้ฉันไม่สบายใจเลย เราไปช้อปปิ้งดูหนังฟังเพลงให้ผ่อนคลายดีไหม’
ไขมุกเอ่ยชวนเพื่อนสาวแล้วก็ได้ผล เพราะใบหน้างามแสนเศร้าเมื่อกี้นี้ยิ้มกระจ่างเมื่อได้ยินคำว่าหนัง แน่นอนว่าการดูหนังเป็นสิ่งที่เธอชื่นชอบเป็นพิเศษ ถ้าไม่นับการเดินชอบปิ้งแล้วงานอดิเรกอีกอย่างของพลอยไพลินก็คือการดูหนังนั่นเอง
‘เอาสิ แต่ช่วงนี้ไม่มีเงินติดตัวสักบาทเลย เดี๋ยวฉันจะลองไปขอป๋าดูก่อนนะ’
‘เอาของฉันไปก่อนก็ได้’
‘ไม่เอาเหรอ ฉันไม่อยากรบกวนแก’
พลอยไพลินปฏิเสธรับความช่วยเหลือจากเพื่อนสาว เพราะถึงแม้ทั้งสองจะสนิทกันมาก แต่พลอยไพลินก็รู้ดีว่าเพื่อนสาวไม่ได้มีฐานะร่ำรวยอะไร แถมยังเป็นเด็กทุนอีกด้วย เพราะฉะนั้นเธอเลยไม่อยากรบกวนไข่มุกสักเท่าไหร่
“จ้าเพื่อนรัก ถ้ายังไงโทรมาบอกด้วยนะ”
“จ้า…บ๊าย”