“นี่แกคิดบ้าอะไรอยู่เนี่ยพลอย ทำอะไรทำไมไม่ปรึกษาฉันก่อน”
ไข่มุกโวยวายเพื่อนสาวด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล เมื่ออีกฝ่ายบอกเล่าเรื่องที่จะไปเป็นอีหนูของเสี่ยเพื่อประชดบิดา เพราะวิธีที่เพื่อนสาวเลือกใช้ดูไม่ฉลาดเอาเสียเลย และแน่นอนว่าเธอเองก็ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง
“ก็ตอนนั้นฉันคิดอะไรไม่ออกนี่ คิดแต่ว่าจะเอาชนะป๊ายังไงดี”
“แต่แกก็ไม่ควรเลือกวิธีนี้ป่าววะเพื่อน”
“เปลี่ยนใจตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว ดูเวลาสิ อีกห้านาทีก็ถึงเวลานัดหมายแล้วเนี่ย”
พลอยไพลินบอกกับเพื่อนสนิทด้วยสีหน้าที่กังวลไม่ต่างกัน เพราะตลอดทั้งคืนที่ผ่านมาเธอก็กังวลเรื่องนี้มากอยู่เหมือนกัน เธอรู้อยู่แล้วว่าถ้าเล่าเรื่องนี้ให้ไข่มุกฟังเธอต้องไม่เห็นด้วยแน่ๆ เพราะทั้งสองเป็นเพื่อนกันมานานตั้งแต่สมัยเรียนประถม ความผูกพันใกล้ชิดสนิทสนมจึงมีมากกว่าเพื่อนคนอื่นๆ
“แต่แกต้องคิดดูให้ดีดีนะ นั่นมันอนาคตของแกเลยนะพลอย แล้วแกทำใจได้เหรอที่ต้องไปอยู่กับผู้ชายแก่ๆ พุงย้อยๆ แถมยังไม่รู้อีกว่าจะมีรสนิยมแปลกๆด้วยหรือเปล่า”
พูดถึงชายที่ว่าแล้วไข่มุกก็ทำท่าขนลุก จนพลอยไพลินเริ่มรู้สึกใจคอไม่ค่อยดี แต่ก็ยังรู้สึกใจชื้นขึ้นบ้างเมื่อคิดถึงสัญญาที่เอเจนซี่ส่งมาให้เมื่อคืนโดยเฉพาะข้อที่ว่า ไม่ประสงค์มีสัมพันธ์เชิงลึกซึ้ง นั่นเป็นเหตุผลที่พลอยไพลินตอบตกลงรับงานนี้นั่นเอง
“ไม่ต้องห่วงหรอกในข้อตกลง ฉันไม่ต้องนอนกับเสี่ย แค่ไปเป็นอีหนูทำตามคำสั่งของเสี่ยก็พอ”
พลอยไพลินบอกด้วยความมั่นอกมั่นใจ แต่มันก็ยังไม่ช่วยให้ไข่มุกสบายใจขึ้นมาอยู่ดี
“เฮ้อ! แล้วแกแน่ใจได้ยังไงว่าไอ้เสี่ยนั่นมันจะไม่กลับคำพูด แกออกจะสาว สวย แถมยังซิงขนาดนี้ ผู้ชายหน้าไหนไม่อยากได้ก็บ้าแล้ว”
“ไม่มีทางหรอก เพราะถ้าเขาระบุว่าไม่ต้องการร่วมหลับนอนก็หมายความว่าเขาแก่มากจนไม่มีแรงทำเรื่องอย่างว่า หรือไม่ก็น่าจะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศแหละ ไม่งั้นคงไม่ระบุข้อตกลงไว้แบบนี้หรอก”
พลอยไพลินบอกกับเพื่อนด้วยความมั่นอกมั่นใจ แต่เมื่อได้ยินประโยคต่อมาของเพื่อน หญิงสาวถึงกับต้องขมวดหัวคิ้วชนกัน
“ถ้าเขาอาการหนักขนาดนั้น เขาจะจ้างอีหนูมาทำไม จ้างมาเป็นอาหารตาให้หัวใจกระชุ่มกระชวยเล่นๆงั้นเหรอ”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน”
ยิ่งพูดก็ยิ่งเครียด ยิ่งคิดก็ยิ่งกังวลใจ แต่จะให้หาทางออกในเวลาเพียงไม่กี่นาทีก็เห็นจะไม่ทันการเสียแล้ว เพราะตอนนี้รถตู้สีดำมันปลาบคันใหญ่แล่นมาจอดสนิทลงตรงหน้าสองสาวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“นั่นไง มาถึงแล้วแก เอาไงดี”
ไขมุกจับมือเพื่อนสาวเขย่าราวกับเป็นเธอเสียเองที่ต้องขึ้นรถคันนี้ไป
“มันคงไม่มีอะไรเลวร้ายขนาดนั้นหรอกน่ามุก”
เสียงหวานบอกเพื่อนสาวแต่เหมือนต้องการจะปลอบใจตัวเองมากกว่า เมื่อชายร่างสูงสง่าในชุดสูทที่ดำเนี๊ยบเดินลงจากรถตู้ตรงมาหาสองสาว ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสุภาพ
“สวัสดีครับ ใช่คุณนิลินหรือเปล่าครับ”
“ใช่ค่ะ ฉะ…ฉันนิลินค่ะ”
พลอยไพลินตอบเสียงตะกุกตะกัก ในใจเต้นโครมครามด้วยความรู้สึกหวั่นๆขึ้นมา
“ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณนิลิน ผมเบนลีเป็นเลขาส่วนตัวของท่าน และได้รับคำสั่งให้มารับคุณนิลินครับ”
ชายฉกรรจ์ร่างสูงแนะนำตัวก่อนจะรายงานภารกิจให้เธอฟัง ท่าทีและน้ำเสียงสุภาพค่อยทำให้สองสาวคลายกังวลลงได้บ้าง
พลอยไพลินสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดก่อนจะตัดสินใจบอกลาเพื่อนสาว
“ฉันคงต้องไปแล้วนะมุก ไว้เจอกันที่มหาวิทยาลัยนะ”
“แกไม่เปลี่ยนใจแน่นะ”
“เอ่อน่า…มาให้กอดหน่อย”
พลอยไพลินดึงเพื่อนมากอดพลางตบไหล่เบาๆ สองสาวกอดกันด้วยความรักใคร่…ความเงียบปกคลุมบริเวณนั้นครู่ใหญ่ พร้อมกับความรู้สึกใจหายที่ก่อเกิดขึ้นลึกๆข้างในหัวใจดวงน้อยของพลอยไพลินราวกับรับรู้ว่าอีกไม่นานหลังจากนี้ชีวิตของเธอจะเปลี่ยนไปตลอดกาล
‘นี่แกไม่คิดจะเป็นห่วงตัวเองบ้างเลยหรือไง พลอย!’
ไขมุกได้แต่บ่นในใจเมื่อเพื่อนสาวตัดสินใจเด็ดเดี่ยว ไม่ยอมหันหลังกลับหรือคิดทบทวนใหม่อีกครั้ง
แม้อยากคัดค้านมากแค่ไหนก็ทำอะไรไม่ได้ เมื่อเพื่อนสาวตัดสินใจเดินขึ้นรถตู้คันใหญ่ ก่อนที่รถจะเล่นออกไป