ก๊อก ๆ ๆ
“เชิญ”
คลินท์ส่งเสียงเรียบอนุญาตเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูห้องทำงานดังขึ้น ทีแรกเขาเข้าใจว่าเป็นเบนลีเลขาคนสนิท แต่พอเงยหน้าขึ้นจากกองเอกสารแล้วพบกับร่างอรชรที่มายืนอยู่ตรงหน้า คิ้วดกก็เลิกขึ้นถามด้วยความสงสัย
“มีอะไร”
“หนูอยากมาขออนุญาตป๋าออกไปข้างนอกค่ะ”
“ก็ไปสิ ผมไม่ได้กักขังอิสระคุณนี่ อยากไปที่ไหนหรือทำอะไรก็ตามสบาย”
คลินท์บอกเสียงเรียบ เพราะข้อตกลงเบื้องต้นก็ถูกทำลายไปหมดแล้วเพราะฉะนั้นไม่ว่าเธออยากไปไหนหรือทำอะไรเขาจะไม่เข้าไปก้าวก่าย พอๆกับที่เขาไม่อยากให้เธอมาก้าวก่ายเรื่องงานและชีวิตส่วนตัวของเขา
‘ผู้ชายอะไรใจร้ายชะมัด ใจคอจะไม่ห่วงกันบ้างเลยหรือไง ยังไงฉันก็เป็นเด็กป๋านะ จะหวงหน่อยก็ไม่ได้ ชิ!’
พลอยไพลินคิดในใจอย่างหงุดหงิด จนเผลอแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมาขณะที่จ้องใบหน้าหล่อเหลานิ่ง
“มองหน้าผมมีปัญหาอะไรงั้นเหรอ”
“มีค่ะ ปัญหาใหญ่ซะด้วย”
“ว่ามาสิ ผมรอฟังอยู่”
“หนูไม่มีเงิน”
บอกไปอย่างไม่ต้องเสียเวลาคิด
‘ให้ตายเถอะ! นี่ยังไม่เริ่มงานก็เรียกร้องสิทธิ์แล้วเหรอแม่คุณ’
คลินท์สบถในใจพลางส่ายหัว แต่ก็มิวายเปิดลิ้นชักก่อนจะหยิบบัตรเครดิตมาวางลงบนโต๊ะตรงหน้าเธอพร้อมกับเอ่ย
“นี่บัตรเครดิตคุณ จะรูดเท่าไหร่ก็ได้ วงเงินไม่จำกัด”
ทันทีที่ฟังจบใบหน้างามที่บึ้งตึงก่อนหน้านี้แปรเปลี่ยนเป็นยิ้มร่าแทบจะทันที มือเล็กคว้าบัตรมาด้วยความรู้สึกตื่นเต้นจนเผลอหลุดกิริยาดีใจอย่างปิดไม่มิดราวกับเด็กน้อยที่ได้รับขนมหวาน
“ไม่จำกัดวงเงินเหรอ ป๋าใจดีเกินไปหรือเปล่า ถ้าถูกหนูปล้นไม่รู้ด้วยนะ”
เสียงใส่เอ่ยขณะมองบัตรด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ แต่แล้วใบหน้างามก็ต้องหุบยิ้มลงเมื่อเสียงเรียบเอ่ยต่อ
“แต่ถ้าใช้เกินความจำเป็นจะตัดวงเงินออก”
“อ้าวก็ไหนว่าไม่จำกัดวงเงินไง ป๋าหลอกเด็ก”
พลอยไพลินต่อว่าคนตัวใหญ่ด้วยใบหน้างอง้ำ จนทำให้คนที่ถูกต่อว่าต้องลอบยิ้มด้วยความเอ็นดู แต่ก็ต้องรีบปรับสีหน้าให้เคร่งขรึมเหมือนเดิม เพื่อไม่ให้ถูกจับได้
“ก็ใครใช้ให้เด็กเจ้าเล่ห์ก่อนล่ะ”
“ก็ได้ งั้นหนูขอตัวก่อนนะคะป๋า แล้วจะรีบกลับนะ บายจุ๊บๆ”
พลอยไพลินยักไหล่พลางคิดไปว่ากำขี้ดีกว่ากำตด หญิงสาวเอ่ยลาเสียงใส แต่ก่อนไปก็ไม่ลืมที่จะส่งจูบให้ชายหนุ่มไปทีหนึ่ง โดยที่ไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าการกระทำของตัวเองนั้นจะเล่นงานหัวใจของอีกฝ่ายให้เต้นแรงขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
คลินท์ยกมือขึ้นมาจับหน้าอกตัวเองเมื่อร่างบางระหงเดินออกจากห้องทำงานไป ดวงตาคมกริบมองตามร่างงามจนประตูปิดลงด้วยความรู้สึกสับสน
‘เด็กบ้านี่ทำอะไรกับเรา ทำไมใจถึงได้เต้นแรงขนาดนี้วะ’
มันเป็นเรื่องแปลกที่เกิดขึ้นกับเขา เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกหวั่นไหวกับรอยยิ้มและท่าทางสดใสของผู้หญิง
‘นี่ฉันคงไม่ตกหลุมรักเจ้าหล่อนหรอกใช่ไหม’
นั่นเป็นคำถามที่เขายังไม่กล้าหาคำตอบให้ตัวเองตอนนี้ เพราะคลินท์ตระหนักไว้เสมอว่าเขาไม่ต้องการชีวิตคู่ในตอนนี้นั่นเอง
………………………………….
“ไอ้เสี่ยที่ยายพลอยไปอยู่ด้วยมันเป็นใคร ไปลากตัวมันมาให้ฉันเดี๋ยวนี้เลย!”
เสียงลอดไรฟันทรงอำนาจออกคำสั่งกับลูกน้องด้วยอารมณ์เดือดดาล หลังจากได้รับรายงานว่าลูกสาวสุดรักสุดหวงของเขาเพียงคนเดียวไปเป็นอีหนูของเสี่ยตามที่เธอได้ประกาศไว้ก่อนหน้านี้
ประกาศิตนักธุรกิจรุ่นใหญ่ เจ้าของสนามกอล์ฟหรูที่ใหญ่ที่สุดในเมืองเชียงใหม่ ผู้ไม่เคยเกรงกลัวใคร เพราะตนนั้นมีอำนาจเงินและอิทธิพลล้นเหลือ สามารถคุมลูกน้องเป็นร้อยให้อยู่ภายใต้บังคับบัญชาได้อย่างง่ายดาย ยกเว้นแก้วตาดวงใจเพียงคนเดียวที่เขาไม่สามารถควบคุมได้
เรื่องนี้จะโทษใครไม่ได้นอกจากโทษตัวเองที่เลี้ยงลูกมาแบบผิดๆหลังจากที่พลอยไพลินเสียมารดาไป เขาไม่เคยคิดว่าการตามใจลูกจนเคยตัวจะส่งผลร้ายเมื่อเจ้าหล่อนเติบโตขึ้น เพราะเมื่อเธอคิดอ่านเองเป็นก็ทำให้เขาไม่สามารถควบคุมลูกให้เชื่อฟังได้อีกต่อไป
หากมีเรื่องไหนที่ลูกสาวไม่เห็นด้วย เขาจะพยายามเลี่ยงเพื่อที่เขาและเธอจะได้ไม่มีปากเสียงหรือทะเลาะกัน แต่เมื่อพลอยไพลินเอาแต่ใจเกินไปเขาก็ไม่สามารถปล่อยไปได้อีก เพราะงั้นเขาเลยต้องทำในสิ่งที่ขัดใจลูกเพื่อให้เธอยอมเข้าอกเข้าใจคนอื่นบ้าง ไม่ใช่ยึดแต่ตัวเองเป็นศูนย์กลาง
และเรื่องที่ประกาศิตขัดใจลูกดูเหมือนจะเป็นเรื่องใหญ่มากๆ ซึ่งแน่นอนว่าพลอยไพลินต้องไม่ยอมเข้าใจและรับฟังแน่ แต่กระนั้นเขาก็ยังใจแข็งเพราะต้องการปรับเปลี่ยนนิสัยของลูกสาว กระทั่งวันที่หญิงสาวประกาศจะไปเป็นเด็กเสี่ยเพื่อประชดเขา ในตอนนั้นประกาศิตคิดว่าสามารถควบคุมเธออยู่โดยการตัดเส้นทางการเงินในทุกช่องทางเพื่อบีบให้ลูกสาวกลับบ้าน แต่ดูเหมือนเขาจะประเมินลูกสาวตัวเองต่ำไป เพราะนอกจากเธอจะไม่ยอมกลับบ้านแล้ว ยังทำอย่างที่ประกาศไว้อีกด้วย
‘งั้นป๊าก็คอยดูแล้วกัน แล้วป๊าก็ไม่ต้องให้ลูกน้องของป๊าไปตามพลอยกลับบ้านนะ เพราะพลอยจะไม่กลับเด็ดขาด!”
นั่นเป็นคำประกาศสุดท้ายก่อนที่ลูกสาวสุดที่รักจะก้าวออกจากคฤหาสน์หลังใหญ่โดยไม่คิดแม้แต่จะเหลียวหลังมองกลับมาอีกเลย
“เกรงว่า….เอ่อ”
คมสันลูกน้องคนสนิทที่กล่าวรายงานเอ่ยด้วยน้ำเสียงและท่าทางอึกอัก
“อะไร! เกรงว่าอะไร”
“เกรงว่าจะไม่ง่ายครับท่าน เพราะเสี่ยที่คุณหนูไปอยู่ด้วยเป็นนักธุรกิจค้ายาสูบรายใหญ่ของโลก แถมยังรวยติดอันดับโลกอีกด้วยนะครับท่าน”
หลังฟังลูกน้องรายงานจบ ประกาศิตต้องขมวดคิ้วยุ่งทันที ก็จริงอยู่ที่เขาไม่เคยเกรงกลัวผู้ใด หากแต่ครั้งนี้กลับก่อเกิดความกังวลขึ้นเล็กน้อย เพราะหากเป็นอย่างที่ลูกน้องรายงานมาจริง งานนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเสียแล้ว
“เอารูปมันมาให้ฉันดูหน่อย ถ้ารวยขนาดนี้ก็คงใกล้เข้าโลงแล้วสินะ แก่ขนาดนี้แล้วยังไม่หยุดหื่นอีก ไอ้บ้านี่!”
ด่าแล้วก็เหมือนจะเข้าตัวเอง แต่กระนั้นก็อยากจะระบายความแค้นกับมันนักที่บังอาจเอาลูกสาวสุดที่รักของเขาไปสร้างมลทินให้กับชีวิตเธอ
“ไม่มีรูปครับท่าน นอกจากคลินทร์ชื่อของเขาและธุรกิจที่เขาทำแล้ว ไม่มีข้อมูลอื่นๆของเขาในโซเชียลเลยครับ”
“แล้วมันไม่มีทางไหนเลยหรือไงที่จะเล่นงานมัน”
“อย่าว่าแต่เล่นงานเลยครับ แค่จะเข้าถึงตัวยังยากเลยครับท่าน ต้องเป็นคนพิเศษ หรือคนที่เขาต้องการพบเท่านั้นถึงจะเข้าถึงตัวได้ เขาระวังตัวมากเลยครับท่าน”
“โถ่เว้ย! แล้วถ้าฉันจะขอพบมันตัวต่อตัวล่ะ”
ประกาศิตสบถออกมาอย่างหัวเสีย แล้วถามลูกน้องด้วยใจที่เป็นนักเลงพอ ชีวิตนี้เขาไม่มีอะไรต้องห่วงนอกจากแก้วตาดวงใจ ไม่ว่ายังไงเขาต้องเอาลูกสาวกลับมาให้ได้
“แล้วผมจะดำเนินการติดต่อให้ครับ แต่ไม่แน่ใจว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหนถึงจะขอพบได้ ถ้าได้เรื่องแล้วผมจะรายงานอีกทีครับ”
“ฉันไม่มีความอดทนรอถึงวันนั้นหรอกนะ ขืนปล่อยเวลาให้ล่วงเลยผ่านไปนานขนาดนั้นลูกสาวของฉันจะเหลืออะไร ถ้าขอพบตัวไอ้เสี่ยนั่นไม่ได้ ก็ไปเอาตัวยายพลอยกลับมาให้ได้!”
ประกาศิตบอกก่อนจะออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงหนักแน่น จริงจัง เป็นการย้ำชัดว่า ไม่ว่ายังไงเขาจะต้องได้ลูกสาวกลับคืนมาให้เร็วที่สุด
“ครับท่าน!”