PROLOGUE : ยามฝันร้ายมาเยือน
คุณเชื่อเรื่องอดีตชาติหรือหรือการกลับชาติมาเกิดมั้ย..
บางทีการกลับมาพบเจอกันของใครสักคน ก็เพราะสัญญาจากชาติที่แล้วตามติดตัวมา
สัญชาตญาณเดิมที่บางครั้งอาจถูกส่งผ่านความฝันอันเลือนราง แต่กลับฝังแน่นในความรู้สึกอย่างไม่อาจลืมเลือน
เพราะครั้งนี้ฝันร้ายได้กลับมาเยือนอีกครา..
แววตาของหญิงสาวในความฝันช่างดูสิ้นหวัง กำลังก้าวขาขึ้นไปยืนบนเก้าอี้ มือจับบ่วงเชือกมาคล้องคอ ไร้ซึ่งหยาดน้ำตาแต่มองปราดเดียวก็รู้ว่าเธอเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส
ในวินาทีที่ปลายเท้าปัดเก้าอี้ให้ล้มลง ร่างที่ห้อยอยู่บนขื่อของบ้านก็ดิ้นเร่าเพราะกำลังจะขาดอากาศหายใจ ทว่ากลับมีเสียงฝีเท้าของใครสักคนดังใกล้เข้ามา
น้ำเสียงร้อนรนของใครคนนั้นกำลังเรียกหาเธอจนสุดเสียง ฉุดรั้งคนที่คิดสั้นให้เกิดเปลี่ยนใจ แต่หญิงสาวที่ตัดสินใจทำร้ายตัวเองกลับไม่มีแม้แต่แรงจะตอบกลับ
สายเกินไปแล้ว..
ขณะเดียวกันประตูก็ถูกเปิดออกพร้อมแสงสว่างสาดส่องไปที่เธอ ในจังหวะนั้นปลายเท้าเล็กก็หยุดดิ้นกลางอากาศ เปลือกตาปิดลงพร้อมความสงบนิ่งของร่างกายไปโดยปริยาย
เสียงร่ำร้องในใจไม่ได้ทำให้ใครได้ยิน มีเพียงแค่เสียงขื่อของบ้านที่เสียดสีกับเชือกเท่านั้น
กว่าจะรู้ว่าตัดสินใจผิดพลาด ก็ตอนที่ทุกอย่างสายไปเสียแล้ว..
“ช่วย..”
ริมฝีปากของหญิงสาวที่เผชิญฝันร้ายแห้งผาด พึมพำประโยคบางอย่างที่ฟังจับใจความไม่ได้
หากทว่าใบหน้าอันงดงามราวกับรูปที่ปั้นอย่างประณีต กำลังดำดิ่งสู่ฝันร้ายแสนมืดมน จนยากที่จะฉุดรั้งตัวเองขึ้นมา
ฝันร้ายที่ตามหลอกหลอนนับครั้งไม่ถ้วน..
“ช่วยด้วย..” เสียงร้องขอให้ช่วยดังผะแผ่ว
หยาดน้ำใสไหลรินออกทางหางตาของหญิงสาว เธอสะอื้นเบาๆ กับความรู้สึกที่บีบคั้นหัวใจอย่างบอกไม่ถูก
ลมหายใจเธอติดขัดเหมือนคนที่กำลังจมน้ำ มือเรียวบางจิกผ้าปูที่นอนแน่น พยายามปลุกตัวเองให้ตื่นจากฝัน แต่กลับทำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง
“ฮึก” หญิงสาวที่อยู่ในห้วงภวังค์ฝันร้ายสะอึกสะอื้น ท่ามกลางเสียงทุ้มต่ำที่ตะโกนกู่ร้องอย่างเจ็บปวดในความฝัน อีกทั้งกลิ่นคาวเลือดยังคละคลุ้งโพรงจมูก เหมือนว่าเหตุการณ์เหล่านั้นเคยเกิดขึ้นจริง
หยาดเหงื่อเริ่มไหลอาบโทรมกายให้เปียกชื้นผ้าปูที่นอน ร่างบางนอนตัวแข็งทื่อด้วยความกลัดเกร็ง พยายามสลัดตัวออกมาจากเสียงกรีดร้องของชายหนุ่มที่เธอแทบจะทนฟังไม่ไหว
หัวใจเต้นรัวแรงราวกับจะหลุดออกจากอก ใบหน้าซีดเซียวดูไร้เรี่ยวแรง เมื่อต้องเผชิญกับภาพเหตุการณ์เลวร้ายนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ภาพฝันดูขมุกขมัวเหมือนมีกลุ่มไฟขนาดใหญ่ลอยในอากาศ มีเสียงฝีเท้าของผู้คนอยู่รอบตัว แต่ดันมีเสียงร่ำไห้ของชายหนุ่มแปลกหน้าร้องขอให้ช่วยเจียนขาดใจ
‘ยายจ๋า.. หนูขอโทษ’
สิ้นเสียงของหญิงสาวที่ดังแว่วเข้ามาในหู ทุกอย่างรอบข้างก็ค่อยๆ เลือนหายไป สลับภาพไปยังแผ่นหลังของชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง ที่นั่งหันหลังให้เธอท่ามกลางหมู่ดอกไม้กลิ่นหอมแทน
เสียงกรีดร้องและความเจ็บปวดเหล่านั้นหายไปแล้ว..
จากที่พยายามจะหลุดออกจากความฝัน ร่างบางกลับถูกฝันหวานดึงดูดให้หยุดดิ้น พลันลมหายใจที่ขาดห้วงก็ผ่อนปรนเป็นปกติในฉับพลัน
ใบหน้าสวยหวานราวกับน้ำผึ้งเดือนห้าผ่อนคลายลงอย่างเห็นได้ชัด ความรู้สึกที่หวาดกลัวก็เริ่มแทรกซึมด้วยความรู้สึกผูกพันขึ้นมา
แต่เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชายตรงหน้าเป็นใคร..
เธออยากพูดคุยกับใครคนนั้นที่มักจะโผล่มาช่วยเธอจากฝันร้าย เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้เห็นเขา แต่พยายามแทบตายยังไงก็เห็นเพียงข้างหลังของอีกฝ่ายเท่านั้น
“อือ” ร่างกายของหญิงสาวบนเตียงพยายามฝืนตัวเองในความฝัน เธอก้าวเดินเข้าไปให้ใกล้เขามากขึ้น เพียงเพราะรู้สึกได้ถึงความโหยหาบางอย่าง
รู้สึกดีจนไม่อยากตื่นเลย..
ผู้ชายแปลกหน้าในความฝันทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยอย่างบอกไม่ถูก แค่ได้เห็นเพียงแผ่นหลังกว้างก็อยากจะซบอิงแล้วทิ้งตัวนอนหลับไป
“คุณ..” เสียงเรียกในห้วงความฝันดังกังวาน ส่งผลให้ชายตรงหน้าเอี่ยวลำคอเพียงสี่สิบห้าองศา ปรายหางตามองเธอ พลางยกยิ้มบนมุมปากเล็กๆ
ท่ามกลางหมอกสีหม่นที่ทำให้ภาพมันพร่าเบลอ เธอพยายามจะเพ่งมองให้แน่ชัด ทว่าต่อให้เธอรีบก้าวเท้าตรงเข้าไปหา ระยะทางข้างหน้าก็ยิ่งไกลห่างออกไป
เสี้ยววินาทีที่แสงสีขาวสาดส่องกระทบใบหน้าของเขา พลันทุกอย่างรอบกายก็ขาวโพลนจนดับวูบไปในพริบตา
มีแค่คำภาวนาที่หวังว่าจะได้พบเขาอีกครั้งนึง..