“จะฝันแบบนี้อีกนานแค่ไหน.. ชักจะทนไม่ไหวแล้ว”
เสียงพูดกรอดไรฟันดังขึ้น หลังวักน้ำล้างหน้าล้างตาในยามเช้าตรู่ ที่ต้องสะดุ้งตื่นจากฝันร้ายด้วยอาการใจเต้นแรง แล้วก็รู้สึกหายใจหายคอไม่ออกเหมือนว่าตนถูกแขวนคอจริงๆ
ดวงตากลมโตตวัดขึ้นมองภาพสะท้อนของตัวเองผ่านกระจก ในนัยน์ตาของเธอฉายแววเคียดแค้นราวกับนางร้ายในละครหลังข่าว คล้ายว่าความรู้สึกยังหลุดจากฝันไม่ได้
เพราะฝันบ้าบอนั่นทำให้เธอนอนไม่เต็มอิ่มอีกแล้ว..
แต่ทว่าสำหรับเทียร์รดานักแสดงสาวดาวรุ่งที่กำลังมาแรงในตอนนี้ เธอก็ไม่ต่างอะไรจากตัวร้ายนักหรอก ต่อให้ภายในเธอเป็นแม่พระหรือจิตใจดีมากแค่ไหน แต่สุดท้ายในโลกออนไลน์ต่างก็ตัดสินเธอไปแล้วทั้งนั้น
ต่อให้พยายามแสร้งว่าไม่สนใจ เธอก็ยิ่งถูกฝังกลบจนตกไปอยู่ในหลุมลึกเพียงลำพัง
“อ่า บ้าชะมัด”
หลังแช่อ่างน้ำนานหลายสิบนาที เทียร์รดาที่เพิ่งจะเริ่มอารมณ์ดีขึ้นก็ทิ้งตัวนั่งลงบนพื้น เอนหลังพิงไปกับโซฟา เปิดโทรทัศน์ดูรายการทำอาหาร พลางไถหน้าจอมือถือดูแหล่งเสื้อผ้าใหม่ๆ ไปเรื่อยเปื่อย
“คนอย่างเทียร์รดาก็ต้องสีแดงอยู่แล้วสิ” เธอว่าแล้วยิ้มกริ่มชอบใจ มือก็กดเสื้อผ้าที่ชอบใส่ตะกร้าหลายสิบตัว
เทียร์หรือเทียร์รดาในวัยเพียงยี่สิบปี ประสบความสำเร็จทางด้านการแสดงอย่างมาก บทที่เธอได้รับแสดงเรื่องล่าสุดก็ได้เข้าชิงรางวัลสาขามากมาย เปลี่ยนชีวิตเด็กกำพร้าให้พลิกผัน กลายเป็นดาราสาวหน้าใหม่ที่ใครต่างก็ติดตามความเคลื่อนไหวอยู่ตลอด
หรือหากใครไม่รู้จักเธอในฐานะนักแสดงดัง ก็มักจะรู้จักในนามลูกสาวบุญธรรมของประธานเจมมากรุ๊ป ตระกูลจันทรัตน์นัยภัครที่ร่ำรวยอันดับต้นๆ ของประเทศ
แต่เทียร์รดากลับไม่รู้สึกเป็นหนึ่งในครอบครัวนี้เลยสักนิดเดียว..
“มาแล้วค่า”
“รถไม่ติดเลยเหรอคะคุณผู้จัดการคนสวย”
เทียร์รดาตอบกลับโดยที่สายตายังจดจ่อกับหน้าจอมือถือ เป็นจังหวะเดียวกันกับที่แขกคนสนิทเดินเข้ามาพอดี
“ไม่ติดเลยค่า แล้วนี่ใช่ดาราสาวเทียร์รดาจริงเหรอคะเนี่ย ทำไมถึงหมดสภาพแบบนี้” เสียงทักทายจากผู้จัดการส่วนตัวอย่างส้มจี๊ดเอ่ยหยอกล้อ
พอได้เห็นเทียร์รดาในชุดเสื้อยืดตัวโคร่งกับกางเกงขาสั้น นั่งกอดเข่าวางคางเกยบนท่อนแขน นิ้วก็ไถเลื่อนหน้าจอด้วยสีหน้าหมดอาลัยตายอยาก หนำซ้ำยังเปิดทีวีเสียงดังอีกต่างหาก ส้มจี๊ดก็รู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายมีเรื่องให้เครียดอีกแล้ว
“แกมีเรื่องให้เครียดอีกแล้วใช่มั้ยเนี่ย” ผู้จัดการส้มจี๊ดเอ่ยขึ้นด้วยความเป็นห่วง
“ฉันฝันแบบนั้นอีกแล้ว” เทียร์รดาตอบกลับสียงค่อย ตามมาด้วยเสียงถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย
เธอเงยหน้าขึ้นมองผู้จัดการส่วนตัว ก่อนจะเบะริมฝีปากคล้ายคนจะร้องไห้อยู่รอมร่อ ผมเผ้ามัดรวบลวกๆ ใบหน้าไร้ซึ่งเครื่องสำอางแต่งแต้ม ผิดถนัดกับเวลาออกจากห้องอย่างสิ้นเชิง
ซึ่งแน่นอนว่าเทียร์รดาเป็นหญิงสาวที่ทรวดทรงองค์เอวล้วนเป็นที่น่าอิจฉา ผิวพรรณนวลผ่องราวกับไข่มุกสีชมพูล้ำค่า ใบหน้าพระเจ้าทรงปั้นที่ไม่ว่าจะถ่ายมุมไหนออกมาก็ล้วนดูดีทั้งสิ้น
แต่ใครจะรู้ว่าเธอยังคงติดอยู่กับภาพฝังใจในอดีตไม่ลืมเลือน..
“แกฝันถึงผู้ชายคนเดิมอีกแล้วเหรอ” ส้มจี๊ดทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาข้างอีกฝ่าย พลางวางถุงขนมหวานที่ซื้อติดมือไว้บนโต๊ะตรงหน้า
“ใช่ เหมือนเดิมทุกอย่างแล้วก็เหมือนจริงมากขึ้นด้วย” เทียร์รดาลอบถอนหายใจอย่างปลงๆ “ฉันฝันเห็นผู้หญิงคนนึงแขวนคอ.. อีกแล้ว”
“เทียร์” ส้มจี๊ดเรียกชื่ออีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ฉันว่านะ..”
“ฉันรู้ว่าพี่จะพูดอะไร คิดว่าฉันต้องพบแพทย์หรือไง ไม่เอาด้วยหรอก” เทียร์รดาโบ้ยมือปฏิเสธ
“ไอ้เทียร์”
“พี่ส้ม”
เทียร์รดาส่ายหน้าปฏิเสธอีกฝ่ายเสียงแข็ง ทีแรกเธอก็คิดว่าฝันพวกนี้มันเป็นเพราะอาการเครียดจากการทำงาน แค่พักผ่อนให้มากพอฝันบ้าๆ นี่ก็คงไม่มากวนใจได้อีก
ใครจะคิดว่าฝันร้ายในวันนั้นจะกลับมาเยือนเธออีกครั้งนึง
“บางทีถ้าคุณหมอจ่ายยาคลายเครียดให้แก หรือยาคลายวิตกกังวล แกอาจจะนอนหลับได้ดี ไม่ต้องฝันร้ายอีกก็ได้”
“ฉันรู้จักตัวเองดีกว่าใคร ไม่จำเป็นหรอก”
“เทียร์”
“เชื่อฉันสิ ไม่เป็นอะไรหรอก”
เทียร์รดาระบายยิ้มบางๆ ให้ผู้จัดการสาวคลายกังวล ก่อนจะเลิกคิ้วมองจานที่ส้มจี๊ดจัดแจงเอาเค้กออกมาวางให้เรียบร้อย พร้อมกับเลื่อนจานมาตรงหน้าเธอเชิงให้ลองทาน
ใบหน้าสวยหวานดูช่างใจในการกิน แต่พอได้เห็นว่ามันคือเค้กรสโปรดเธอก็อดที่จะยิ้มกว้างไม่ได้
“ไม่ได้กินบ่อยสักหน่อย ช่วงนี้แกไดเอทหนักเกินไปแล้ว ให้รางวัลตัวเองหน่อยเถอะเทียร์”
“พี่ส้ม”
“ไม่ต้องทำหน้าซึ้งใจ ฉันเนี่ยรู้ใจแกที่สุดแล้ว”
เทียร์รดาปรบมือให้ผู้จัดการคนเก่ง มือก็หยิบช้อนขึ้นตักเค้กรสเรดเวลเวทสีแดงฉ่ำเข้าปากหนึ่งคำ ก่อนจะวางช้อนลงแล้วเงยหน้ามองส้มจี๊ดเชิงว่าแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
“กินแค่นั้นจะพอเหรอ”
“ต้องรักษาหุ่นตอนถ่ายงานไงพี่ส้ม ไม่ใช่ว่าไม่อร่อย นี่ร้านโปรดฉันเลยนะ.. แต่ว่าฉันกินอะไรไม่ค่อยลงด้วย”
“แล้วแกโอเคใช่มั้ย” ส้มจี๊ดถามขึ้น เมื่อสังเกตได้ถึงความวิตกกังวลบนใบหน้าอีกฝ่าย
“ฉันแค่ไม่เข้าใจ ทำไมฉันถึงฝันแต่เรื่องนี้ซ้ำๆ ความรู้สึกที่เกิดขึ้นในความฝัน ฉันรับรู้ได้จริงๆ นะพี่ส้ม ทุกอย่างเหมือนหนังที่ฉายซ้ำๆ มันเหมือนกับว่า.. ฉันคือผู้หญิงคนนั้น” เทียร์รดามุ่นคิ้วเข้าหากันคล้ายว่าสับสนปนสงสัย แววตาดูหนักใจแล้วก็คิดหนักจนอีกคนปรามให้เธอใจเย็น
“ไอ้เทียร์”
“หือ”
“ฉันว่าแกทำงานหนักเกินไปแล้วจริงๆ เอางี้ ฉันจะเลิกรับงานถี่ๆ ให้ บางทีแกควรได้พักผ่อนบ้าง” ส้มจี๊ดว่าพลางดีดนิ้วเสียงดัง กลอกตาไปมาอย่างใช้ความคิดในการรันตารางงานของเทียร์รดาไปด้วย
“ช่างเถอะ รับงานเหมือนเดิมนั่นแหละ พี่ก็รู้ว่าเทียร์รดาหิวเงินแค่ไหน”
“แต่ถ้าแลกกับแกเป็นแบบนี้ ฉันก็ไม่เอาด้วยหรอกย่ะ”
“อ่า ฉันคิดว่ามันจะหายไปแล้วซะอีก ทำไมถึงกลับมาฝันอีกได้นะ”
“เพราะแกเครียดไงเทียร์ ที่ผ่านมาสำนักข่าวเล่นข่าวแกไม่พักเลย แบบนี้จะไม่ให้อารมณ์แกแปรปรวนจนเก็บไปคิดมากได้ยังไง”
“เรื่องข่าวลือที่ไม่มีมูล ฉันชินแหล่ว ส่วนพี่ส้มเองก็ดูแลตัวเองเยอะๆ หรือจะหาหนุ่มสักคนมาดามใจก็ได้นะ”
“ไอ้เทียร์” ผู้จัดการสาวในวัยยี่สิบหกปีถึงกับตีแขนเทียร์รดาแก้เขิน “ถ้ามีแฟนแล้วหาดีๆ ไม่ได้ ฉันหาเงินจนวันตายดีกว่าเยอะ”
“สมแล้วที่เป็นคู่หูเทียร์รดา”
“แกก็คิดเหมือนกันใช่มั้ยล่ะ”
“ใช่สิ เงินหาง่ายกว่าแฟนดีๆ เยอะเลย”
พูดจบผู้จัดการสาวก็ยกมือขึ้นแปะกับเทียร์รดาด้วยความซี้กันจนรู้ใจกันไปหมดทุกเรื่อง ก่อนทำหน้าเหมือนนึกอะไรขึ้นได้บางอย่าง ถึงได้รีบหยิบมือถือจากกระเป๋าออกมาทันที
“เออ ฉันว่าจะให้แกดูรูปคนนึง ตอนนี้เป็นไวรัลในเน็ตมาก เพราะเจ้าตัวเพิ่งขึ้นเป็นประธานเหลียนฮวากรุ๊ป ลูกชายคนเดียวของคุณภควรรณ” ส้มจี๊ดว่าอย่างออกรสชาติ
“เหลียนฮวากรุ๊ป” เทียร์รดาเลิกคิ้วอย่างคุ้นหูชื่อบริษัท
“นี่” ส้มจี๊ดเปิดรูปภาพของชายหนุ่มที่ใบหน้าหล่อเหลา ราวกับหลุดออกมาจากโลกนิยายสักเรื่องส่งให้อีกฝ่ายดู “คุณคียติณณ์ ว่าที่เก้าอี้ประธานใหญ่เหลียนฮวากรุ๊ปคนใหม่ แตกแตนไม่ไหวแม่”
“ใจเย็นค่ะคุณผู้จัดการ”
“ก็เขาหล่อไงแก หล่อเกินเบอร์ไปปะวะ เห็นว่าตัวจริงหล่อกว่าในรูปสิบเท่า”
“คนที่เกินเบอร์คือพี่ส้มนี่แหละ เคยเห็นตัวจริงแล้วเหรอไง”
เทียร์รดายิ้มอย่างเอ็นดูอีกฝ่าย เรียวคิ้วสวยกระตุกเข้าหากันเล็กน้อย เมื่อส้มจี๊ดปัดรูปภาพให้เห็นใบหน้าของคียติณณ์ชัดกว่าเดิม
พลันดวงตาคู่สวยก็เบิกโพลงเล็กน้อย เมื่อเจ้าของใบหน้าคมคายมีดวงตาลึกลับดูละม้ายคล้ายใครสักคนที่เคยพบเห็นมาก่อน ทั้งที่เธอเพิ่งจะรู้จักเป็นครั้งแรกด้วยซ้ำ
“เดี๋ยวก็ได้เห็น”
“ทำไมอ่ะพี่ มีโอกาสจะได้ร่วมงานกับฉันหรือไง หรือว่าจ้างงานเรา”
“ไม่ใช่ ฉันหมายถึงงานเลี้ยงคุณหญิงนิภารัตน์เขาก็จะมาเหมือนกัน”
คุณหญิงนิภารัตน์คือแม่บุญธรรมของเทียร์รดา เธอเป็นคนเสนออยากอุปการะเธอจากคุณยาย แล้วเทียร์รดาก็ให้เกียรติ์คนของตระกูลจันทรัตน์นัยภัครมากเช่นกัน
“ดูท่าแล้วคนในแวดวงธุรกิจก็คงจะรู้จักกันเป็นธรรมดาสินะพี่ส้ม”
“คอนเนคชั่นกับเงินมักมาด้วยกัน”
“ก็จริง แต่คุณแม่ท่านจะชอบของขวัญที่ฉันซื้อมั้ยนะ”
“แกเป็นลูกรักอยู่แล้วเทียร์”
“เฮ้อ ต้องไปเจอหน้าลูกสาวกับลูกชายบ้านนี้แล้วใจโหวงยังไงก็ไม่รู้”
เทียร์รดาลอบถอนหายใจเฮือกใหญ่ เพราะรู้ดีว่าลูกคนใหญ่คนโตย่อมมองเธอเป็นเพียงกาฝาก ไม่ได้อยากให้มีนามสกุลสูงส่งเหล่านั้นห้อยท้ายชื่อสักเท่าไหร่
“ไอ้เทียร์แกไหวแน่นะ” ส้มจี๊ดถามเสียงอ่อนโยน ถึงแม้เทียร์รดาจะเป็นพวกหัวแข็งไปบ้าง แต่ก็ใช่ว่าจะไม่รู้สึกอะไรเลยเวลาถูกคำพูดเหน็บแหนมเข้าใส่
“ไหวสิ ยังไงคุณพ่อกับคุณแม่ท่านก็มีพระคุณกับฉัน พวกเขาดีกับฉัน จะถือว่าฉันอดทนเพื่อพวกท่านก็แล้วกัน”
“คืนนี้ดื่มเหล้ากันสักหน่อยมั้ย”
“ถามจริง”
“จริงดิ แชมเปญใหม่รสชาติโคตรดี”
“เหอะ สมแล้วที่พี่ส้มเป็นผู้จัดการเทียร์รดา”