โชคดีที่ไม่สายจนน่าเกลียด แต่สายกว่าเวลานัดครึ่งชั่วโมง สำหรับชาวญี่ปุ่นแล้วก็ถือว่าเสียมารยาทและเป็นการสายที่น่าเกลียดพอสมควร ดีที่คุรุกิไม่ใช่คนเคร่งครัดอะไร กัลป์เลยพอสบายใจไปได้บ้าง ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่โอเคกับคนที่เพิ่งทำงานร่วมกันเป็นครั้งแรกอยู่ดีนั่นแหละ
“อาจารย์ไม่ต้องคิดมากหรอกครับ อาจารย์ขอโทษผมตั้งแต่มาถึง ยันตอนคุยกันเสร็จก็ยังขอโทษไม่เลิก ผมชักจะเกรงใจแล้วสิ ให้ผมเดานะ เมื่อคืนอาจารย์คงจะอ่านนิยายทั้งคืนจนไม่ได้หลับได้นอนล่ะสิ” คุรุกิว่าขำๆ เมื่อเห็นว่ากัลป์เอาแต่ก้มหัวข้อโทษไม่หยุด และที่เขารู้ว่ากัลป์อ่านนิยายก็เพราะเป็นคำแนะนำของเขาที่ให้กัลป์ไปศึกษางานจากนักเขียนคนอื่นๆ นั่นเอง
กัลป์ยิ้มแห้ง มองชายหนุ่มหน้าตาใจดีที่ส่งยิ้มให้อยู่อย่างกระอักกระอ่วน แต่ก็ผ่อนคลายขึ้นเมื่อพออีกฝ่ายฉีกยิ้มกว้างกว่าเดิม
“ไม่ต้องห่วงครับ เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ไม่เป็นไรหรอก ทำงานกับผม ขอให้ทำงานแบบสบายใจกันทั้งสองฝ่ายนะ”
กัลป์เลยพอเบาใจไปได้บ้าง ทว่าจะไม่เบาใจตรงที่คุรุกิว่าล้อเล่นตบท้ายนี่แหละ
“แต่ถ้าต้นฉบับเลทกว่ากำหนดล่ะก็ ระวังจะโดนผมไปตามถึงบ้าน”
ตกลงจะช่วยให้เขาสบายใจหรือหนักใจกว่าเดิมกันแน่นะ!
พอเห็นรอยยิ้มแหยๆ บนใบหน้าของกัลป์ คุรุกิก็หัวเราะเสียงดัง แล้วเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่นแทน
“ว่าแต่โครงเรื่องกับพล็อตที่อาจารย์เล่าให้ผมฟังคร่าวๆ เมื่อครู่ ผมว่าน่าสนใจดีนะ ถึงจะเป็นพล็อตตลาดก็เถอะ แต่ถ้าเปิดตัวว่าเป็นผลงานของนักเขียนชายหน้าตาดี รับรองว่าได้รับความสนใจแน่”
พล็อตตลาดที่ว่าก็คือพล็อตแนวอีโรติกทั้งเรื่องนั่นแหละ กัลป์เพิ่งจะคิดขึ้นได้ระหว่างทางที่ขึ้นรถไฟมาที่นี่ เนื้อเรื่องคร่าวๆ เป็นเรื่องราวของผู้ชายคนหนึ่งที่ออกตามหารักแท้ด้วยการมีสัมพันธ์กับชายอื่น และการมีความสัมพันธ์กับชายแปลกหน้าพวกนั้นก็เป็นเหตุทำให้ได้เจอกับชายคนหนึ่งที่เข้ามาพัวพันกับชีวิตพร้อมกับปริศนาบางอย่าง อารมณ์เหมือนเป็นคนที่มีบุคลิกสองด้าน ที่สำคัญ พระเอกคนนั้นเป็นคนที่สั่งสอนนายเอกเรื่องบนเตียงแบบถึงพริกถึงขิงด้วย แนว SM ดีๆ นี่เองแหละ
“ผมก็ไม่มั่นใจว่าจะเขียนได้หรอกนะครับ” กัลป์ว่า ทำเอาคุรุกิหัวเราะขึ้นมาอีก
“อย่าถ่อมตัวไปเลยครับอาจารย์ ชนะการประกวดจนได้เดบิวท์เป็นนักเขียนแบบนี้ต้องมั่นใจแล้วล่ะ”
ก็อยากจะมั่นใจอยู่หรอกถ้าก่อนหน้าไม่ถูกตัดต้นฉบับให้จบน่ะ แล้วนี่ก็เป็นนิยายบอยเลิฟที่เขาไม่เคยเขียน คนไร้ประสบการณ์เรื่องอย่างว่ากับผู้ชายด้วยกันอย่างเขาจะเขียนได้ยังไง ยังนึกไม่ออกเลย
ทว่าคุรุกิก็ไม่ปล่อยให้กัลป์ได้คิดเรื่อยเปื่อย ออกปากชวนกลับเมื่อเห็นว่าได้เวลาเลิกงานแล้ว
“นี่ผมชวนอาจารย์คุยจนเย็นขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย จะกลับเลยมั้ยครับ”
กัลป์พยักหน้า ลุกจากเก้าอี้แล้วเดินตามหลังคุรุกิไป ตลอดทางที่เดินออกจากสำนักพิมพ์ พนักงานน้อยใหญ่ในแผนกนิยายบอยเลิฟต่างบอกลาคุรุกิเป็นทิวแถว คุรุกิเองก็ตอบรับด้วยสีหน้าเป็นมิตร กัลป์เลยพอจะเดาได้ว่าผู้ชายคนนี้คงจะเป็นที่รักของทุกคนในที่ทำงานพอดู
ก็แน่ล่ะ ต้องเป็นที่รักอยู่แล้ว เขาเป็นถึงหัวหน้ากองบรรณาธิการ ซ้ำยังรูปหล่อ เรียกได้ว่าเป็นดาราได้เลย แถมยังสุภาพ ใจดี มนุษยสัมพันธ์ก็ดี จนได้ชื่อว่าเป็นขวัญใจของสาวๆ แผนกนิยาย BL
ไม่ใช่แค่แผนกนิยาย BL เท่านั้น ยังเป็นขวัญใจของสาวๆ แผนกอื่นอีกด้วย สาวๆ พวกนั้นถึงกับขนานนามให้คุรุกิว่าเทพบุตรด้วยซ้ำ กัลป์ก็คิดอย่างนั้นเช่นกัน
คุรุกินับว่าเป็นชายหนุ่มอายุ 30 ที่มีเสน่ห์ไม่น้อยเลยหากเทียบกับ บ.ก.ฟุรุคาวะแล้ว
เอ... หรือว่าจะเอาคุณคุรุกิมาเป็นด้านดีของพระเอกในเรื่องดีนะ บุคลิกเหมาะชะมัด
ไม่ต้องรอคำตอบจากใคร กัลป์ก็ตัดสินใจเอาเองแล้วว่าจะเอาคุรุกิมาเป็นหนึ่งในพระเอก ส่วนนายเอก... อืม คนที่จะไปมีความสัมพันธ์กับคนแปลกหน้าได้อย่างนั้น ต้องเป็นพวกไม่แคร์ใคร ไม่สนโลก และที่สำคัญ... ต้องแรด
คิดแล้วก็ชักจะสนุกกับนิยายเรื่องใหม่ของตัวเองขึ้นมา พอแยกกับคุรุกิ ก็ตั้งใจจะกลับห้องให้เร็วที่สุดเพื่อไปเขียนไอเดียเก็บไว้ ทว่าระหว่างทางเดินกลับห้อง สายตาก็สังเกตเห็นว่าศาลเจ้าที่อยู่ระหว่างทางที่เขาเดินผ่านทุกวันมีงานเทศกาล ไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามีงานอะไร แต่ดูท่าทางจะครึกครื้นน่าดู ผู้คนหนุ่มสาวใส่ชุดยูกาตะ[1]เดินให้ขวักไขว่ ไอเดียบรรเจิดกว่านั้นเมื่อเห็นหนุ่มมัธยมสองคนในชุดยูกาตะเดินคู่กันมาพร้อมสายไหมในมือ
ฉากนี้น่าเอาไปใส่ในนิยายแฮะ
ไอเดียพุ่งจนฉุดไม่อยู่แล้ว รอให้กลับถึงห้องก่อนแล้วค่อยไปจดทุกอย่างลงสมุดโน้ตคงจะไม่ไหว เขาเลยล้วงเอาโทรศัพท์ขึ้นมา กะว่าจะโน้ตลงไปก่อน ทว่าโทรศัพท์เจ้ากรรมก็ดันแบตหมดอีก
“เวรเอ๊ย” กัลป์หลุดสบถออกมาจนได้ ทำไมนะ เวลาหัวแล่นๆ อย่างนี้ถึงได้มีอุปสรรคนัก ช่วงนี้เขาช่างดวงไม่ดีเอาเสียเลย
สงสัยคงต้องทำบุญทำทานบ้างแล้วมั้งเนี่ย โชคร้ายเยอะจริง!
กลายเป็นหงุดหงิด โทษเวรโทษกรรมขึ้นมาอีก แต่จะให้ไปทำบุญไล่กรรมตัดกรรมอะไรเหมือนตอนอยู่เมืองไทยก็ไม่ได้ ไม่ใช่ว่าที่ญี่ปุ่นไม่มีพิธีแบบนั้น แต่เป็นเพราะเขาไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรต่างหาก และเขาก็ไม่ชอบทำอะไรที่มีพิธีรีตรองเยอะเสียด้วย พกเครื่องรางไล่โชคร้ายน่าจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุด
เท่านั้น ขายาวก็ก้าวพาร่างไปยังร้านจำหน่ายเครื่องร่างบริเวณหน้าศาลทันที ร้านเครื่องรางดูเก่าซอมซ่อและอยู่ในหลืบ ดูเผินๆ จากหน้าร้านก็จะไม่รู้ว่าเป็นร้านขายเครื่องรางหากไม่สังเกตดีๆ อย่าว่าแต่หน้าร้านเลย แค่ตัวร้าน ถ้าไม่สังเกตดีๆ ก็ไม่เห็นว่ามีร้านเครื่องรางมาเปิดอยู่ด้วยซ้ำ
และนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ในร้านไม่มีลูกค้าคนไหนเลยนอกจากเขาเท่านั้น มีอีกหนึ่งชีวิตก็คือหญิงชราที่กำลังก้มๆ เงยๆ ยักแย่ยักยันอยู่เท่านั้น
“ยินดีต้อนรับจ้าพ่อหนุ่ม มองหาอะไรอยู่เหรอ”
“ผมอยากได้เครื่องรางที่เรียกโชคดีน่ะครับ” กัลป์ว่าออกไปตามตรง สายตาก็ปราดมองสารพัดเครื่องรางที่ห้อยอยู่อย่างละลานตาไปด้วย
หญิงชราคนนั้นหันมาสบตาลูกค้าเล็กน้อย ก่อนจะถาม
“อยากให้เรียกโชคดีแบบไหนล่ะ ความรัก ความสำเร็จ สุขภาพ?”
“ความสำเร็จครับ แบบว่าถ้าปรารถนาสิ่งใดก็สำเร็จผลอะไรแบบนี้” กัลป์แทบไม่ต้องคิดเลยว่าเขาต้องการอะไร เขารู้อยู่แล้วว่าตัวเองต้องการอะไร
ส่วนหญิงชราก็เดินไปยังมุมเครื่องรางมุมหนึ่ง หยิบเครื่องรางหน้าตาหลากหลายออกมาให้ดู
“ก็มีหลายอย่างนะ พ่อหนุ่มมาเลือกดูเอาแล้วกัน”
กัลป์พยักหน้า เดินเข้าไปเลือกดูก็ได้เครื่องรางลักษณะคล้ายกับที่ห้อยโทรศัพท์มาหนึ่งอัน ทว่าพอจ่ายเงินค่าเครื่องรางเสร็จและกำลังจะก้าวเดินออกจากร้าน สายตาก็เหลือบไปเห็นว่าที่บริเวณผนังที่เคาน์เตอร์ชำระเงินมีอะไรบางอย่างเหน็บอยู่ ตอนแรกนึกว่าเป็นขยะที่ถูกหนีบเอาไว้ แต่พอดูดีๆ แล้วไม่ใช่ มันมีรูปร่างคล้ายกับสมุดขนาดเอ 6 พอเอื้อมมือไปหยิบออกมาดูแล้ว ก็เห็นว่าเป็นสมุดอย่างที่คิดไว้จริงๆ มันเป็นสมุดที่ปกทำขึ้นจากหนังวัวตากแห้ง กระดาษด้านในเป็นกระดาษสาเนื้อหยาบ สีขาวอมเหลืองขมุกขมัว ดูจากสายตาก็รู้ว่าเป็นของเก่า มีหลายหน้าถูกฉีกออกไปแล้วด้วยทว่าก็ยังดูหนาอยู่ แต่ไม่รู้ทำไมเขากลับรู้สึกอยากได้มันขึ้นมาอย่างประหลาด ก่อนจะเอ่ยปากถามหญิงชราเจ้าของร้านที่ทำท่าจะนั่งเก้าอี้
“คุณยายครับ ไม่ทราบว่านี่ขายมั้ย” ว่าพลางชูสมุดในมือให้ดู
หญิงชราชะงักกึก ดวงตาหรี่เล็กเบิกโพลงทันใด
“พ่อหนุ่มไปเอามาจากที่ไหนน่ะ”
“ผมเห็นมันเหน็บอยู่ตรงนี้” กัลป์ชี้นิ้วบอกตำแหน่งที่หยิบออกมา หญิงชรายิ่งมีสีหน้าตื่นตกใจหนักขึ้นไปอีก
“ไม่น่าเชื่อ หาเจอได้ยังไงกัน”
กัลป์ย่นคิ้ว ไม่เข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายรำพึงเท่าไหร่นัก ทว่าก็ไม่ได้สนใจนอกจากถามคำถามเดิม
“ตกลงไม่ทราบว่าขายสมุดเล่มนี้มั้ยครับ ผมอยากได้เอาไว้ไปจดไอเดีย”
เอาไปจดไอเดียอย่างที่ปากพูดจริงๆ นั่นแหละ ก็เขารู้สึกถูกชะตากับสมุดนี่อย่างบอกไม่ถูก ถึงจะเก่าและมีรูปร่างหน้าตาไม่ค่อยดีนัก แต่ถ้าถูกชะตาก็น่าจะเป็นสมุดจดที่ดี
หากแต่หญิงชราไม่ตอบ เดินเข้ามาหาแล้วคว้าข้อมือเขาข้างที่ถือสมุดอยู่ทันใด
“พ่อหนุ่มรู้มั้ยว่าสมุดนี่เป็นสมุดอะไร”
[1] ยูกาตะ เป็นชุดกิโมโนแบบไม่เป็นทางการ ทำจากผ้าฝ้าย นิยมใส่สบายๆ กับเกี๊ยะไม้ (Geta) และผ้าคาดเอว (Obi) ในฤดูร้อน เดิมทีชุดยูกาตะเป็นชุดอาบน้ำสำหรับใส่หลังจากอาบน้ำเสร็จ ซึ่งปัจจุบันนิยมใส่ในหลายโอกาส ไม่ว่าจะเป็นใส่ไปงานเทศกาล ใส่นอนเล่นอยู่บ้าน รวมถึงใส่เมื่อเข้าพักที่โรงแรมด้วย