ใครว่าไม่เป็นไร นี่มันเรื่องใหญ่ชัดๆ!

1123 Words
ใครว่าไม่เป็นไร นี่มันเรื่องใหญ่ชัดๆ! เจ้าของใบหน้าหวานแสดงสีหน้าหงุดหงิดเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่อาจนับได้ตั้งแต่เดินออกจากอาคารสำนักพิมพ์ หลังจากเขาคุยกับ บ.ก.คุรุกุ ไค ผู้ดูแลต้นฉบับคนใหม่สำหรับเรื่องของการเขียนนิยายบอยเลิฟ ในเรื่องการเป็นไอดอลนี่ เขาไม่มีปัญหาเท่าไหร่นักเพราะมันก็แค่ไปถ่ายแบบ โชว์ตัวตามงานอีเว้นท์หลังมีงานวางแผงแล้วเท่านั้น อาจมีการประชาสัมพันธ์เพื่อโปรโมตก่อนงานวางแผงด้วย แต่ที่เป็นปัญหาใหญ่หลวงเลยก็คือ การได้เดดไลน์ต้นฉบับมาแบบกะทันหัน ถึงจะไม่ได้เป็นเดดไลน์ต้นฉบับทั้งเรื่อง เป็นเพียงเดดไลน์ต้นฉบับตอนเดียวสำหรับลงนิตยสาร BL รายสัปดาห์เพื่อทดลองตลาดและมีกำหนดส่ง 2 อาทิตย์ก็เถอะ แต่เวลา 2 อาทิตย์ในการเขียนต้นฉบับที่ไม่คุ้นเคยนี่นับว่าน้อยมากสำหรับเขาทีเดียว สุดท้ายแล้ว กัลป์ก็ตัดสินใจไปที่ย่านอากิฮาบาระ หาซื้อหนังสือนิยายของนักเขียนดังๆ มาอ่านเพื่อทำการศึกษา บอกได้เต็มปากเต็มคำเลยว่าช่างรู้สึกประดักประเดิดเหลือเกินตอนที่หอบหนังสือนิยายบอยเลิฟตั้งใหญ่ไปจ่ายเงินท่ามกลางสายตาสาวๆ ฟุโจชิแบบนั้น ไม่รู้ทำไมปกนิยายแนวนี้จะต้องวาดให้มันดูอีโรติกด้วย ผู้ชายอย่างเขาถือหนังสือแบบนี้ออกจากร้าน มันน่าอายจะตาย แต่เพื่องาน เขาก็เลยแสร้งไม่รู้ไม่เห็น ทำเป็นไม่คิดอะไรมาก ทั้งที่ใจอยากจะพุ่งพรวดออกจากร้านตั้งแต่ได้ยินสาวๆ หัวเราะกันคิกแล้ว และทันทีที่กลับมา กัลป์ก็ไม่ทำอะไรเลยนอกจากนั่งๆ นอนๆ อ่านหนังสือพวกนั้นไม่หยุด อ่านแล้วก็ต้องเบ้หน้าไป ยิ่งถึงฉากเลิฟซีนนี่ยิ่งต้องเบ้หน้าหนักอย่างเสียวไส้ ใส่เข้าไปได้ยังไงวะ มันไม่ใช่ช่องทางสำหรับทำเรื่องอย่างนั้นสักหน่อย ดันทุรังอย่างนั้น มีหวังกินเผ็ดไม่ได้หลายวันกันพอดี เขาพึมพำในใจก่อนจะวางหนังสือในมือลงทันทีที่อ่านฉากตัวละครในเรื่องมีเซ็กส์กันอย่างถึงพริกถึงขิง ยกมือขึ้นลูบหน้าลูบตา คิดไม่ออกเลยว่ามันจะรู้สึกอย่างไร แต่ก็เอาเถอะ เขาเองก็ไม่ได้อยากจะคิดมากนักหรอก สิ่งที่ควรทำตอนนี้คือการลงมือเขียนโครงเรื่องและลงมือเขียนต้นฉบับมากกว่า ตอนนี้เขาพอจะจับทางได้แล้วว่านิยายบอยเลิฟมีสูตรสำเร็จอย่างไร ร่างสูงลุกขึ้นจากเตียงไปนั่งประจำที่ที่โต๊ะทำงาน คว้าปากกามาจรดเขียนข้อสรุปลงไปเป็นข้อๆ อย่างเคยชิน เขามักทำอย่างนี้เพื่อประมวลความคิดตัวเองก่อนเขียนนิยายเสมอ - เป็นเรื่องความรักระหว่างผู้ชายกับผู้ชาย - มีเรื่องเพศสัมพันธ์เข้ามาเกี่ยวด้วย - เสะเมะ (ฝ่ายรุก) มักจะตัวใหญ่และโหดเถื่อน (หื่นด้วยนะ) - อุเคะ (ฝ่ายรับ) มักจะร่างเล็ก หน้าสวยและอ่อนแอ ต้องให้อีกฝ่ายปกป้อง Ps. ถ้าเขียนแนวอีโรติก มีฉากเลิฟซีนเยอะๆ จะได้รับความสนใจเป็นพิเศษ ส่วนใหญ่ติดเบสท์เซลเลอร์ด้วย ดวงตากลมอ่านสิ่งที่เขียนไปเมื่อครู่พลางยกแก้วกาแฟเย็นชืดขึ้นจิบไปด้วย ไร้สาระฉิบเป๋ง ผู้ชายบ้าอะไรจะตัวเล็กขนาดนั้น หน้าสวยนี่ยังพอเข้าใจได้ แต่อ่อนแอจนต้องให้คนอื่นปกป้องนี่ไม่ใช่มั้ง นั่นมันผู้หญิงชัดๆ ที่เข้าใจเรื่องผู้ชายหน้าสวยได้ก็เพราะเขาก็เป็นผู้ชายหน้าสวยเหมือนกัน แต่เขาไม่ได้ตัวเล็กกระจิ๋วหลิวเหมือนพวกนายเอกในนิยายพวกนั้นนี่ ออกจะสูง แถมยังมีกล้ามเนื้อเหมือนผู้ชายคนอื่นทุกประการ ถึงจะมีคนเข้าใจผิดบ้างว่าเป็นผู้หญิงเพราะเขาไว้ผมยาวประบ่าบ้างก็เถอะ แต่มองดีๆ ยังไงก็เป็นผู้ชาย ลูกกระเดือกก็มี เห็นก็รู้แล้ว ไม่อยากเขียนให้นายเอกเป็นพวกปัญญาอ่อนอย่างนั้นเลยแฮะ ถึงจะเป็นฝ่ายรับ ยังไงก็คือผู้ชายอยู่วันยังค่ำ เขียนให้แมนไปเลยดีกว่า ทำให้แตกต่างออกไปบ้าง น่าจะเวิร์ค จู่ๆ ก็ได้ไอเดียขึ้นมา กัลป์วางแก้วกาแฟลง คว้าปากกามาเขียนรายละเอียดเกี่ยวกับรายละเอียดนายเอกในนิยายตัวเองที่อยากให้เป็นลงไป แต่ก็ยังคงคอนเซ็ปต์หน้าหวาน ทว่าพอมาอ่านแล้วก็เหมือนเอาตัวเองไปเป็นนายเอกยังไงไม่รู้ แค่เห็นคำว่า ‘หน้าหวาน’ แล้ว เขาก็ต้องฉีกกระดาษแผ่นนั้นทิ้ง ขยำและโยนใส่ลังกระดาษใต้โต๊ะไปทุกครั้ง สร้างนายเอกให้หน้าหวาน ตอนไปออกงานอีเว้นท์ เดี๋ยวได้มีคนเข้าใจผิดตายเลยว่าเป็นเกย์ฝ่ายรับ นั่นแหละ เพราะคิดแบบนั้น งานก็เลยไม่เสร็จสักที รู้ตัวอีกทีก็หลังจากผล็อยหลับและตื่นขึ้นมาอีกวันเมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์เรียกเข้าดังขึ้น กัลป์ผงกศีรษะขึ้นจากโต๊ะ ปาดคราบน้ำลายที่มุมปากก่อนคว้าโทรศัพท์มาดูหน้าจอ พอเห็นว่าเป็นชื่อของคุรุกิก็กดรับ กรอกเสียงที่ฟังดูงัวเงียน้อยที่สุดลงไป “ครับ?” [วันนี้เรามีนัดกันนะครับอาจารย์กัลป์ จำได้หรือเปล่าครับ] อีกฝ่ายทวงถามทันที กัลป์ขยี้ตาไปมา สมองประมวลผลก่อนจะจำได้ว่าเมื่อวานเขานัดเข้าไปคุยกับคุรุกิเรื่องแผนการโปรโมทในฐานะไอดอลในตอนบ่าย ก่อนจะกรอกเสียงกลับคืนไป “จำได้สิครับ ตอนบ่ายใช่มั้ย” [ใช่ครับ นี่เที่ยงครึ่งแล้ว เห็นอาจารย์ยังไม่มาสักที ผมก็เลยโทรหาน่ะ รบกวนเวลานอนของอาจารย์หรือเปล่า?] พอคุรุกิว่าติดตลกตามหลังมาเท่านั้นแหละ ความงัวเงียก็มลายหายไปทันตา สายตารีบปราดไปมองยังนาฬิกาตั้งโต๊ะ พอเห็นเข็มบอกเวลาเหมือนอย่างที่คุรุกิว่า เขาก็กระเด้งตัวขึ้นยืนทันที “สะ...สายแล้ว ดะ...เดี๋ยวผมรีบเข้าไปนะครับ ช่วยรอก่อน” คุรุกิหัวเราะกลับมา เขากะอยู่แล้วว่ากัลป์จะต้องยังไม่ตื่นแน่ แต่ก็ไม่ได้ถือสาอะไรถ้าอีกฝ่ายจะมาสายเพราะช่วงบ่ายเขาไม่ได้ติดนัดอะไรนอกจากคุยงานกับกัลป์เท่านั้น [ไม่ต้องรีบก็ได้ครับ ค่อยๆ มา เดี๋ยวผมรอ] กัลป์ตอบรับและวางสายไป ก่อนจะรีบจัดการตัวเองด้วยความเร็วแสง พลันมุ่งหน้าไปยังสำนักพิมพ์ทันที
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD