เอาวะ ลองดูสักตั้ง ถือว่าเป็นประสบการณ์แล้วกัน

1246 Words
“ว่าไงครับ มีทางมั้ย” พอถูกมองนานเข้าแต่ไม่มีเสียงพูดคุยใดๆ สักที กัลป์ก็ถามขึ้นมาอีก ฟุรุคาวะขยับท่าทางให้เข้าที่ก่อนจะพูดขึ้น “สำหรับแนวไลท์โนเวล อาจารย์คงต้องพักยาวนะครับ แต่สำหรับแนวอื่น ก็พอมีทางอยู่ถ้าอาจารย์อยากจะมีผลงานออก แต่มีเงื่อนไขอยู่ข้อนึงคือ อาจารย์ต้องเป็นนักเขียนไอดอลนะ” กัลป์ย่นคิ้วไปเล็กน้อย ใจจริงเขาไม่อยากจะเป็นนักหรอกนักเขียนไอดอลที่งานเขียนดังขึ้นมาเพราะหน้าตาเป็นหลักเนี่ย แต่พอฟุรุคาวะพูดขึ้นมาอีก เขาก็ตัดสินใจราวกับไม่มีทางเลือก “ถ้าอาจารย์ไม่เอา ผมก็ต้องขอโทษด้วยนะครับ” “แล้วงานเขียนที่ว่านี่แนวอะไรเหรอครับ” พูดมาอย่างนี้ คนฟังก็รู้เลยว่ากัลป์ตอบรับแล้ว เขาก็เลยแสยะยิ้มก่อนจะปริปาก “แนวบอยเลิฟ อาจารย์รู้จักมั้ยครับ” กัลป์ย่นคิ้วหนักกว่าเดิม ไม่ใช่ไม่รู้จัก รู้จักดีเลยล่ะเพราะเคยเห็นเพื่อนผู้หญิงในคณะกรี๊ดกร๊าดกันบ่อยๆ สมัยเขายังเรียนมหา’ลัยอยู่ แต่เดี๋ยวนะ... นั่นมันนิยายชายรักชายไม่ใช่เหรอ จะให้เขาย้ายแนวจากไลท์โนเวลไปเขียนบอยเลิฟอย่างนั้นน่ะนะ! หนำซ้ำยังจะให้เขาเป็นนักเขียนไอดอลอีก ตลกเกินไปแล้ว มีหวังได้ถูกตราหน้าว่าเป็นเกย์แน่! “เอ่อ... คือผมว่ามันไม่เหมาะกับผมมั้งครับ” กัลป์ตอบพลางทำหน้ากระอักกระอ่วนไปด้วย ฟุรุคาวะกะอยู่แล้วว่าจะต้องได้คำตอบแบบนี้ เขาก็รู้อยู่ว่ากัลป์น่ะ ถึงจะหน้าหวานราวกับผู้หญิงสักแค่ไหน แต่ยังไงก็เป็นผู้ชายเต็มร้อย ดูจากงานเขียนแนวแฟนตาซีที่สู้กันเลือดสาดก็รู้แล้ว “ถ้าอาจารย์ไม่สนใจ ผมก็คงช่วยอะไรไม่ได้นะครับ อย่างที่บอกว่านักเขียนที่โดนพักงานไปเนี่ย ทางสำนักพิมพ์มักจะไม่กล้าเอางานใหม่ๆ มาเสี่ยงสักเท่าไหร่ นอกจากจะเปลี่ยนนามปากกาแล้วย้ายไปเขียนแนวอื่นแทน” “อันนั้นผมเข้าใจ แต่แนวบอยเลิฟนี่มันก็...” กัลป์ทำท่าลำบากใจ หากแต่ฟุรุคาวะฟังไม่ทันจบก็ดึงลิ้นชัก คว้านามบัตรของใครบางคนออกมาวางบนโต๊ะแล้วเลื่อนไปตรงหน้าอีกฝ่าย “ผมรู้ว่าอาจารย์ลำบากใจนะครับ แต่จะทำหรือไม่ทำก็อยู่ที่การตัดสินใจของอาจารย์เอง เลือกเอาแล้วกันครับ ถ้าทำก็มีงานออก ออกง่ายกว่านักเขียนโนเนมคนอื่นๆ ด้วยเพราะอาจารย์มีเส้นสายอยู่แล้วซึ่งก็คือผม ผมจะช่วยดันอาจารย์เอง แต่ถ้าอาจารย์ไม่ทำ ก็ไม่มีงานออก และต้องรอจนกว่าสำนักพิมพ์จะยอมเอางานใหม่ของอาจารย์ไปพิมพ์อีกครั้ง ซึ่งก็แน่ล่ะว่าไม่มีอะไรรับประกันว่าจะได้พิมพ์มั้ย อาจจะถูกดอง” ว่าพลางเหลือบไปมองยังลังกระดาษที่บรรจุต้นฉบับกองพะเนินข้างๆ โต๊ะประกอบไปด้วย กัลป์มองแล้วก็หวั่นใจ เขาเองก็ไม่อยากให้ต้นฉบับของตัวเองเป็นหนึ่งในกองดองนั่นหรอก ก่อนจะหันกลับมามองคนตรงหน้าอีกครั้งเมื่อถูกเรียกความสนใจ “ตัดสินใจแล้วกันครับ ถ้าสนใจก็โทรไปที่นี่ ผมจะส่งต่ออาจารย์ให้ บ.ก.คุรุกิเอง” กัลป์จำใจรับนามบัตรนั้นไป ถอนหายใจส่งท้ายก่อนจะลุกขึ้น “ขอบคุณมากครับ ผมขอตัดสินใจก่อนแล้วกัน” “ตามสบายครับ มีอะไรให้ช่วยก็บอกได้เลย ไม่ต้องเกรงใจ” ร่างสูงก้าวออกมายืนอยู่หน้าสำนักพิมพ์ ในหัวตีกันวุ่นไปหมดว่าควรตัดสินใจอย่างไรดี ไม่ใช่ว่าเขาเกลียดเพศทางเลือกหรือเหยียดเพศหรอกนะ เขาค่อนข้างจะเปิดใจกว่าคนญี่ปุ่นทั่วไปที่นี่ด้วยซ้ำ แต่จะให้ผู้ชายแท้ๆ อย่างเขาไปเขียนนิยายความรักระหว่างผู้ชายกับผู้ชายอย่างนั้น มันก็ไม่ใช่เรื่อง เขาถนัดงานเขียนแนวแฟนตาซีต่างหาก “นี่มันบ้า...” มือที่ถือนามบัตรอยู่ขยำกระดาษแผ่นเล็กอย่างไม่ไยดี หัวเสียสุดกำลังราวกับเมื่อครู่ถูกดูถูกทักษะการเขียนอย่างไรก็ไม่รู้ โดยเฉพาะเรื่องที่ฟุรุคาวะบอกให้เขาเป็นนักเขียนไอดอล ซึ่งมันเป็นงานขายหน้าตาและไม่ได้เกี่ยวอะไรกับงานเขียนเลย งานเขียนที่ขายได้ของพวกนักเขียนไอดอลพวกนี้ ล้วนเป็นผลพวงจากการที่มีแฟนคลับมาชื่นชอบหน้าตาทั้งนั้น หากแต่พอตั้งท่าจะปากระดาษนั่นทิ้งลงถังขยะใกล้ๆ เขาก็ต้องชะงัก ยืนคิดทบทวนอีกทีว่าเขาเป็นนักเขียนเพื่ออะไรกันแน่ แน่นอนล่ะว่าไม่ใช่เพื่ออุดมการณ์ แรกๆ ก่อนเป็นนักเขียนมืออาชีพอาจจะใช่ แต่พอเข้ามาในวงการ ได้เห็นความเป็นไปและกลไกต่างๆ แล้ว เขาถึงได้รู้ว่าถ้ารักจะยึดอาชีพนักเขียนในการเลี้ยงชีพ ต้องคำนึงว่าอุดมการณ์มันไม่ได้ทำให้ท้องอิ่ม ไม่ได้ทำให้มีชื่อเสียง แล้วก็ไม่ได้ทำให้ประสบผลสำเร็จด้วย แต่เขาอยากเป็นนักเขียนที่ประสบผลสำเร็จ มีชื่อเสียง และมีเงินทองนี่นา ถึงจะไม่ได้ประสบผลสำเร็จจากนิยายแนวที่ตัวเองถนัดก็เถอะ แต่ถ้าดังเมื่อไหร่แล้วค่อยวกกลับไปเขียนแนวที่ตัวเองชอบอีกครั้งก็ยังไม่สาย เผลอๆ ชื่อเสียงจากนิยายแนวอื่นที่เขียนมาก่อนจะช่วยให้งานเขียนใหม่ของเขาประสบความสำเร็จด้วยก็ได้ มันเป็นเรื่องของฐานแฟนคลับ เรื่องนี้เขารู้ดี เคยได้ยินว่าพวกสาวฟุโจชิมีกำลังซื้อเยอะนี่นา ดูท่าจะขายได้ไม่ยาก ขายหน้าตาแล้วก็ค่อยไปขายงานเขียนแล้วกัน ไม่เสียหายหรอก คิดแล้ว ทิฐิที่ก่อตัวสูงในตอนแรกก็มลายหายไปราวกับไม่เคยมีมาก่อน ก่อนเขาจะคลี่นามบัตรยับยู่ออก มือหนึ่งก็คว้าโทรศัพท์ขึ้นมา กดเบอร์ตามหมายเลขที่ปรากฏบนแผ่นกระดาษอย่างไม่รอช้า อึดใจเดียว ปลายสายก็มีเสียงตอบรับ ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายของกัลป์เต้นระทึก ก่อนจะควบคุมสติ บังคับริมฝีปากตัวเองให้ขยับออกไป “สวัสดีครับ บ.ก.คุรุกิ ผมกัลป์ครับ บ.ก.ฟุรุคาวะแนะนำมาว่าให้ลองโทรหาคุณ” ปลายสายร้องอ๋อ ตามมาด้วยน้ำเสียงดีใจอย่างปกปิดไม่มิด [ผมกำลังรออาจารย์โทรมาอยู่พอดีเลย ฟุรุคาวะเพิ่งโทรมาบอกผมเมื่อกี้ ไม่ทราบว่าตอนนี้ออกจากสำนักพิมพ์ไปหรือยังครับ] “ผมอยู่ข้างหน้าครับ เดี๋ยวเดินเข้าไป” [ดีเลยครับ งั้นกลับเข้ามาเลย มาคุยรายละเอียดกันหน่อย] กัลป์ตอบรับ วางสายแล้วหมุนตัวหันไปมองอาคารสูงตระหง่านอีกครั้ง พ่นลมหายใจเต็มแรง ก่อนจะก้าวเข้าไปข้างใน ในหัวก็คิดติดตลกไปด้วยว่าตอนเขาก้าวออกมาเมื่อครู่ มันคือการสิ้นสุดการเป็นนักเขียนนิยายไลท์โนเวล แต่ตอนกลับเข้าไป มันคือการเริ่มต้นการเป็นนักเขียนนิยายบอยเลิฟ เอาวะ ลองดูสักตั้ง ถือว่าเป็นประสบการณ์แล้วกัน ไม่เวิร์คก็ออกแค่นั้น ไม่เป็นไร... มันไม่เป็นไร
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD