ชายร่างสูงซุกมือในกระเป๋ากางเกงเดินฉับ ๆ เชิดหน้าเหมือนนักเลงคุมปาจิงโกะ อยู่ในที่ประชุมทั้งวันเก๊กท่าจนเมื่อยขอผ่อนคลายบ้างจะเป็นไรไป แต่ถ้าเดินแบบนี้ให้คุณปู่เห็นเมื่อไหร่โดนเอ็ดหน้าชาแน่ ๆ
เขาผ่านตู้โชว์กระจกใสขนาดใหญ่ที่เรียงรายเป็นแถวยาว ข้างในจัดแสดงชุดเกราะนักรบซามูไร ดาบคาตานะ อาวุธคู่กายนักรบสมัยโบราณและอื่น ๆ อีกมากมาย มีไฟสปอร์ตไลท์ดวงย่อมสาดส่องให้เห็นรายละเอียดของชิ้นงาน บรรยากาศคล้ายนิทรรศการซามูไรอย่างไงอย่างงั้น
หลายครั้งที่ของสะสมเหล่านี้ถูกหยิบยืมไปจัดแสดงตามงานต่าง ๆ เจ้าของบ้านหาได้ขัดข้องอันใดไม่แต่...ต้องติดเครดิตตัวโต ๆ ว่า 'ขอบคุณตระกูลยามากูชิมา ณ ที่นี้'
มันก็แค่งานอดิเรกของคนรวยเท่านั้น เดิมทีทางเดินตรงนี้โยเฮก็เคยมาไถสกู๊ตเตอร์เล่นกับยูตะเมื่อนานมาแล้วก่อนที่ตู้โชว์ของโบราณน่าขนลุกจะโผล่มาจนเกือบเต็มพื้นที่
"สวัสดีครับ ผมโยเฮครับ คุณปู่" โยเฮทรุดนั่งคุกเข่าหน้าประตูเลื่อนบานใหญ่ที่วาดลวดลายสวยงามตามแบบฉบับญี่ปุ่นโบราณ
"เข้ามาได้!" สิ้นคำอนุญาตประตูก็ถูกเลื่อนเปิดออก
ชายสูงวัยเจ้าของห้องนั่งคุกเข่าหลังตรง แววตามุ่งมั่นจริงจัง ใบหน้านิ่งแข็งไร้ความรู้สึก มีริ้วรอยตามวัยประปราย ไว้ผมยาวและมัดรวบตึงไว้ที่ท้ายทอย บุคคลิกน่าเกรงขาม
โซอิจิ ยามากูชิหรือที่คนนอกเรียกอย่างไม่เป็นทางการว่า ‘พ่อใหญ่’
โยเฮประสานมือไว้เบื้องหน้าแล้วก้มคำนับช้าๆ ถูกต้องตามธรรมเนียมปฏิบัติทุกประการ
"คุณปู่มีอะไรให้ผมรับใช้ สั่งการได้เลยครับ"
"ขอบใจในน้ำใจของหลานมาก" โซอิจิเอ่ยขอบคุณด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
"ยินดีครับคุณปู่" เมื่อเยโฮเงยหน้าขึ้นมา ก็พบว่าในห้องไม่ได้มีแค่เขากับโซอิจิ หนึ่งในผู้ช่วยคนสนิทก็นั่งคุกเข่าอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลกัน คาดว่าอยู่ในห้องนี้นานแล้ว
เขาชื่อวาเซดะ สามจักรพรรดิอีกคนที่สนิทสนมกับโซอิจิมากที่สุด สามารถเข้านอกออกในคฤหาสน์หลังนี้ได้เหมือนเป็นคนในตระกูลอย่างไงอย่างงั้น หน้าที่หลักของวาเซดะคือรับคำสั่งจากโซอิจิไปหารือกับพรรคพวกแล้วนำข้อสรุปกลับมาแจ้งในภายหลัง
ลิ่วล้อทั้งสามภายใต้ชื่อเรียกอันน่าเกรงขาม 'สามจักรพรรดิแห่งสมาพันธ์ ฯ อันทรงเกียรติ'
"วันนี้มีเรื่องที่สมาพันธ์ด้วยครับ..." หลานชายอ้าปากพูดไม่ทันจบประโยค
"คุณวาเซดะเล่าให้ปู่ฟังหมดแล้วล่ะ"
"เอ่อ...ครับ"
"จะขานรับก็ขานคำเดียว ไม่ต้องมาลากเสียงนำ มันระคายหู สอนเท่าไหร่ก็ไม่จำ!"
คุณปู่ขึ้นเสียงใส่หลานชายต่อหน้าแขกพลางถลึงตาใส่ คนฟังสะดุ้งเฮือก ก้มหน้ามองต่ำด้วยความสำนึกผิดไม่กล้าแม้จะสบตา คนที่ไม่เกี่ยวข้องอย่างวาเซดะฟังเองยังขนลุกฟู่ไปตาม ๆ กัน
"ขอโทษที่เสียมารยาทครับ" โยเฮยืดแผงอกขึ้น สูดหายใจลึกตั้งสติ
"ตระกูลยามากูชิต้องไม่พูดอะไรไร้สาระ ต้องวาจาหนักแน่น เข้าใจมั้ย!"
"เข้าใจครับ"
"ดีมาก ที่ปู่เรียกมาวันนี้ เพราะปู่เห็นว่าหลานมีความตั้งใจมุ่งมั่นที่จะรักษาเกียรติ เสียสละตัวเองเพื่อธุรกิจของตระกูล หลานต้องได้รับการตอบแทนที่ดี"
"ขอบพระคุณในความกรุณาครับ"
คุณปู่จะให้อะไรเป็นรางวัล รถลีมูซีนคันใหม่กว่าของยูตะ ตำแหน่งรองประธานฯ หรือประธานสมาพันธ์เพราะโซอิจิมีอำนาจสั่งย้ายทุกตำแหน่งได้ตลอดหรือผ้าเช็ดหน้าปักดอกบ๊วยสีแดงเครื่องหมายแห่งตัวแทนประจำตระกูลที่โยเฮอยากได้หนักหนา
"ปู่จะเพิ่มเงินเดือนให้หลานยี่สิบเปอร์เซ็นต์ มีผลหลังจากนี้เป็นต้นไป ถ้ายังรักษาผลงานไว้ได้จะปรับขึ้นให้อีกแน่นอน"
"เป็นเรื่องน่ายินดีที่สุดครับ ขอบพระคุณครับคุณปู่" โยเฮยิ้มกว้างด้วยความปลาบปลื้มใจ ก้มหลังคำนับอย่างนอบน้อมอีกครั้ง
"ดี...ออกไปได้แล้วล่ะโยเฮ ปู่มีเรื่องจะหารือกับคุณวาเซดะ"
โยเฮคลานเข่าถอยหลังออกจากห้องอย่างมีมารยาท รอยยิ้มพิมพ์ใจยังคงสว่างไสวสมกับได้ฟังข่าวดีที่รอคอย!
ทันทีที่ประตูปิดสนิท ชายหนุ่มกัดฟันแน่นจนสันกรามขึ้น หน้าแดงก่ำ กำหมัดจิกปลายเล็บบนฝ่ามือจนมือสั่น คล้ายว่าเยโฮหลานรักถูกสลับตัวกับอีกคนในโลกคู่ขนาน
เชอะ! แค่เศษเงินเพียงไม่กี่เยนไม่ต้องการหรอก โซอิจิขึ้นชื่อเรื่องขี้เหนียวไม่มีทางปรับให้ใครเกิน 20% เป็นแน่
แล้วยังไงอีก…ผ้าเช็ดหน้าดอกบ๊วยสีแดงเหมือนตราจักรพรรดิน่ะแหละ ใครที่ได้ครอบครองก็มีสิทธิ์ขาดในการออกคำสั่งกับทุกคนในตระกูล
ผ้าเช็ดหน้าจะสั่งทำขึ้นผืนต่อผืนเท่านั้น วิธีการพกคือจะพับแล้วเหน็บใส่กระเป๋าเสื้อโชว์ตราดอกบ๊วยสีแดง
หนึ่งในคนที่ได้ครอบครองก็คือ ‘ยูตะหลานชายคนโต’
'ทำไม! ทำไมต้องให้พี่คนเดียว ผมด้อยกว่าพี่ตรงไหน คุณปู่ไม่รักผมเหรอ ไม่มีใครรักผมเลยใช่มั้ย'
โยเฮอยากตะโกนคำนี้ในห้องญี่ปุ่นแทบแย่
ยิ่งคิดก็ยิ่งเกิดข้อเปรียบเทียบ
สองพี่น้องเกิดห่างกันแค่ 3 ปี โซอิจิเลี้ยงโยเฮมาตั้งแต่แบเบาะ ทว่าวันนี้กลับประเคนทุกสิ่งอย่างในอาณาจักรยามากูชิให้ยูตะเสียอย่างงั้น ส่วนเขาเป็นเพียงผู้คุมบัญชีธุรกิจปาจิงโกะและบาร์เท่านั้น
“ชั้นจะทำลายแกให้สิ้นซาก แกต้องทรมานจนขาดใจตายแล้วชั้นจะได้ขึ้นมาแทนแกไง หึหึหึ” โยเฮฉีกยิ้มชั่วร้าย เมื่อเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่าง
สิ่งที่น่ารำคาญ น่าขยาดแขยง สกปรกแต่เป็นของรักของหวงของยูตะ
'ได้เห็นดีกันแน่!'
"วันนี้ประชุมอะไรกันก็ไม่รู้นั่งทั้งวันนั่งจนเมื่อยก้นเลย แวะซื้อทาโกยากิไปฝากคุณแม่ดีกว่า" หนุ่มร่างเจ้าเนื้อบิดซ้ายบิดขวาไล่ความเมื่อยขบไปพลางขณะเดินอยู่บนถนนเลียบคลอง
เขามีชื่อจริงว่า ‘ทาคาโอะ’ แต่ทุกคนก็ยังชอบเรียกชื่อเล่นมากกว่า
เปโกะอาศัยอยู่กับผู้เป็นมารดา บ้านที่อยู่เปิดเป็นร้านขายของชำในชุมชนเล็ก ๆ แห่งหนึ่งไม่ไกลจากย่านธุรกิจของกรุงโตเกียว วันหนึ่งมีคนแนะนำให้มาทำงาน โดยบอกว่าเป็นงานง่าย เงินเดือนดี มีของอร่อยให้รับประทานตลอดเวลา
ผู้ติดตามประธานสมาพันธ์เคนโด้
จะว่าผู้ช่วยก็ไม่เชิงเพราะผู้ช่วยที่แท้จริงมีอยู่แล้วถึงสามคนด้วยกัน จะว่าเป็นบอดีการ์ดยิ่งไม่ใช่เข้าไปใหญ่!
เหตุผลคือ...เปโกะดูซื่อบื้อ หัวช้า เห็นแก่ของกิน ท่าทางควบคุมได้ง่าย หน้าที่ของเปโกะคือติดตามยูตะไปทุกหนแห่ง หากมีสิ่งผิดปกตินอกเหนือจากที่บอกไว้ให้รีบรายงานโดยทันที
"เหมาทาโกยากิคุณลุงหมดเกลี้ยง จะกินกับคุณแม่ให้หน่ำใจเลย"
ชายร่างอวบอั๋นยิ้มกว้างจนตาหยีเป็นเส้นเดียว แก้มชมพูเหมือนสีลูกพีช เดินผิวปากสบายใจขณะเดินข้ามสะพาน
ทันใดนั้นเองเขาได้ยินเสียงบางอย่างดังขึ้นไม่ใกล้ไม่ไกล
เสียงแหลมเล็กร้องอย่างตื่นกลัว เปโกะหยุดยืนกลางทางพยายามเงี่ยหูฟังอีกรอบ จนมั่นใจว่ามันเป็นเสียงที่เขาเคยได้ยินเป็นประจำที่คฤหาสน์ยามากูชิ!
จะเป็นไปได้ไงเล่า...จากคฤหาสน์หลังนั้นถึงคลองเล็ก ๆ สายนี้ มันห่างกันมากโขเลย เวลานี้เจ้านั่นควรอยู่กับยูตะที่ห้องมากกว่า แล้วมีใครพามันมาที่นี่
เปโกะหอบร่างต้วมเตี้ยม วิ่งลงสะพาน พยายามหาที่หลบ โชคเข้าข้างที่คืนนี้เป็นคืนเดือนคว่ำ บรรยากาศริมคลองมืดสลัวเพราะมีแสงไฟไม่มากเท่าไหร่ เขาเห็นกล่องกระดาษใบใหญ่สีน้ำตาลถูกปิดทับด้วยเทปกาว กล่องใบนั้นขยับเบา ๆ มีเสียงลอดออกมา
‘ต้องใช่แพนด้าจังแน่ ๆ’ ใครจับแพนด้าจังใส่กล่อง เปโกะเห็นเงาคนตะคุ่ม ๆ ห่างออกไป ร่างสูงชะลูดมองจากข้างหลังดูคล้ายกับยูตะแต่นั่นคือ โยเฮ!
ไม่ได้การแล้ว!
เขาจำต้องหาทางช่วยเจ้าแพนด้าจังออกมาให้ทันเวลา ก่อนที่คน ๆ นั้นจะรู้ตัวก่อน
เวลาเดียวกัน
"แพนด้าจัง แพนด้าจัง" ยูตะยกมือป้องปากตะโกน หันซ้ายหันขวาเดินหามาสักพักใหญ่แล้ว เพราะเขาไม่เห็นมันเลยตั้งแต่กลับถึงบ้านทั้งที่ปกติแล้ว ตะโกนเรียกครั้งเดียวก็จะวิ่งมาหาพันแข้งพันขาต้อนรีบกลับบ้านเสมอ
ทุกวัน ๆ ที่คฤหาสน์แห่งนี้ มีเพียงแพนด้าจังที่รอเขากลับบ้าน
ยูตะเริ่มสังหรณ์ใจไม่ดี…