ชิงดีชิงเด่น

852 Words
"อ้าว! คุณเซริยินดีต้อนรับกลับบ้านค่ะ"  เสียงทักทายอันนุ่มนวลจากอาซาโกะ หัวหน้าแม่บ้านวัยอาวุโสในชุดกิโมโน เกล้ามวยผมตึงเป๊ะ โค้งศีรษะแสดงความเคารพ กิริยามารยาทอ่อนน้อมถ่อมตนแต่ยังดูสง่างามสมแล้วที่ได้ทำงานกับตระกูลฮายาม่า  เมื่อในอดีตตระกูลฮายาม่าคือตระกูลซามูไรผู้พิทักษ์ชาติบ้านเมืองมาช้านาน ปัจจุบันซามูไรถูกกล่าวขวัญในหน้าประวัติศาสตร์ไม่มีบทบาทในทางสังคมแล้ว  แต่ตระกูลฮายาม่ายังคงยึดถือภารกิจการปกป้องชาติบ้านเมือง จากวิถีซามูไรสู่ผู้พิทักษ์สันติราษฎ์ในปัจจุบัน "เย็นนี้คุณเซริอยากทานอะไรเป็นพิเศษมั้ยคะ" เพราะหล่อนสังเกตเห็นความเศร้าสร้อยในดวงตาของนายน้อย ฝีมือทำอาหารของอาซาโกะคือที่หนึ่งและหนึ่งเดียวในโตเกียวอย่างแท้จริง "ขอชาชูราเมนพิเศษร้านเดิมแล้วกันครับ แล้วก็..." เซริละคำพูดไปชั่วขณะ "แค่นี้ละกันครับ ผมไม่ค่อยหิวเท่าไหร่" "ได้ค่ะ เดี๋ยวดิฉันเตรียมให้นะคะ" หล่อนไม่ถามเซ้าซี้เพราะรู้อยู่เต็มอก กลิ่นบุหรี่ค่อย ๆ จางลงหลังเซริเดินจากไป เขาคงอยากหาที่เงียบ ๆ เพื่อสงบจิตใจ อาซาโกะเป็นห่วงสุขภาพของเขาเพราะเกรงว่าบุหรี่จะทำร้ายสุขภาพ หล่อนถึงขนาดพยายามเตรียมอาหารเพื่อสุขภาพดี ๆ ให้รับประทานทุกมื้อก็ตาม แต่เซริติดใจรสชาติราเมนร้านเล็ก ๆ เจ้าประจำมากกว่า แม้อาซาโกะจะลองปรุงให้ได้รสชาติเดียวกันก็ตาม ทุกสิ่งอย่างที่อยู่รอบตัวเซริล้วนมีเรื่องราวและความทรงจำทั้งสิ้น ช่วงค่ำวันเดียวกัน ณ คฤหาสน์ยามากูชิ  คฤหาสน์สร้างตามแบบวัฒนธรรมญี่ปุ่นดั้งเดิมอยู่ชานเมืองโตเกียว หลังใหญ่โตโอ่อ่าสมฐานะตระกูลซามูไรผู้มั่งคั่งร่ำรวย เนื้อที่กว้างขวาง กำแพงสูงรั้วรอบขอบชิด ห้อมล้อมไปด้วยเวรยามรักษาความปลอดภัยอันหนาแน่น เนื่องจากผู้นำตระกูลคนปัจจุบันนอกจากบารมีอันเป็นที่น่ายำเกรงแล้ว ศัตรูก็มากมายมโหฬารไม่แพ้กัน เมื่อปีกลายมีนายทุนมาลงทุนจะมาสร้างคอนโดสูงบนพื้นที่ข้างเคียง แต่แล้วการก่อสร้างต้องหยุดชะงักด้วยคำสั่งศาล  แม้โครงการพยายามชี้แจ้งว่าไม่ได้ทำอะไรขัดต่อกฏหมาย แต่ก็อย่างว่า...ดันไปขัดหูขัดตาเจ้าของคฤหาสน์เข้าต่างหาก หากตึกสูงบ้านั่นสร้างเสร็จเมื่อไหร่ความเป็นส่วนตัวของเขาจะหายไปในทันที หลังจากนั้นที่ดินบริเวณรอบนอกคฤหาสน์ก็ถูกซื้อไปภายใต้ชื่อของตระกูลยามากูชิ  เพื่อความสบายใจจ่ายแพงเท่าไหร่ก็ยอม ทันทีที่รถเมอร์ซิเดสเบนซ์สีเงินเงาวับจอดสนิท พ่อบ้านที่ยืนรออยู่ก่อนแล้ว รีบเปิดประตู ค้อมศีรษะทำความเคารพผู้เป็นนายที่ก้าวลงจากรถ  "ยินดีต้อนรับกลับบ้านครับคุณหนูโยเฮ ท่านโซอิจิต้องการพบคุณหนูที่ห้องญี่ปุ่นครับ" ได้การล่ะ เพิ่งกลับจากประชุมสมาพันธ์ฯ มาและมีเรื่องร้อน ๆ จะเล่าให้ฟังพอดี "รับทราบครับ ขอบคุณนะครับ ผมจะไปเดี๋ยวนี้เลยครับ" จากที่หน้าตาบึ้งตึง อารมณ์ขุ่นมัวก็กลายเป็นคนหน้าตาสดใส ยิ้มแย้มไปทันทีทันใด  รถลีมูซีนสีขาวอีกคันเคลื่อนเข้ามาจอดสนิทข้างกัน ทันทีที่คนในรถปรากฏตัวขึ้นแล้วส่งยิ้มให้โยเฮ แต่ฝ่ายน้องชายกลับตวัดหางตาใส่ แล้วส่งเสียงฮึดฮัดแสดงความไม่พอใจ เดินอาด ๆ เข้าบ้านไป สองพี่น้องแห่งตระกูลยามากูชิต่างมีรถประจำตัวคนละคัน  ลีมูซีนสีดำมีไว้สำหรับโซอิจิ ยามากูชิ ผู้นำสูงสุดประจำตระกูล ลีมูซีนสีขาวมีไว้สำหรับว่าที่ผู้นำตระกูล ส่วนรถประจำตัวของโยเฮก็รถยุโรปยี่ห้อหรูหราราคาแพงไม่แพ้พี่ชายและคุณปู่เช่นกัน ทว่ากฏเหล็กของรถประจำตำแหน่งคือ ห้ามนั่งรถที่ไม่ใช่ของตัวเองห้ามนั่งก่อนไดรับอนุญาตเป็นอันขาด หลายปีก่อนหน้าสองพี่น้องเคยถูกลงโทษอย่างหนักเพียงเพราะนึกสนุกแอบไปนั่งเล่นรถลีมูซีนสีขาวตามคำชักชวนของยูตะ ซึ่งขณะนั้นยังไม่มีใครได้รับการแต่งตั้งให้เป็นว่าที่ผู้นำตระกูล ผลก็คือ... 'คุณปู่ครับ!!! อย่าลงโทษโยเฮเลย ลงโทษผมแทนเถอะ ผมเป็นคนชวนโยเฮไปเอง โยเฮไม่ผิดนะครับ...' ยูตะโผเข้ากอดน้องชายไว้แน่นพร้อมยอมรับผิดแทน  'คล้อยตามลมปากของคนอื่น ถือว่าจิตใจไม่เข้มแข็ง ไม่สมเป็นชายชาตรี ต้องลงโทษให้เข็ดหลาบ คนขับรถก็เช่นกันรู้อยู่แก่ใจแต่ไม่ห้ามปรามต้องไล่ออกสถานเดียว!'  สองพี่น้องถูกฟาดด้วยดาบไม้จนนอนซมไปหลายวัน  นั่นเป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งของจุดเริ่มต้นความขัดแย้ง โยเฮคิดเสมอว่าตัวเองเป็นได้แค่เงาในมุมมืดของพี่ชายเท่านั้น ถ้าการชิงดีชิงเด่นมีจุดเริ่มต้นจากครอบครัว...เขาก็หาได้พอใจในสิ่งที่ตนมีไม่!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD