นายมันหน้าด้าน
"เป็นผมไม่อยู่ต่อหรอก มีแต่คนประเภทเดียวเท่านั้นแหละ ที่ยังนั่งอยู่ได้เหมือนทองไม่รุู้ร้อน"
นายตำรวจหนุ่มร่างสูงน่าเกรงขามในชุดสูทสีดำ ท่าทีเข้มขรึมพูดใส่ไมค์ถึงคนที่นั่งอยู่เบื้องหน้า สมาพันธ์เคนโด้ที่สืบทอดกันมากว่า 100 ปีถึงคราวลุกเป็นไฟก็วันนี้แหละ
"นายมันคนหน้าด้าน!"
สิ้นประโยคดังกล่าว ห้องประชุมตกอยู่ในความเงียบงัน องค์ประชุมต่างหันไปคุยกระซิบกระซาบกันเอง หลายคนรู้ว่าเขาทั้งสองเคยเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องเรียนโรงเรียนเดียวกันมาก่อน
คนถูกวิจารณ์กัดฟันกรอด กำหมัดสองข้างแน่นจนมือสั่นระริก ใบหน้าหล่อหลาเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำด้วยความโกรธ ถ้าเป็นคนอื่นด่าเขาด่าสวนกลับไปนานแล้ว
แต่...เพราะเป็นเขาคนนี้นี่ล่ะ
"หยุดนะ! ตั้งแต่เปิดประชุมมา พี่พูดจาไม่ให้เกียรติผมเลยสักครั้ง พี่จำได้มั้ยเราเคยเข้าค่ายเก็บตัวด้วยกัน กินข้าวหม้อเดียวกัน เป็นรูมเมทกัน ผมนับถือพี่เหมือนพี่ชายแท้ ๆ มาโดยตลอด ครั้งก่อนก็ขู่จะให้ยากูซ่ามาจัดการผม ถ้าผมตายไปพี่ก็ติดคุกไปแล้ว พี่เคยคิดบ้างมั้ย นับแต่วันนี้..."
ประโยคหลังจากนี้ประธานสมาพันธ์หนุ่มต้องกลั้นใจพูดอย่างที่สุด
"เราไม่ต้องมาเป็นพี่น้องกันอีก!!!"
คำพูดดังก้องอยู่ในโสตประสาท สะเทือนถึงขั้วหัวใจคนทั้งสอง ที่เคยผูกสัญญาซึ่งกันและกัน
"คุณฮายาม่า! ถอนคำพูดเถอะครับ" โชตะประธานอาวุโสเห็นท่าไม่ดีจึงรีบตักเตือนด้วยความปรารถนาดีและเพื่อรักษาบรรยากาศในที่ประชุม
"ผมพูดความจริงครับ สมาชิกสมาพันธ์เคนโด้ที่กระจายตัวอยู่ทั่วญี่ปุ่นต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่ายามากูชิ ยูตะไร้ซึ่งคุณสมบัติการเป็นผู้นำที่ดีครับ ผมไม่ได้กล่าวลอย ๆ นะครับ ผมมีเอกสารอ้างอิงจากเหล่าสมาชิกด้วย"
เซริชูกระดาษปึกใหญ่เหนือศีรษะให้ทุกคนได้เห็นทั่วกัน
"เราใช้คำพูดคนอื่นมาอ้างในที่ประชุมไม่ได้นะครับคุณฮายาม่า คุณทราบกฎดี ขอความกรุณาถอนคำพูดครับ" โชตะยังคงใจเย็นและมีเหตุผลเสมอท่ามกลางบรรยากาศอันคุกรุ่น
"ไม่ถอนคำพูดครับ ผมพูดคำไหนคำนั้น!"
ร้อยตำรวจโทเซริ ฮายาม่าเป็นคนตรงไปตรงมา มีความเป็นลูกผู้ชายมากพอที่จะพูดคำไหนคำนั้นและยืนยันจะไม่ถอนคำพูดเด็ดขาด แม้ประธานอาวุโสจะย้ำเตือนเป็นครั้งที่สองก็ตาม
ในทางกลับกันยูตะ ยามากูชิที่ภายนอกดูเป็นคนขึงขัง ไม่สบอารมณ์กับคนรอบข้างมากนักกลับใส่ใจในความเป็นพี่น้องมาก เขาเองก็นึกไม่ถึงว่านายตำรวจรุ่นพี่ตนเองเคารพนับถือจะกล้าเอ่ยคำว่า 'หน้าด้าน' ใส่เขาต่อหน้าองค์ประชุมคนอื่่น ๆ
ยูตะรู้สึกสะเทือนใจระคนอับอายอย่างบอกไม่ถูกจึงลุกขึ้น หันหลังเดินออกจากห้องประชุมไป แต่ก่อนจะออกมานั้นยูตะไม่ลืมที่จะหันไปสะกิดปลุกเปโกะผู้ช่วยคนสนิทที่นั่งสัปหงกอยู่ให้ตื่นขึ้น เพราะองค์ประชุมกำลังจับมองเขาอยู่
"งั้นตามระเบียบผมต้องเชิญคุณฮายาม่าออกจากห้องประชุมครับ" ประธานอาวุโสจำต้องยืนตามระเบียบ
นายตำรวจหนุ่มยอมทำตามแต่โดยดีแต่ยังคงเก็บความรู้สึกได้ดีเยี่ยม
ภายใต้ความเกรี้ยวกราด ดุดันนั้น เซริหรี่ดวงตาเรียวยาวมองต่ำลง ใครจะล่วงรู้ได้ว่าลึก ๆ ภายในใจเขาเจ็บปวดเพียงใดที่ต้องเอ่ยคำพูดแรง ๆ ใส่รุ่นน้องคนสนิท ด้วยนิสัยของเซริผู้มีเจตนาดีต่อคนรอบข้างเสมอ แม้คำพูดคำจาจะไม่หวานลื่นหูนัก เขาจำต้องดุด่าว่ากล่าวยูตะเพื่อรักษาเกียรติของสมาพันธ์เคนโด้นี้ไว้ และเป็นอีกครั้งในชีวิตที่เซริได้หลั่งน้ำตาออกมาด้วยความเสียใจ...!
ยูตะมองความเคลื่อนไหวอยู่หลังฉาก เมื่อในอดีตแผ่นหลังหนาแกร่งของคนร่างสูงที่เขาเคยวิ่งเข้ากอด ลาดบ่ากว้างที่เคยให้เอนศีรษะซบระบายความทุกข์ในใจนับครั้งไม่ถ้วน ดวงตาเรียวยาว ม่านตาดำคมกริบจ้องตอบยูตะเช่นคนรู้ใจ...บัดนี้ทุกอย่างได้เปลี่ยนไป
ยูตะลอบมองตามหลังเซริด้วยความอาลัยอาวรณ์อย่างบอกไม่ถูก อาจเป็นเพราะความผูกพันธ์ตั้งแต่อดีตทั้งคู่เจอกันที่ชมรมเคนโด้ตอนเรียนมัธยมปลาย เข้าค่ายเก็บตัวฝึกซ้อมมาด้วยกัน ต่างคนต่างคอยเป็นกำลังใจให้กันและกันในทุกการแข่งขัน ยูตะรู้ว่าอะไรคือของโปรดของเซริ ในขณะที่เซริรู้ว่ายูตะชอบอ่านหนังสือของใคร
ความสัมพันธ์นี้ช่างซับซ้อนยิ่งนัก
เพราะบทบาทในสมาพันธ์อันทรงเกียรติที่บังคับให้พวกเขาต้องแสดงบทบาทที่ไม่ใช่ตัวเอง จะแบ่งแยกกันไปเพื่ออะไรในเมื่อทุกคนต่างมีจุดมุ่งหมายเดียวกันคืออนุรักษ์-สืบทอดศิลปะการต่อสู้นี้ไปจนชั่วลูกสืบหลาน
ยูตะเองก็หลั่งน้ำตาแห่งความอัดอั้นเพื่อเซริด้วยเช่นกัน
"พี่เซริ...ผมขอโทษ!"