"ว้าว! วันนี้คุณแม่ใส่บ๊วยเค็มมาให้หลายลูกจัง ขอบคุณครับคุณแม่"
เปโกะจังหน้าชื่นตาบาน ยิ้มแก้มปริเมื่อกัดข้าวปั้นแล้วเจอของโปรด คนร่างท้วมไม่รับรู้ถึงความเดือดดาลที่เกิดขึ้นในประชุมเลย เปโกะไม่ใช่นักเคนโด้ที่เก่งกาจ เป็นเพียงคู่ซ้อมและเป็นผู้ติดสอยห้อยตามยูตะเท่านั้น
สุคิเดะเหลือบตามองเปโกะด้วยความเหนื่อยหน่ายใจ
'คนบ้าอะไรวะ นิ่งเป็นหลับ ขยับเป็นแดกจริง ๆ '
ขนาดให้เป็นคู่ซ้อมยังชอบมาสาย นั่งหลับน้ำลายยืดได้ทุกที่ทุกเวลา! ถ้าไม่ใช่คำสั่งของประมุขแห่งตระกูลยามากูชิ (ผู้อุปถัมภ์สมาพันธ์) ไอ้อ้วนนี่โดนไล่ไปตัดหญ้าตั้งนานแล้ว แต่จุดประสงค์ที่แท้จริงเปโกะถูกจ้างมาเพื่อควบคุมยูตะต่างหาก
สุคิเดะ - หนึ่งในสามจักรพรรดิผู้มีสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับนายทุนธุรกิจใหญ่ เขาเปิดทางให้เหล่านายทุนเงินหนาเข้ามาสนับสนุนนักกีฬาเพื่อแลกกับการเจรจาธุรกิจกับกลุ่มทุนต่างชาติ ผ่านการแข่งขันเคนโด้ระดับนานาชาติ เขาทำให้นักกีฬาผู้มีอุดมการณ์อันแรงกล้ากลายเป็นสินค้าที่ซื้อขายได้
ขณะพักการประชุม
องค์ประชุมหลายกลุ่มกำลังจับกลุ่มคุยกับถึงฉากเดือดเชือดเฉือนอารมณ์เมื่อสักครู่ เขาว่าท่านประธานผู้ทรงเกียรติดีแต่นั่งเก็กหล่อแล้วลุกขึ้นชี้แจงตามเอกสารที่ผู้ช่วยร่างให้อย่างกะหุ่นยนต์ยังไงยังงั้น แสดงอารมณ์โกรธออกมาบ้างก็ดีจะได้รู้ว่ายังเป็นมนุษย์อยู่ บางคนก็ว่าหากประธานไม่บทบาทเช่นนี้ ไม่ต้องมีเลยเสียดีกว่า
ฟุตาบะ นักเคนโด้หนุ่มไฟแรงรายงานความเคลื่อนไหวในสมาพันธ์ให้เพื่อนของตนเองได้ทราบทางวิดีโอคอล ปลายสายคือทานากะ นักกีฬาเคนโด้ไร้สังกัดที่ผ่านสนามแข่งขันระดับนานาชาติมานับครั้งไม่ถ้วน ด้วยความที่เขาเป็นทายาทนักธุรกิจจึงมีทุนมากพอที่จะเดินทางไปแข่งขันด้วยตัวเองโดนไม่จำเป็นต้องขอทุนสนับสนุนจากใคร
แต่ถึงกระนั้น...ทานากะยังถูกแบนไม่ให้เข้าเป็นสมาชิกสมาพันธ์อันทรงเกียรติเพราะคุณสมบัติไม่ครบถ้วน แต่ทุกคนเชื่อว่านั่นเป็นเพียงขออ้างของพวกอนุรักษ์นิยมต่างหาก
"ต้องขอบคุณรุ่นพี่จิไรยะที่ช่วยประเด็นให้ผมให้ได้หาจังหวะเสริม..." ฟุตาบะพูด
"พี่จิไรยะเป็นทั้งนักเคนโด้และอาจารย์สอนศิลปะการต่อสู้หลากหลายแขนงเป็นคนหูตาหว้างไกล ฝ่ายสามจักรพรรดิพยายามดึงตัวเขาไปร่วมด้วยแต่เขาไม่ไป เพราะเขาต้องการกระชากหน้ากากคนผู้เบื้องหลัง" ทานากะพูดผ่านจอโทรศัพท์
"เพราะงั้นยูตะ ยามากูชิก็แค่หุ่นเชิดเท่านั้น"
"ผมสงสัยครับแล้วทำไมเขาไม่ให้คุณโยเฮน้องชายคุณยูตะขึ้นเป็นประธานตั้งแต่แรกล่ะครับ" โทรุ หนุ่มร่างเล็กแต่ฉลาดปราดเปรื่องผู้ได้รับฉายา 'สารานุกรมพูดได้' ถามขึ้น โทรุที่เข้าร่วมสมาพันธ์ฯ ได้ไม่นานจึงไม่ทราบเบื้องลึกเบื้องหลังที่แท้จริง
ฟุตาบะจึงอธิบายเหตุผล...
"ชั้นเห็นด้วยนะ เราทุกคนก็เห็นตรงกันว่าโยเฮมีคุณสมบัติครบถ้วน เคยเป็นแชมป์เคนโด้ผ่านสนามแข่งมาเยอะมาก แต่สามจักรพรรดิเลือกยูตะเพราะเหตุผลบางอย่าง...เขาต้องการใช้ยูตะเป็นเครื่องมือทำลายฝ่ายเรา เพราะเขาคนนั้นอยู่ฝ่ายเดียวกับเรา"
"ห๊ะ...!!!? "
โทรุอ้าปากเหวอเกือบร้องเสียงหลงออกมา แต่ยังดีที่ฟุตายะยกมือปิดปากเขาทันพลางยกมือข้างที่เหลือมาทำท่าจุ๊ปากตัวเอง สื่อสารด้วยอวัจนะภาษาที่เข้าใจตรงกัน โทรุตั้งสติแล้วพยักหน้ารับเงียบๆ แสดงว่าข่าวลือเป็นจริง
เขาคนนั้น...ยืนสูบบุหรี่อยู่ที่ชานระเบียง
นายตำรวจหนุ่มสายปราบปรามเป็นคนรักสุขภาพ ชอบฝึกเคนโด้ จ๊อกกิ้งออกกำลังกายเป็นประจำ เขียนพู่กันฝึกสมาธิ ว่างเป็นอ่านหนังสือแต่...เขาตอนนี้กลายเป็นสิงห์อมควันไปแล้ว
เซริสูบหนักขึ้นเรื่อย ๆ จากวันละ 2-3 มวนกลายเป็นวันละหนึ่งซอง เพียงแค่หวังว่าเปลวไฟและควันบุหรี่จะช่วยคลายเครียดให้ไม่มากก็น้อย
แต่มันแทบไม่ช่วยและยังทำลายสุขภาพ
สมาพันธ์อันทรงเกียรติแห่งนี้กำลังกัดกร่อนความเป็นตัวตนของเหล่าสมาชิกไปทีละน้อย
"ใกล้หมดเวลาพักแล้ว คุณเซริเข้าห้องประชุมกันเถอะค่ะ" ฮัตโตรินักเคนโด้ข้ามเพศคนแรกในสมาพันธ์และเพื่อนที่คุ้นเคยในวงการเคนโด้มาช้านานกล่าวเชิญชวน แต่อีกฝ่ายกลับนิ่งเงียบคล้ายไม่ได้ยินที่เขาเรียก
"คุณเซริคะ..."
"อ๋อ…คือ ช่วงต่อไปผมไม่เข้าแล้วล่ะ ผมแจ้งลาประชุมแล้ว" เซริผู้มีใบหน้าเย็นชาอันเป็นบุคลิกส่วนตัวพยายามคลี่ยิ้ม แต่ด้วยเพลิงแห่งความโกรธเกรี้ยวยังคงลุกโชนในใจผสมปนเปกับความรู้สึกผิดต่อคำมั่นสัญญา ทำให้เขาไม่อาจกลับไปสู้หน้ากับประธานสมาพันธ์ได้อีก
"อ้าว! จริงๆ คุณเซริมีประเด็นอภิปรายอีกไม่ใช่เหรอคะ มันน่าสนใจมากเลยค่ะ พวกเรารอสนับสนุนอยู่นะคะ"
"ผมมอบหมายให้ลูกน้องอภิปรายแทนแล้วล่ะ" คนร่างสูงขยี้ก้นบุหรี่กับกระบะทราย "อีกอย่างถ้าผมกลับเข้าไปทุกคนจะไม่ได้ประชุมต่อนะครับ เดี๋ยวท่านประทานจะคุมสติไม่อยู่ งอแงลุกขึ้นพรวดพราดหลบหลังฉากอีก คุณฮัตจังกับคุณฟุตาบะสู้ๆ นะครับ ผมรู้ว่าพรรคพวกกลุ่มสามจักรพรรดิจับตามองพวกคุณอยู่"
"ขอบคุณค่ะ คุณเซริกลับบ้านดีๆ นะคะ" ฮัตโตริหรือฮัตจังยิ้ม เดินถอยหลังเลี่ยงออกมาอย่างมีมารยาท ฮัตจังเองก็รู้เรื่องนี้มานานแล้วเช่นกัน
เซริแทรกตัวเข้าไปในห้องโดยสาร เสียบกุญแจที่ห้อยตัวการ์ตูนรูปหมีกับแมวคู่กัน เครื่องยนต์เสียงทุ้มอันเป็นเอกลักษณ์ส่งเสียงคำรามลั่นอาคารจอดรถและจึงบังคับพวงมาลัยออกไป
แลมโบกินีคันสีดำเงาวับขับออกจากอาคารสมาพันธ์ไป
แน่นอนว่ายูตะเห็นท้ายรถคันนั้นจากหน้าต่างกระจกกว้างในห้องพัก
‘ก็ดีเหมือนกัน ถ้าเจอกันในห้องประชุมอีกครั้ง ทั้งสองจะมองหน้ากันยังไงดีนี่สิ’ ประธานหนุ่มหน้าละอ่อน ดวงตาเศร้าหมองพูดกับตัวเอง
"คุณหนูยูตะ ผมเตือนแล้วใช่มั้ยว่าให้คุมสติ อยู่ในที่ประชุมสมาพันธ์ห้ามพูดเรื่องส่วนตัว ไม่ว่าจะถูกต้อนให้จนมุมยังไงก็ห้ามเอ่ยเรื่องส่วนตัวเป็นอันขาด มันคือกฏนะครับ ถ้าแม้แต่ประธานไม่รักษากฏแล้วกฏระเบียบจะศักดิ์สิทธิ์ได้ยังไงกัน"
ซึบุระยะ วาตานาเบ้กล่าวตักเตือน เขาคือหนึ่งในสามจักรพรรดิ ผู้สืบเชื้อสายตระกูลโชกุนอันเก่าแก่ ปัจจุบันเป็นนักธุรกิจสืบทอดกิจการหมื่นล้านเยนของครอบครัว เป็นคนเคร่งครัดประเพณีปฏิบัติและไม่ยอมโอนอ่อนผ่อนตามข้อเสนอแนะจากคนรุ่นใหม่แม้แต่กับทานากะผู้เป็นหลานแท้ๆ ที่ใช้นามสกุลเดียวกัน
"ผมพยายามแล้วครับคุณซึบุระยะ ผมขอโทษแทนทุกคนด้วย ผมทนไม่ได้ที่เขาด่าผมว่าหน้าด้านต่อหน้าทุกคน..."
"ต่อให้ถูกด่าแล้วถ่ายทอดสดออกทีวีคุณก็ต้องอดทนนะครับ คุณเป็นถึงประธานผู้ทรงเกียรติต้องรักษาภาพลักษณ์องค์กร คุณคือตัวแทนของเหล่าสมาชิกนับพันนับหมื่นทั่วญี่ปุ่น"
"ผมขอโทษ..."
"หยุดพูดขอโทษสักที! คุณยูตะ" ซึบุระยะเผลอขึ้นเสียง เด็กคนนี้ช่างอ่อนไหวไม่ได้ดั่งใจสักนิด "เอาล่ะ เข้าห้องประชุมเถอะครับ"
คนถูกดุปฏิบัติตามอย่างว่าง่าย จากเคยเป็นคนร่าเริง แคร์ความรู้สึกคนรอบข้าง ยูตะคนใหม่ต้องวางมาดนิ่ง แสดงอำนาจบาตรใหญ่ต่อหน้าทุกคน ตัดขาดความสัมพันธ์จากเพื่อนๆ ที่ไม่ยอมเข้าร่วมกับฝ่ายอนุรักษ์นิยม
โยเฮผู้เป็นน้องชายร่วมสายเลือดยังมองเขาเปลี่ยนไป
เพราะสิ่งที่เซริต้องการปกป้องไม่ใช่แค่สมาพันธ์อันทรงเกียรติแต่นั่นรวมถึงยูตะด้วย!