หญิงสาวกอดอกเดินออกมาจากห้องของชายหนุ่มด้วยใบหน้าอารมณ์เสียสุดขีด ผู้ชายอะไรมันจะเจ้าขู้ขนาดนั้นก็ไม่รู้ เห็นผู้หญิงหน่อยก็ไม่ได้ต้องอ่อยตลอด
“เธอทำไมต้องโกรธฉันด้วยอ่ะ ฉันคิดว่าไม่ได้ทำอะไรให้เธอเดือดร้อนนะ”
“แหม่! เดือนร้อนชื่อเสียงโรงแรมนะสิ ถ้าฉันไม่บังเอิญมาเห็นมันจะไปถึงไหนต่อไหนแล้ว และถ้าข่าวนี้หลุดออกไปโรงแรมที่พ่อฉันสร้างมาพังหมด ที่นี่โรงแรมหรูห้าดาวไม่ใช่ซ่อง เข้าใจมั้ย”
กีต้าร์ถึงกับเถียงไม่ออกเพราะสิ่งที่เธอพูดเธอพอเข้าใจความเสียหาย กว่าจะได้ชื่อเสียงมาขนาดนี้ก็คงทำตามกฎระเบียบมาดีตลอด
“โอเคฉันขอโทษ แต่สาบานเลยนะว่าไม่มีเรื่องแบบนั้นแน่นอน ฉันทำงานมาเหนื่อยจะตายใครจะมาคิดเรื่องแบบนั้นได้อีก”
“ก็ไม่รู้นะมันเรื่องของนาย แต่ถ้านายมาทำให้โรงแรมฉันเสียหายขึ้นมา จะฟ้องแน่นอนเตรียมทนายไว้ได้เลย”
ทั้งสองคนเดินลงมาชั้น13ก็มานั่งตรงโต๊ะประจำสำหรับภาดาและกีต้าร์ เป็นโซนส่วนตัวไม่รบกวนลูกค้าคนอื่นเอาไว้เพื่อรับแขกVIPที่มาคุยงานเท่านั้น ทั้งสองคนเปิดเมนูดูว่ามีอะไรน่ากินรึเปล่าแล้วก็สั่งมาคนละหนึ่งอย่างเท่านั้น
ตลอดการนั่งรับประทานอาหารเย็นร่วมกันไม่มีใครคุยอะไรกันเลยเพราะไม่รู้ว่าจะคุยอะไรดี ปกติก็ไม่ค่อยคุยกันอยู่แล้วไปทางทะเลาะกันซะมากกว่า
“เธอได้วันหยุดหรือยัง”
“หือ… วันหยุดเหรอก็อาทิตย์นั่นแหละ เห็นว่าเฉพาะนักศึกษาฝึกงานเท่านั้นส่วนพนักงานคนอื่นห้ามหยุดวันอาทิตย์มั่ง”
“ใช่… เห็นเชฟบอกว่าที่นี่คนเยอะวันหยุด พนักงานได้เงินเพิ่มขึ้นก็โอเคนะ เอาจริงที่นี่บรรยากาศการทำงานดีมากเลยฉันชอบนะเป็นกันเองมาก”
เขาเอ่ยออกมาพร้อมกับรอยยิ้ม เป็นบริษัทในฝันเลยเพราะทำงานแบบเพื่อนร่วมงานจริงๆ ไม่มีใครเกลียดใครหรือนินทาลับหลังกัน ทุกคนพร้อมช่วยเหลือกันเสมอ
“นี่ว่าฝึกงานเสร็จจะไปปรับเปลี่ยนบริษัทใหม่ทั้งหมด ที่นั่นดูตึงเครียดไม่รู้ว่าเป็นไรกันนักหนา”
“จริง… แล้วก็ขี้เกรงใจมากไม่ชอบเลยอ่ะ”
ทั้งสองคนบ่นออกมาเหมือนหาที่ระบายมากกว่า ทั้งสองคนไม่เคยมาคุยกันแบบนี้เลยตั้งแต่รู้จักกันมาไม่ทะเลาะกันก็แกล้งกันจนอีกฝ่ายโมโหแต่วันนี้เหมือนมาคุยเรื่องที่มีสาระมากกว่า
“นายก็ต้องนำไปปรับใช้ เป็นเจ้านายก็ต้องเข้าหาลูกน้องด้วยเขาถึงจะไม่เกร็ง”
“งั้นเหรอ… ฉันว่าตัวเองอัธยาศัยดีมากแล้วนะ สงสัยมันจะยังไม่พอมั่ง เอาไว้จะแก้ไขแล้วกัน”
“ดีมาก อ่อ แล้วถ้าบังเอิญเจอกันก็ไม่ต้องบอกใครต่อใครนะว่ารู้จักกัน ฉันไม่อยากให้ใครรู้ว่าเราสองคนรู้จักกัน”
หญิงสาวออกกฎขั้นเด็ดขาดห้ามเขาบอกใครต่อใครว่าเราสองคนรู้จักกัน เธอไม่อยากมานั่งตอบคำถามว่าเป็นเพื่อนกับคนนั้นคนนี้ใช่รึเปล่ามันดูวุ่นวายกับชีวิตมาก
“เออ… โอเค ไม่รู้จักก็ไม่รู้จัก หึ!”
“ดีมากน้องชาย”
หญิงสาวยิ้มออกมาอย่างพอใจก่อนจะนั่งทานอาหารตรงหน้าต่อด้วยความหิวโหย จากนั้นก็แยกย้ายกันไปพักผ่อนโดยที่ทั้งสองคนไม่ลืมที่จะโทรไปรายงานคุณพ่อคุณแม่เกี่ยวกับการมาทำงานในวันนี้ เล่าเรื่องราวที่ไปเจอมาในวันนี้มันเป็นความสุขเล็กๆที่อยากแบ่งปันให้คนอื่นฟังก็เท่่านั้นเอง
วันต่อมา…
ภาดาเดินถือเอกสารตรงไปยังห้องอาหารเพื่อส่งรายละเอียดเมนูอาหารที่ต้องใช้ในงานเลี้ยงของลูกค้าในค่ำคืนนี้ เธอเดินมาถึงประตูแต่ว่าไม่ทันได้ระวังตัวเองก็เลยลื่นล้มในครัว
“ระวังนะ!”
“กรี๊ดดดดดดด”
หญิงสาวร้องกรี๊ดออกมาเสียงดังลั่นก่อนจะปล่อยแฟ้มเอกสารทุกอย่างกระจายลงเต็มพื้น พนักงานบริเวณนั้นเห็นก็รีบวิ่งมาทันทีรวมถึงกีต้าร์ที่ดูตกใจมากรีบวิ่งเข้ามาแต่ก็ต้องชะงักไปเมื่อเธอบอกว่าห้ามทำเหมือนรู้จักกัน เขาจึงปล่อยให้คนอื่นไปช่วยแล้วตัวเองเก็บเอกสารให้แทน
“น้องนักศึกษาเป็นยังไงบ้าง เจ็บตรงไหนมั้ย”
“ไม่เป็นไรมากค่ะพอดีว่าลงถูกท่า แต่ว่ามันเปียกค่ะทำไมถึงมีน้ำหกเลอะเทอะแบบนี้คะเนี่ย”
หญิงสาวบ่นออกมาก่อนจะมองกีต้าร์ตาขวาง เธอเห็นนะว่าเขาวิ่งมาคนแรกเลยแต่ทำไมถึงมาเก็บเอกสารแทนที่จะมาช่วยเธอก่อน ผู้ชายอะไรใจดำมากเลยให้ตายสิ
“พนักงานทำหกแม่บ้านกำลังจะมาทำความสะอาดจ้ะ ตะโกนบอกไม่ทันขอโทษด้วยนะ”
“ไม่เป็นไรค่ะไม่ใช่ความผิดของใครหรอก ขอบคุณนะคะที่มาช่วย”
เธอนิ่วหน้าเล็กน้อยเมื่อรู้สึกว่าช่วงสะโพกจะเจ็บเป็นพิเศษ แต่ก็ต้องทำเก่งไปก่อนเพื่อไม่ให้คนอื่นๆเป็นกังวล หญิงสาวแย่งแฟ้มเอกสารจากมือของเขาก่อนจะส่งไปให้พี่พนักงานคนอื่น
“เอกสารรายละเอียดเมนูอาการหารที่ต้องใช้เย็นนี้ค่ะ หนูส่งเมลตามไปแล้วนะคะแต่กลัวไม่เห็นก็เลยเอามาให้อีกรอบ”
เธอยื่นเอกสารให้ก่อนจะมองไปโดยรอบอย่างรู้สึกไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ มันไม่ควรเกิดขึ้นด้วยซ้ำเหตุการณ์นี้และถ้าคนที่ล้มไม่ใช่เธอแต่เป็นลูกค้าคงจะแย่ไปมากกว่านี้ ถ้าเป็นที่โรงแรมของเธอป่านนี้โดนใบเตือนไปแล้ว
“ขอบคุณมากนะจ้ะ เราไม่เจ็บตรงไหนใช่มั้ยไปหาหมอตรวจหน่อยมั้ย”
“ไม่เป็นไรค่ะหนูสบายมาก ขอตัวก่อนนะคะ”
เธอฝืนยิ้มออกมาก่อนจะเดินออกไปจากตรงนั้นทันที กีต้าร์สังเกตเห็นว่าเธอเดินแปลกไปแสดงว่าคงเจ็บจากอุบัติเหตุเมื่อสักครู่แน่ เขาเดินตามไปจนลับสายตาคนอื่นก่อนจะดึงเธอไปยังบันไดฉุกเฉิน
“เจ็บตรงไหนไปหาหมอมั้ย”
“ไม่ต้องมาทำเป็นหวังดีเลย นายห่วงเอกสารมากกว่าห่วงฉันอีก ไอ้คนใจร้าย”
เธอตะโกนด่าเขาก่อนจะนิ่วหน้าเล็กน้อยเมื่อมันรู้สึกจี๊ดที่สะโพก กีต้าร์ถอนหายใจออกมาเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยเสียงอ่อนลง
“ไม่ใช่ไม่อยากช่วยก็เธอไม่อยากให้ใครรู้ว่าเรารู้จักกันฉันก็เลยไม่เข้าไปก็แค่นั้น”
“โหย! ฉันเจ็บนะยะมันใช่เวลามาคิดเรื่องแบบนี้ป่ะ”
“เอาน่าขอโทษแล้วไง เอาเสื้อฉันไปใส่ก่อนแล้วเลิกงานจะพาไปโรงพยาบาลเอกซเรย์ดูสักหน่อยว่ามันเป็นอะไรมากรึเปล่า”
เขาเปลี่ยนเรื่องถอดเสื้อคลุมของตัวเองออกมาสวมให้หญิงสาว เหตุการณ์เมื่อสักครู่มันทำให้หญิงสาวตัวเปียกที่เสื้อและมันค่อนข้างเห็นผิวพรรณจึงดูไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่
“ใส่ก่อนมันโป๊ ใครมาเห็นสงสารเค้าตาจะบอดเอาได้”
“ไอ้บ้านี่มันจะดีอยู่แล้วเชียว”
หญิงสาวง้างมือเตรียมจะตีเขาแรงๆ ชายหนุ่มหัวเราะออกมาขำๆก่อนจะเดินออกไปจากตรงนั้นทันที ภาดาก้มมองเสื้อคลุมของเขาที่ตอนนี้อยู่บนตัวของเธอก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย
“ก็ทำดีเป็นนี่ นึกว่าจะร้ายเป็นอย่างเดียว”