ภาดาค่อยๆเดินกลับเข้ามาในแผนก เธอรู้สึกปวดสะโพกเป็นพักๆแต่ว่าก็ไม่ได้หนักขึ้นถึงขั้นเดินไม่ไหว รุ่นพี่ที่เห็นก็มองเธอด้วยความแปลกใจ
“เป็นอะไรรึเปล่าน้องภาดา ทำไมเดินแบบนั้น”
“นั่นสิ ดูไม่ค่อยดีเลยนะ”
“คือหนูลื่นล้มที่ห้องอาหารค่ะ รู้สึกปวดสะโพกแต่ว่าก็ไม่ได้เป็นอะไรมากนะคะยังไหวค่ะ”
ผู้จัดการที่เดินออกมาได้ยินเข้าพอดีก็รีบเข้ามาถามด้วยความเป็นห่วง
“ไปหาหมอมั้ยพี่ไปไปส่ง”
“ไม่เป็นไรค่ะผู้จัดการ เอาไว้ไปตอนเย็นทีเดียวก็ได้ค่ะตอนนี้ยังไหวสบายมากค่ะ”
เธอปฏิเสธอย่างเกรงใจและไม่อยากจะรบกวนใครด้วย ผู้จัดการมองเธออย่างลังเลกลัวว่าจะเป็นอะไรมากและอุบัติเหตุที่มันเกิดขึ้นก็อยู่ในบริเวณของบริษัท
“ถ้าไม่ไหวบอกนะเข้าใจมั้ย”
“ค่ะ ขอบคุณนะคะที่เป็นห่วง”
ภาดายกมือไหว้ผู้จัดการก่อนจะหันไปทำงานของตัวเองต่อ รุ่นพี่ที่นั่งข้างเธอเพิ่งสังเกตเห็นเสื้อคลุมที่เธอใส่ มันเหมือนของน้องนักศึกษาฝึกงานที่ชื่อกีต้าร์ เธอเจอเขาเมื่อวานก็รู้สึกชอบและอยากจะทำความรู้จักให้มากขึ้น
“น้องภาดาพี่ถามอะไรหน่อยสิ”
“คะ… มีอะไรรึเปล่าคะ”
เธอมองหน้ารุ่นพี่อย่างสงสัย เธอขยับเก้าอี้เข้ามานั่งใกล้หญิงสาวก่อนจะมองซ้ายมองขวาแล้วกระซิบเสียงเบา
“คือพี่จะถามว่าเสื้อตัวนี้มันเหมือนที่น้องกีต้าร์ใส่เมื่อเช้าเลย ใช่มั้ย..”
“ใช่ค่ะ พอดีว่าเขาให้ยืมเพราะว่าหนูล้มแล้วมันเปียกนิดหน่อยค่ะ”
เธอไม่เข้าใจว่ารุ่นพี่กำลังจะพูดอะไร แต่ดูสายตาที่เป็นประกายเหมือนว่าเธอจะชอบกีต้าร์ยังไงไม่รู้
“เรารู้จักกีต้าร์มั้ย มาจากมหาวิทยาลัยเดียวกันนี่นา”
“ไม่ค่ะไม่รู้จักเลย ไม่รู้จักจริงๆค่ะ”
หญิงสาวรีบปฏิเสธเพราะไม่อยากถูกถามข้อมูลอะไรที่มากกว่านี้ ถ้าเธอตอบว่ารู้จักรับรองว่าชีวิตได้วุ่นวายแน่นอนหลังจากนี้ รุ่นพี่เงียบไปอย่างเสียอกเสียดายนึกว่ารู้จักกันเธอจะได้ให้รุ่นน้องแนะนำให้รู้จัก
“งั้นเหรอ… เสียดายจังเลยอ่ะนึกว่ารู้จักกัน พอดีว่าพี่อยากรู้จักอยากคุยด้วย งั้นไม่เป็นไรดูแลตัวเองด้วยนะเรา”
“ค่ะพี่”
หญิงสาวถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกก่อนจะก้มหน้าไม่ยอมสบตาใครอีก ไอ้หมอนี่ก็เสน่ห์แรงเหลือเกินนะมาแป๊บเดียวมีแต่คนมาจีบมาชอบ
หญิงสาวนั่งทำงานจนเลิกก็รู้สึกปวดสะโพกหนักมากเพราะนั่งนิ่งนานหลายชั่วโมง เธอค่อยๆเดินทรงตัวให้ดีที่สุดแต่ดูเหมือนว่ามันจะปวดมากจี๊ดขึ้นเป็นพักๆ เธอเดินมายังลานจอดรถมองหารถของกีต้าร์ก่อนจะสะดุ้งตกใจเมื่อรู้สึกตัวลอยเหมือนมีใครมาอุ้มเธอขึ้น
“อร๊ายยยยย อะไรเนี่ย อ๊ะ! กีต้าร์นายอุ้มฉันทำไม ปล่อยเลยนะเดี๋ยวใครมาเห็นเข้าจะทำยังไง”
หญิงสาวร้องโวยวายออกมาทันทีที่เห็นหน้าคนทำ เขาถอนหายใจออกมาอย่างเซ็งๆอุตส่าห์หวังดีช่วยยังปากเก่งอีก
“ฉันเห็นสภาพเธอแล้วก็สมเพชอ่ะ บอกให้ไปหาหมอตั้งแต่เมื่อเช้าทำไมไม่ไป ถ้าเป็นอะไรมากจะลำบากหมอพยาบาลเค้าอีก”
“นายนี่มันปากเสียจริงๆนะ เชอะ”
หญิงสาวบ่นออกมาก่อนจะจ้องหน้าเขาอย่างไม่พอใจมาก เขามองซ้ายมองขวารีบอุ้มเธอไปขึ้นรถเพราะเดี๋ยวจะมีใครมาเห็นเข้าเดี๋ยวภาดาก็โกรธเขาอีก
“นั่งนิ่งๆจะพาไปโรงพยาบาล อย่าแม้แต่จะพูดเยอะนะไม่งั้นฉันจะจัดการเธอ”
หญิงสาวเอามือปิดปากตัวเองไว้เพราะกลัวว่าเขาจะทำอะไรบ้าๆ กีต้าร์เดินกลับมาอีกฝั่งก่อนจะรีบขับรถไปโรงพยาบาลทันที และตลอดทางภาดาก็สั่งเขาไว้ห้ามโทรศัพท์ไปฟ้องพ่อกับแม่เด็ดขาด เพราะไม่อยากให้ท่านเป็นห่วง
“นายฟังฉันบ้างมั้ยเนี่ย”
“เออ… ได้ยินแล้วน่าจะพูดทำไมนักหนาก็ไม่รู้”
“ก็นายมันเป็นพวกขี้ฟ้องนี่ ฉันไม่ไว้ใจหรอก”
เขาได้ยินแบบนั้นก็ส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ คนที่ขี้ฟ้องไม่ใช่เขาแน่นอนเป็นเธอเองมากกว่า อะไรนิดหน่อยก็ไปฟ้องแม่เขาโดนด่าตลอดโดยเฉพาะเรื่องผู้หญิง แม่ไม่ชอบให้ควงผู้หญิงเล่นเขาจึงต้องแอบทำและไม่เคยพาใครไปเจอครอบครัวที่บ้านเลย ก็คงจะรอให้เจอคนที่ใช่จากนั้นก็พาไปเจอแค่คนเดียวก็พอแล้ว
และเมื่อมาถึงที่โรงพยาบาลเขาก็พาเธอไปส่งหน้าห้องฉุกเฉิน หญิงสาวได้รับการดูแลจากคุณหมอและเจ้าหน้าที่คนอื่นเป็นอย่างดี เข้าห้องเอกซเรย์ตรวจทุกอย่างให้เรียบร้อยจากนั้นก็มานอนบนเตียงนอนพักผ่อนสักพักหนึ่ง กีต้าร์ได้รับการอนุญาตจากคุณหมอให้เข้ามาเยี่ยมได้ เขารีบเข้ามาดูเธอด้วยความเป็นห่วงถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยลงรอยกันเท่าไหร่แต่ยังไงเราสองคนก็โตมาด้วยกัน
“เป็นยังไงบ้างหมอว่าไง”
“ไม่ได้เป็นอะไร ฝืนเดินเยอะเลยอักเสบนิดหน่อย หมอไม่ให้ไปทำงานอ่ะบอกว่าต้องนอนพักผ่อน”
“โทรศัพท์ไปแจ้งผู้จัดการสิมีเบอร์รึเปล่า หรือจะให้ฉันเอาใบรับรองแพทย์ของเธอไปยื่นให้”
เธอเงียบไปอย่างใช้ความคิด เธอไม่มีเบอร์ติดต่อกับผู้จัดการหรอกแต่ว่าถ้าฝากเขาไปที่ห้องนั้นแล้วไปเจอรุ่นพี่… ไม่ได้ๆเดี๋ยวเธอจะได้ฟังพวกนั้นคลั่งไคล้หมอนี่อีกมันจะน่าเบื่อเอาได้
“ไม่เป็นไรเดี๋ยวฉันจัดการเองแหละ”
“ตามใจแล้วกัน แล้วนี่ยังไงกลับได้ยังหรือต้องรออะไรอีก”
เขาหันซ้ายมองขวาดูว่าเธอต้องทำอะไรอีก และดูเหมือนว่าไม่น่าจะมีอะไรแล้วเหลือแต่ยาล่ะมั่งที่ต้องออกไปรับ
“รอยาอ่ะ”
“โอเคเดี๋ยวฉันไปเอาให้ดีกว่า”
เขาเดินออกไปหาพยาบาลสอบถามเรื่องยาที่ต้องรับกลับบ้านแต่เขาต้องไปรอชำระเงินก่อนเพราะหญิงสาวไม่ยอมเคลมประกันกลัวว่าคุณพ่อคุณแม่จะทราบเรื่อง กีต้าร์จึงถือใบแจ้งชำระเงินไปจัดการให้หญิงสาวเองจนเรียบร้อยรอรับยาให้จากนั้นก็เดินกลับมายังห้องฉุกเฉิน
“ป่ะกลับกัน”
“เดี๋ยวสิยังไม่ได้จ่ายเงินเลยนะ”
“ฉันจ่ายไปแล้วไม่เยอะหรอกไม่ต้องคืน ถือซะว่าสงสารเด็กตาดำๆ”
เขากลั้นยิ้มออกมาก่อนจะรีบหลบเมื่อหญิงสาวจะง้างมือตีเขาอีกแล้ว ภาดาจิ๊ปากอย่างขัดใจก่อนจะร้องโอ๊ยออกมาเมื่อไม่ทันระวังตัว
“โอ๊ยยยย”
“สมน้ำหน้าซ่าดีนัก มาขี่หลังฉันนี่เดี๋ยวจะพาไปขึ้นรถ”
เขาหันหลังให้เธอขึ้นมา หญิงสาวมองอย่างลังเลแต่ก็ยอมทำตามที่เขาบอกเพราะว่าเธอเดินเยอะไม่ได้และมันจะเจ็บมากขึ้นไปอีก หญิงสาวกอดคอชายหนุ่มปล่อยให้เขาแบกเธอไว้บนหลังพาไปยังลานจอดรถ
“ขอบใจนะ”
“หือ… อะไรใจๆนะไม่ค่อยได้ยินเลย”
เขานิ่วหน้าเล็กน้อยก่อนจะแกล้งถามอีกครั้ง เอาจริงได้ยินชัดเต็มสองรูหูแต่ไม่ได้ยินเธอพูดแบบนี้มานานแล้วไงก็เลยอยากแกล้งเท่านั้น
“ไอ้บ้าเอ้ย แกล้งหูหนวกเหรอไงสงสัยอยากหูหนวกจริงๆเดี๋ยวภาดาจัดให้”
หญิงสาวรัดคอเขาแน่นขึ้นก่อนจะเอ่ยกระซิบเสียงข่มขู่ ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจก็ไม่ได้คาดหวังกับเธอมากนักหรอก
“เธอนี่นะดีได้ไม่นานจริงๆ เหอะ!”