กีต้าร์ขับรถมาถึงที่โรงแรมก็หยิบช็อกโกแลตติดมือมาด้วย เขาจะเอาไปให้หญิงสาวกินรองท้องก่อนไม่อย่างนั้นเธอจะเหวี่ยงมั่วไปหมด และเมื่อมาถึงหน้าห้องพักของหญิงสาวเขาก็เคาะประตูหน้าห้อง ไม่นานเธอก็เดินมาเปิดประตูให้ทันที
“มาได้แล้วเหรอ นายนี่มัน… อ๊ะ”
ก่อนที่เธอจะได้บ่นอะไรเขาก็เอาช็อกโกแลตใส่ปากของเธอแล้วปล่อยให้หญิงสาวเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย ภาดายิ้มกว้างออกมาก่อนจะมองของกินในมือเขาตาละห้อย
“อยากกินอีกขอหน่อย”
“ฉันโกรธเธออยู่นะ แทนที่จะง้อกลับมาเหวี่ยงเห็นฉันเป็นอะไร”
เขาไม่ยอมส่งช็อกโกแลตให้เธอเพราะอยากจะสั่งสอนผู้หญิงตรงหน้าซะหน่อย เธอทำหน้าเศร้ามองเขาตาใส่แป๋วก่อนจะทำเนียนเข้ามาใกล้
“เออเดี๋ยวง้อก็ได้ ขอกินหน่อยนะ”
หญิงสาวค่อยๆเลื่อนมือไปดึงช็อกโกแลตออกจากมือของชายหนุ่มก่อนจะหยิบกินอย่างเอร็ดอร่อย กีต้าร์ส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจกับหญิงสาวตรงหน้า คนอะไรนิสัยโคตรเอาแต่ใจตัวเองมากเลย ภาดาเหลือบสายตามองชายหนุ่มก่อนจะยื่นช็อกโกแลตแบ่งให้กิน
“อ่ะกินมั้ย”
“ฉันโกรธเธออยู่”
เขายังยืนยันคำเดิม หญิงสาวกระทืบเท้าปึงปังอย่างขัดใจก่อนจะเดินไปกอดแขนเขาอย่างออดอ้อน
“อ่ะง้อก็ได้ ถ้างั้นนายไปทำอาหารให้กินหน่อยสิ”
“อะไรนะ…”
เขามองเธออย่างทึ่งมาก เพิ่งบอกไปเองว่าโกรธอยู่แต่ใช้ให้เขาไปทำอาหารให้เนี่ยนะเชื่อเขาเลย
“ก็หมายถึงว่านายไปทำอาหารให้ แล้วเดี๋ยวฉันจะชิมอาหารของนายแล้วนะบรรยายว่ารสชาติมันเป็นยังไงแบบจริงใจเลย แบบนี้ถือว่าง้อแล้วนะ”
เธอเอ่ยออกมาตาใส่แป๋วและเชื่อเถอะว่าเธอคิดแบบนั้นจริงๆ ชายหนุ่มกุมขมับอย่างปวดหัว สงสัยเขาจะโกรธผิดคนจริงๆและถ้าเขาไม่คาดหวังก็คงไม่ผิดหวัง
“ฉันผิดเอง….”
“นะๆทำอาหารให้กินหน่อย”
“อืม ข้างล่างแล้วกัน”
เขาเตรียมตัวจะเดินออกไปจากห้องพักของหญิงสาวก็ต้องชะงักไปเมื่อเธอยื่นแขนมาหาเขาเพื่อขอให้อุ้มลงไปด้วย
“ฉันเดินไม่ไหวหรอกเดี๋ยวมันจะเจ็บกว่าเดิมนะสิ”
“เออๆ ยัยตัววุ่นวาย”
เขาบ่นออกมาก่อนจะให้เธอขี่หลังลงมายังห้องอาหาร จากนั้นชายหนุ่มก็ไปยังห้องครัวบอกเชฟว่าจะขอยืมเตาทำอาหารให้ภาดากินสักหน่อย แค่นี้พวกเขาก็รีบถอยออกไปแล้ว ไม่มีใครอยากมีปัญหากับลูกสาวเจ้าของโรงแรมหรอก
เขาทำเมนูง่ายๆและเป็นเมนูที่เธอชอบกินด้วยความรวดเร็ว และไม่นานอาหารก็มาเสิร์ฟตรงหน้าหญิงสาว เธอยิ้มออกมาอย่างดีใจที่จะได้กินอาหารเย็นสักที และพอชิมไปคำแรกเธอก็อวยเขาหนักมาก
“มันอร่อยมาก อร่อยแบบไม่เคยกินแบบนี้มาก่อนในชีวิตเลยอ่ะ”
“ฉันไม่อยากจะด้าเธอเลยนะว่า…”
“ฉันไม่ได้ตอแหลนะ พูดจริงๆ”
หญิงสาวหันไปเถียงชายหนุ่มก่อนจะนั่งทานต่ออย่างอารมณ์ดี ส่วนเขาก็สั่งเมนูง่ายๆให้เชฟทำให้ส่วนอีกคนค่อนข้างเรื่องมากกินยากกว่าคนอื่นแต่กินเก่งกินไม่หยุดเลย
“ยังไม่ได้พูดอะไรเลย เธอด่าตัวเองทำไมเล่า”
“ไม่รู้แหละมันเหมือนนายอยากด่าฉันอ่ะ ชิ!”
เธอเบะปากใส่เขาก่อนจะหันไปทานของอร่อยตรงหน้าต่อ ทั้งสองคนนั่งทานข้าวด้วยกันเกือบชั่วโมงทานของว่างจนอิ่มท้องก็พากันกลับขึ้นไปบนห้องพัก และตอนนี้กีต้าร์อยู่ที่ห้องของภาดาทั้งสองคนกำลังนั่งกดโทรศัพท์เล่นอยู่
“ใครโทรมา…”
เขามองเบอร์แปลกที่ไม่คุ้นเคยลองกดรับสายดูเพราะไม่รู้ว่าเป็นใครเช่นกัน เสียงปลายสายดังขึ้นเขาก็เริ่มรู้สึกคุ้นเหมือนจะได้ยินผ่านๆ
(ถึงที่พักหรือยังน้องกีต้าร์)
“ถึงแล้วครับ ขอโทษทีนะครับผมจำไม่ได้เลยไม่รู้ว่าเป็นใคร”
(อะไรกันลืมกันแล้วเหรอ เพิ่งคุยกันเมื่อกลางวันเองนะ)
เขาร้องอ่อออกมาทันทีอย่างคุ้นเคย รุ่นพี่ที่ทำงานและเหมือนว่าจะอยู่ในแผนกของภาดาด้วยนะ อยู่ๆก็มาคุยด้วยขอเบอร์ติดต่อซึ่งเขาที่เป็นผู้ชายอัธยาศัยดีมากเห็นสาวๆก็อยากทำความรู้จัก
“พี่โดนัทนี่เองผมจำได้แล้วครับ”
ภาดาที่ได้ยินชื่อโดนัทก็หันขวับไปมองชายหนุ่มทันที ทำไมรู้สึกคุ้นชื่อเหมือนรุ่นพี่ที่ทำงานแผนกเดียวกับเธอที่ชอบกีต้าร์เลย
(นึกว่าจะลืมกันซะแล้ว พี่ก็แค่โทรมาถามว่าถึงหรือยังขาดเหลืออะไรมั้ยถ้าช่วยได้จะช่วย)
“ไม่ขาดเหลืออะไรหรอกครับ ขอบคุณมากนะครับที่เป็นห่วงกัน”
(งั้นไม่รบกวนดีกว่า ยังไงถ้าพี่โทรไปอีกทีหวังว่าจะรับสายกันนะ)
“ครับ… ผมจะรับ”
เขากดวางสายก่อนจะเหลือบสายตามองภาดาที่ตอนนี้จ้องหน้าเขาอย่างกดดัน มันเหมือนสายตาพิฆาตถูกส่งมาจากนัยตาคู่นั้น
“ทำไมมองแบบนั้นอ่ะ”
“โดนัทคือพี่ในแผนกฉันรึเปล่า”
“ฉลาดมากใช่เลย ว่าแต่รู้ได้ยังไงวะโคตรเก่งเลย ภาดาหรือโคนัน”
เขาหัวเราะออกมาขำๆไม่คิดว่าเธอจะเดาถูกเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น หญิงสาวเบะปากออกมาอย่างหมั่นไส้ชายตรงหน้า บอกแล้วว่าหมอนี่มันเลวเจ้าชู้มากมีหรือที่จะพลาด
“คนเจ้าชู้มันเป็นแบบนี้นี่เอง เพิ่งจะเจอกันไม่กี่ครั้งก็โทรคุยมีเบอร์ติดต่อกันแล้ว”
“ก็พี่เค้ามาคุยด้วยแล้วขอเบอร์ ก็เห็นว่าเป็นเพื่อนร่วมงานกันก็เลยให้ แล้วมาทำหน้าไม่พอใจคืออะไรก่อน ฉันจะคุยกับใครมันก็เรื่องของฉันป่ะเกี่ยวอะไรกับเธอไม่ทราบ”
เขาเท้าคางมองหญิงสาวอย่างจับผิด เธอสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะปฏิเสธเสียงแข็ง
“ไม่เกี่ยว! ไม่เกี่ยวเลยสักนิดเดียว นายจะคุยกับใครมันก็เรื่องของนายสิ”
“ก็ดี…”
เขายักไหล่ไม่สนใจเธอก่อนจะหยิบโทรศัพท์ไปกดคุยกับสาวๆคนอื่นต่อ ภาดาที่เห็นข้อความของผู้จัดการทักมาไถ่ถามด้วยความเป็นห่วงเธอจึงกดเปิดแล้วไปตอบข้อความของเขา คุยกันอยู่สักพักเธอก็กังเราะคิกคักอย่างอารมณ์ดี ผู้จัดการเล่าเรื่องตลกให้ฟังจึงทำให้เธอขำไม่หาย
“หัวเราะอะไร แล้วคุยกับใคร”
กีต้าร์มองหญิงสาวอย่างจับผิด ทำไมดูอารมณ์ดีแปลกๆคุยไปหัวเราะไปมันน่าสงสัยชะมัด
“คุยกับผู้จัดการไง”
“เจอกันไม่กี่ครั้งเองคุยกันสนิทกันแล้วเหรอ เธอนี่มันใจง่ายกว่าที่ฉันคิดอีกนะ”
เขาใช้ข้อศอกสะกิดแขนหญิงสาวก่อนจะมองเธออย่างหาเรื่อง ภาดาเหลือบสายตามองชายตรงหน้าก่อนจะจ้องด้วยสายตาเรียบเฉย
“แล้วทำหน้าไม่พอใจคืออะไรก่อน ฉันจะคุยกับใครมันก็เรื่องของฉัน เกี่ยวกับนายเหรอ…”
และคำพูดก่อนหน้านี้มันก็ย้อนเข้ามาหาเขาในตอนนี้ และมันจุกจนพูดไม่ออกจะด่ากลับก็ไม่ได้ก็เขาเพิ่งว่าเธอไปเอง
“เออ.. มันไม่ใช่เรื่องของฉันนี่”
“ก็เออนะสิ ยุ่งไรวะกลับห้องไปเลยไป๊”
“เออ กลับแน่ไม่ต้องโทรมาง้อนะฉันไม่เห็นใจเธอหรอก ถ้าเป็นอะไรก็โทรหาผู้จัดการของเธอโน่นไม่ต้องโทรมาหา”
เขาเอ่ยประชดประชันก่อนจะเดินออกไปจากตรงนั้นทันที ภาดาเบะปากใส่เขาก่อนจะปาหมอนไล่หลังอย่างเซ็งในอารมณ์สุดๆ
“เออไปเลย ไม่ง้อโว๊ยยยย”
หญิงสาวปาโทรศัพท์ทิ้งลงโซฟาอย่างหงุดหงิด คิดว่าจะพูดอะไรกับเธอฝ่ายเดียวก็ได้อย่างนั้นเหรอไง คนอย่างเธอก็มีสิทธิ์ที่จะพูดเหมือนกัน ถ้าไม่พอใจก็ไม่แคร์ อยากจะโกรธก็โกรธไปเลยสิคิดว่าจะง้อเหรอไง
“ฝันไปเถอะ คนอย่างภาดาไม่ง้อใครโว๊ยยย”