วันต่อมา….
กีต้าร์ตื่นนอนแต่เช้าอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยก็เดินออกไปห้องอาหารทานอาหารเช้าก่อนเดินทางไปทำงาน เขาเหลือบสายตาดูห้องพักของภาดาแต่ว่ายังโกรธอยู่ก็เลยไม่เข้าไปเรียก
“เดี๋ยวเธอก็ต้องมาง้อฉันอยู่ดียัยพาเจ๊ง เพราะยังไงก็ต้องไปทำงานด้วยกันอยู่ดี”
เขาแลบลิ้นใส่ประตูหน้าห้องพักของหญิงสาวก่อนจะเดินลงไปชั้นล่างด้วยอารมณ์ที่ดีขึ้นกว่าเมื่อวาน และเมื่อมาถึงก็มีอาหารเตรียมไว้ให้อยู่แล้วแต่มีไม่เยอะจนเขาแปลกใจ
“มีแต่ของผมเหรอครับ”
“ใช่ค่ะ ของคุณภาดาทานในห้องพักเรียบร้อยแล้วค่ะ ถ้าอยากเพิ่มตรงไหนแจ้งทางพนักงานได้เลยนะคะ”
เธอเอ่ยออกมาเสียงสดใสก่อนจะเดินออกไปบริการลูกค้าท่านอื่นต่อ กีต้าร์ดูแปลกใจนะที่วันนี้เธอไม่ลงมาทานข้างล่าง หรือว่าจะยังไม่หายดีแล้วหยุดงานเพิ่มอีกวัน แต่ก็ช่างเถอะเดี๋ยวคงลงมาง้อเขาเองแหละ
ชายหนุ่มยังคงนั่งทานอาหารคนเดียวคนอิ่มจากนั้นก็ลุกขึ้นเดินออกไปหน้าโรงแรมเตรียมตัวไปทำงาน เขาบังเอิญเห็นหญิงสาวเดินผ่านหน้าล็อบบี้ของโรงแรมไปขึ้นรถโดยไม่สนใจเขาที่ยืนอยู่ตรงนั้นเลย
“ไม่ง้อจริงด้วยเว้ย”
ภาดาที่เดินลงมาจากชั้นบนก็เดินไปขึ้นรถของโรงแรมทันทีเพื่อให้คนขับรถไปส่งที่ทำงาน คิดว่าคนอย่างภาดาจะง้อเขาแล้วขอไปด้วยเหรอ มีทางไปมากมายโดยไม่ต้องง้อใครทั้งนั้นและคนอย่างเธอจะไม่ยอมง้อเขาเด็ดขาด เพราะเรื่องนี้เธอไม่ได้เริ่มก่อน
“นายต้องมาง้อฉันไม่ใช่ฉันไปง้อนาย ชิ!”
หญิงสาวเหลือบสายตามองชายหนุ่มผ่านกระจก ทำไมช่วงหลังถึงไม่ชอบเขาเลยเวลาพูดอะไรก็ขัดใจเธอไปเสียหมด ไม่เข้าหูเลยสักอย่างโดยเฉพาะเรื่องส่วนตัวของเขามันรบกวนจิตใจของเธอมากทั้งที่มันไม่ควร
“หรือว่า… จะลองคุยคนอื่นดู”
เธอเอ่ยออกมาเสียงเบา หรือว่าการที่เธอจะมีใครสักคนมันจะทำให้ทุกอย่างมันกลับมาสู่สถานการณ์ปกติ ตอนนี้มันทำให้เธอรู้สึกแปลกกับตัวเองมากกับความคิดที่เปลี่ยนไป เพราะฉะนั้นทุกอย่างจะต้องเหมือนเดิมรวมถึงความรู้สึกของเธอเองด้วย
กีต้าร์ขับรถมาทำงานเองคนเดียวก็จะรู้สึกเหงาหน่อยแต่ก็ไม่สนใจหรอก เธออยากจะทำอะไรก็ทำไปเลยเพราะเขาก็จะทำตามใจตัวเองเหมือนกัน
“แล้วอย่ามาร้องทีหลังละ หึ”
ตลอดทั้งวันสองคนไม่มีใครยอมคุยกันเลยเมื่อเจอหน้ากัน แม้กระทั่งทานข้าวกลางวันก็ไม่ยอมนั่งกินด้วยกันเลย
“พี่นั่งด้วย”
“นั่งเลยค่ะผู้จัดการ กินอะไรเหรอคะดูอร่อยเชียว”
เธอเอ่ยถามผู้จัดการอย่างอารมณ์ดีเหลือบสายตามองกีต้าร์ก่อนจะเชิดหน้าใส่อย่างไม่แคร์ ชายหนุ่มเห็นแบบนั้นก็ลุกขึ้นเดินไปที่โต๊ะของภาดาก่อนจะยิ้มให้โดนัทเพื่อนร่วมงานของภาดา
“ผมนั่งด้วยได้มั้ยครับพี่โดนัท”
“ได้สิจ้ะนั่งเลย ตรงนี้ก็ได้นั่งข้างกัน”
ภาดาได้ยินเสียงชายหนุ่มก็เงยหน้ามองทันที และเขาทำในสิ่งที่เธอไม่ชอบซึ่งก็คือคุยกับผู้หญิงไปทั่วแบบนั้น แล้วทำไมเธอต้องสนใจด้วยเขาไม่ได้เป็นอะไรกับเธอเสียหน่อย
“ขอบคุณนะครับ”
กีต้าร์เอ่ยเสียงหวานก่อนจะนั่งลงข้างหญิงสาว คุยกันกระหนุงกระหนิงจนคนอื่นแอบแซวในความสัมพันธ์ของทั้งคู่
“ทำไมรู้สึกแปลกๆ ไม่ได้จีบกันอยู่ใช่มั้ย”
“จีบอะไรกัน… ก็เพื่อนร่วมงานกันนั่นแหละจริงมั้ยน้องกีต้าร์”
โดนัทยิ้มเขินเมื่อถูกเพื่อนร่วมงานแซว ชายหนุ่มทำเพียงแค่ยิ้มเท่านั้นไม่ตอบอะไร ภาดาเหลือบสายตาก้มลงต่ำขยับเท้าตัวเองไปเหยียบเท้าของกีต้าร์ ชายหนุ่มนิ่วหน้าเล็กน้อยก่อนจะร้องซี๊ดออกมาแต่ยังพยายามไม่แสดงออกทางสีหน้ามากนัก โดนัทที่สังเกตเห็นก็เอ่ยถามอย่างสงสัย
“เป็นอะไรรึเปล่ากีต้าร์”
“อ่อ เปล่าครับพอดีว่าผมโดนมดกัด”
เขายิ้มแห้งออกมาก่อนจะเหลือบสายตามองภาดาแล้วถลึงตาใส่อย่างเอาเรื่อง เดี๋ยวคืนนี้เขาเอาคืนแน่นอนตอนนี้ปล่อยไปก่อนแล้วกัน
“ระวังหน่อยนะ”
“ครับ”
“น้องภาดากินน้ำอะไรเดี๋ยวพี่ไปซื้อมาให้”
ผู้จัดการเอ่ยออกมาเสียงอ่อนโยน หญิงสาวทำหน้าครุ่นคิดก่อนจะเอ่ยออกมาเสียงหวาน
“น้ำลำไยค่ะ”
เธอกระแทกเสียงใส่ชายตรงหน้าอย่างตั้งใจ ส่วนคนอื่นไม่ได้คิดอะไรเพราะไม่คิดว่าเธอจะประชดใครคนใดคนหนึ่ง แต่ว่าเห็นผู้จัดการเอาอกเอาใจแบบนั้นก็เลยรู้สึกแปลกๆเพราะเขาไม่เคยดูแลใครแบบนี้มาก่อน
“ทำไมหนูรู้สึกแปลกอ่ะ ผู้จัดการกับน้องภาดา…”
“หือ… ก็ไม่มีอะไรนี่”
เขาอมยิ้มหันไปมองหญิงสาวอย่างสื่อความหมาย ถึงปากจะบอกว่าไม่เป็นอะไรแต่ว่าทุกคนมองออกโดยเฉพาะกีต้าร์ที่ตอนนี้รู้สึกไม่ค่อยพอใจเป็นอย่างมากแต่เขาต้องเก็บความรู้สึกเอาไว้ก่อน
“พูดแบบนี้มีอะไรแน่นอน”
“ผู้จัดการไม่เห็นดูแลพวกเราดีแบบนี้เลยอ่ะ สองมาตรฐานชัดๆเลย”
พนักงานคนอื่นเอ่ยแซวทั้งสองคน ภาดายิ้มไม่พูดอะไรเอาจริงเธอก็ไม่ได้คิดอะไรหรอกมันรู้สึกอยากจะประชดใครสักคนตรงหน้าเนี่ยแหละ และดูเหมือนว่าจะได้ผลเพราะเขามองเธอไม่วางตาแล้วก็เอาเท้ามาสะกิดเธอตลอด
“ผมก็ทำแบบนี้กับทุกคนนี่ น้ำลำไยใช่มั้ยเดี๋ยวพี่ซื้อมาให้ น้องๆเอาอะไรกันมั้ยพี่เลี้ยง”
“เอาลำไยด้วยค่ะ”
“เอาด้วยค่ะขอบคุณนะคะผู้จัดการ”
ทุกคนยิ้มออกมาอย่างดีใจก่อนจะหันไปสั่งเมนูที่ต้องการ ภาดาเหลือบสายตามองกีต้าร์ก่อนจะยักคิ้วมองเขาอย่างกวนประสาท ชายหนุ่มไม่พูดอะไรปล่อยให้เธอทำท่าทางก่อกวนต่อไป สักพักผู้จัดการก็กลับมาก่อนจะนั่งคุยกันไปเรื่อยๆ
“เย็นนี้ว่างมั้ยเราไปกินข้าวกัน”
“ชวนหนูเหรอคะ ไม่ติดนะไปได้ค่ะ”
ภาดาตอบตกลงทันทีก่อนจะหันไปเบะปากใส่กีต้าร์ ผู้จัดการยิ้มกว้างออกมาทันทีที่หญิงสาวตอบตกลงดีใจมากที่เธอยอมไปด้วย ส่วนกีต้าร์ไม่พูดอะไรเพราะเขาคิดว่าเธอไม่ได้ไปกินข้าวกับผู้จัดการแน่นอน ถ้าถามเหตุผลว่าเพราะอะไรนะเหรอ เดี๋ยวก็รู้… หึ
“งั้นเย็นนี้ไปด้วยกันเลยนะ เรามายังไง”
“มีคนสะ…หมายถึงว่านั่งแท็กซี่มาค่ะ”
เธอรีบแก้ตัวอย่างรวดเร็วเพราะไม่อยากให้ใครมารู้เรื่องที่เธอเป็นลูกสาวเจ้าของโรงแรม การฝึกงานมันควรจะเป็นแบบเท่าเทียมกันและทุกคนใช้งานเธอได้โดยไม่ต้องเกรงใจกัน
“โอเคงั้นเย็นนี้ไปกับพี่เลย”
“ค่ะ”
ทั้งสองคนยิ้มให้แก่กันจากนั้นก็นั่งทานข้าวต่อจนอิ่ม หลังจากนั้นทุกคนก็แยกย้ายกันไปทำงานและภาดาที่บังเอิญขึ้นลิฟต์ไปพร้อมกับกีตาร์ก็เอ่ยถามทันที
“นายไม่ถามอะไรฉันหน่อยเหรอ นี่ฉันจะไปเดทกับผู้จัดการนะ”
“ไปสิไม่ว่าอะไรนิ”
เขาทำหน้าเรียบเฉยหยิบโทรศัพท์มากดดูไปเรื่อยเปื่อยและนั่นทำให้หญิงสาวรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก
“ไม่สนใจเลยเหรอ ไม่ถามหน่อยเหรอ”
“ไม่อ่ะ อยากทำอะไรก็ทำสิ”
เขาพูดจบก็เดินออกจากลิฟต์ไปทันที ภาดาอ้าปากค้างมองตามเขาไปอย่างรู้สึกแปลกกับตัวเอง ทำไมเธอต้องมาคาดหวังคำพูดอะไรบางอย่างจากเขาด้วยแล้วดูสิสนใจเธอที่ไหน
“ไอ้บ้าเอ๊ย! เออ แล้วแต่นายเลยฉันไม่สนใจหรอก”
กีต้าร์ที่ได้ยินหญิงสาวตะโกนไล่หลังก็ไม่สนใจเพราะเขามีวิธีจัดการที่ดีกว่านี้ และถ้าเป็นอย่างมี่เขาคิดเธอจะไม่ไปแน่นอน….