รินนารามองอาหารที่วางอยู่ตรงหน้า ก่อนจะเบือนหน้าหนีราวกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้านั้นไม่ใช่อาหาร หากแต่เป็นยาพิษที่เธอถูกบังคับให้ตักเข้าปาก โดยมีบุรุษหนุ่มสองคนยืนควบคุมเธออีกที
“กินซะ!”
สิงหนาทออกคำสั่งเข้มห้วน ทว่าเธอกลับไม่สะทกสะท้านกับเสียงดุห้วนนั้นเลยแม้แต่น้อย เพราะตั้งแต่รู้ว่าตัวเองถูกจับตัวมาและไม่สามารถหนีออกไปจากขุมนรกนี้ง่ายๆ ก็ต้องทำใจรับมือกับความป่าเถื่อนของเขาอย่างไม่อาจเลี่ยงได้
“ฉันไม่กิน!”เธอตวาดเสียงกลับไปเช่นกัน
“ก็ตามใจ ไม่กินก็ไม่ต้องกิน”
แน่นอนว่าคนมีความอดทนต่ำอย่างเขาจะไม่มีทางนั่งเฝ้านานกว่านี้แน่ จากนั้นก็หันมาทางลูกน้องคนสนิทที่ยืนอยู่ข้างๆ
“ไอ้มิ่ง เอาอาหารพวกนี้ออกไปให้หมด”
“ครับนายสิงห์”มิ่งรับคำพร้อมทำตามอย่างว่าง่าย
รินนาราถอนหายใจโล่งอกเมื่ออาหารที่ทำจากเนื้อดิบๆ ถูกนำออกไปจากห้องจนหมด เธอรู้สึกโชคดีที่อย่างน้อยเขาก็ไม่เอาอาหารพวกนั้นมายัดใส่ปากบังคับให้กระเดือกลงไปจนได้ เพราะไม่งั้นเธอคงอ้วกออกมาหมดไส้หมดพุงเป็นแน่
“คนอะไรเถื่อนทั้งการกระทำ การกิน”
หญิงสาวพึมพำด่าตามหลังร่างสูงใหญ่ที่ก้าวยาวๆ เดินออกไปจากห้อง ตามหลังลูกน้องคนสนิทไปติดๆ
“โถ่เว้ย!”
เมื่อก้าวพ้นประตูสิงหนาทก็ต้องสบถออกมา อันที่จริงเขาตั้งใจจะแกล้งเธอนั่นแหละ แต่เมื่อไม่เห็นเธอยอมแตะอาหารที่เขาอุตส่าห์จัดเตรียมมาก็รู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก
“นายสิงห์จะให้ผมทำอาหารใหม่มาให้คุณหมอไหมครับ ตัวเล็กๆแบบนั้นอดอาหารนานๆ ผมเกรงว่าจะเป็นลมตายไปเสียก่อน”
“ไม่ต้อง! ฉันบอกแล้วไงว่าที่จับเธอมาก็เพราะให้ได้ลิ้มลองรสชาติของนรก ไม่ได้จับมาขังให้เสวยสุขเหมือนอยู่สวรรค์”
สิงหนาทยังคงยืนยันทำเดิม ทำให้มิ่งที่ยืนมองผู้เป็นนายต้องขมวดคิ้วยุ่งระหว่างนึกอะไรบางอย่างในใจ
“หน้าฉันมันมีอะไรให้มองงั้นเหรอ ไอ้มิ่ง!”
“ขอโทษครับนายสิงห์ ผมก็แค่สงสัย”
“สงสัยอะไร?”
“สงสัยว่าทำไมนายสิงห์ต้องจับคุณหมอมาอีก ทั้งที่นายแค่สร้างเรื่องให้คุณหมอโดนเข้าใจผิดแล้วทำเรื่องลาออกให้เธอ แค่นี้เธอก็หางานยากแล้วละครับ เพราะคงไม่มีโรงพยาบาลไหนกล้ารับคุณหมอที่มีประวัติเสียๆ หายๆ เข้าทำงาน แค่นั้นผมก็คิดว่าเธอคงทรมานไปทั้งชีวิตแล้วครับ”
น้ำเสียงของมิ่งเต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจคุณหมอคนสวย แตกต่างจากผู้เป็นนายที่ไม่คิดเช่นนั้น
“ก็มันยังไม่สะใจฉันไงล่ะ สิ่งที่เธอทำไว้กับยายต่ายมันเอากลับคืนมาไม่ได้ ชีวิตก็ต้องแลกด้วยชีวิต!”
‘ผู้ชายอะไร หน้าตาก็ดี แต่ใจร้ายชะมัด!’
มิ่งพึมพำกับตัวเองในใจ พลางเดินถือถาดอาหารในมือผละออกจากผู้เป็นนาย เพราะไม่รู้จะสรรหาประโยคไหนมาเกลี้ยกล่อมให้ผู้เป็นนายใจอ่อน ยอมล้มเลิกแผนการป่าเถื่อนนี้ได้
………………………………………….
รินนาราสะดุ้งตื่นขึ้นมาในอีกวัน หลังจากที่เผลอเอนหลังพิงขอบเตียงหลับไปตลอดทั้งคืนด้วยความรู้สึกอ่อนเพลีย และปวดเมื่อยไปทั้งตัว ขณะที่เท้าของเธอทั้งสองข้างถูกล่ามเอาไว้กับโซ่ที่ผูกติดกับขาเตียง มีกุญแจล็อกไว้อีกชั้นอย่างแน่นหนา
หญิงสาวกะพริบตาถี่ๆ เพื่อปรับตาให้เข้ากับแสง แล้วก็พบว่าร่างสูงใหญ่ที่เธอแอบตั้งฉายาซาตานให้กำลังก้มๆ เงยๆ อยู่กับเท้าเล็กของเธอ
“ปล่อยฉันนะไอ้โรคจิต”
“ปล่อยแน่ เหม็นเน่าซะขนาดนี้ยังไงก็ต้องปล่อยให้ไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่ เพราะฉันเองก็ทนกลิ่นสาปไม่ไหวเหมือนกัน”
ชายหนุ่มสวนกลับเสียงห้วน พร้อมกับปลดล็อกกุญแจที่ล่ามเธอไว้กับโซ่ จากนั้นก็เดินไปหยิบผ้าถุงลายดอกไม้สีสดใสมาโยนใส่หน้าเธอเต็มแรง
“เอานี่! ชุดอาบน้ำของคุณ เปลี่ยนซะ!”
“ทำไมฉันต้องเปลี่ยนด้วย”
รินนาราถามด้วยความไม่เข้าใจ และคำตอบที่ได้รับทำให้เธอต้องอึ้งไปชั่วขณะ
“ก็ถ้าอยากแก้ผ้าไปว่ายน้ำกลางแจ้งก็เชิญ ผมทนดูไหมอยู่แล้ว”
“ว่ายน้ำกลางแจ้ง! นี่ฉันไม่ได้อาบน้ำในห้องน้ำเหรอ”
“ห้องน้ำที่นี่มีไว้เข้าไปทำธุระส่วนตัวเท่านั้น ไม่ได้มีน้ำไว้ใช้อาบ เพราะงั้นถ้าจะอาบน้ำต้องไปอาบข้างล่าง ในลำธาร”
“ในลำธาร”
รินนาราทวนประโยคด้วยหัวใจที่เต้นแรง เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เธอจะได้ออกไปสูดอากาศข้างนอกห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ นี้ หลังจากที่ถูกขังมาเกือบสองวันเต็มๆ
“ทีนี้จะเปลี่ยนเสื้อผ้าได้หรือยัง”
สิงหนาทเอ่ยถามอีกครั้ง และครั้งนี้ก็ต้องรู้สึกแปลกใจที่หญิงสาวดีดตัวลุกขึ้นจากเตียงด้วยท่าทางกระปรี้กระเปร่า ทั้งที่ก่อนหน้านี้ท่าทางอ่อนแรงเหมือนคนที่หมดอาลัยตายอยากราวกับคนละคน
“เดี๋ยว! นั่นจะไปไหน”
“ก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าไง”
เธอหันมาตอบ ขณะที่หยุดชะงักเท้าที่กำลังจะเดินเข้าห้องน้ำในตัวที่เธอมักจะเดินเข้าไปทำธุระตอนถูกขังในห้องนี้
“อย่ามาทำเป็นหวงเนื้อหวงตัวหน่อยเลย เปลี่ยนมันที่นี่นั่นแหละ”
“บ้า! จะให้ฉันเปลี่ยนเสื้อผ้าต่อหน้าคนแปลกหน้าได้ยังไง และอีกอย่างคุณก็เป็นผู้ชาย”
รินนาราร้องโวยวายเสียงดังลั่นเพราะตั้งแต่เกิดมาเธอยังไม่เคยต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าต่อหน้าผู้ชายมาก่อน และอีกอย่างเขาก็ไม่ใช่เก้งกวางที่ไหนเกิดทนดูไม่ได้ จับเธอปล้ำขึ้นมาจะทำยังไง
“ไม่เป็นไร ผมไม่ถือ”
คำตอบของเขาทำเอาคนฟังถึงกับต้องอ้าปากค้างกันเลยทีเดียว แต่ก่อนที่เธอจะได้โต้เถียงกับเขาไปมากกว่านั้น เสียงเข้มห้วนก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“ถ้ายังเรื่องมาก เปลี่ยนใจล่ามโซ่ต่อเลยดีไหมเนี่ย!”
“อย่านะ! ฉันเปลี่ยนแล้ว จะเปลี่ยนตอนนี้แหละ”
ในเมื่อเธอเป็นอิสระ เรื่องอะไรจะยอมถูกล่ามโล่อีก และแน่นอนว่าคนฉลาดอย่างเธอต้องรีบเลือกทางที่ดีที่สุดให้กับตัวเองก่อนที่เขานั้นจะเปลี่ยนใจ
“มองอะไร หันหลังไปสิ”
“หันให้โง่นะสิ คิดว่าลูกไม้ตื้นๆ แบบนี้จะหลอกผมได้งั้นเหรอ ผมไม่ใช่ไอ้โจรกระจอกที่จะหันหลังให้กับศัตรู แล้วปล่อยให้ศัตรูเล่นงานจากทางข้างหลังง่ายๆ นะ”
‘ฉลาดแต่คิดเรื่องเลวๆ’
ในเมื่อไม่มีทางเลือกอื่น รินนาราก็จำต้องกัดฟัน ทนเปลี่ยนเสื้อผ้าต่อหน้าเขาด้วยความรู้สึกอาบอายปนเจ็บใจ ต่างจากเขาที่ยืนกอดอกเอนหลังพิงกับผนังห้องมองเธอด้วยสายตาราบเรียบ ไม่บ่งบอกถึงความรู้สึกนึกคิดใดใด
……………………………………………