“วันนี้คุณหมอเลิกงานเร็วกว่าปกติ ไม่ทราบว่ามีนัดกับหนุ่มๆ ที่ไหนหรือเปล่าคะ”
พยาบาลเอ่ยทักคุณหมอวัยยี่สิบเจ็ดปี เจ้าของใบหน้ารูปไข่ เครื่องหน้ากระจุ๋มกระจิ๋มลงตัว แลดูสวยหวานชวนมอง เช่นเดียวกับรูปร่างอรชรอ้อนแอ้นได้สัดส่วนไร้ที่ติ เธอหันมายิ้มพลางตอบกับอีกฝ่ายด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างเป็นมิตร
“ไม่ได้มีนัดกับหนุ่มๆ หรอกค่ะ พอดีวันนี้วันเกิดเพื่อนสนิท รินก็เลยนัดกับเพื่อนเอาไว้ว่าจะไปงานเลี้ยงวันเกิด ยังไงรินขอตัวก่อนนะคะ”
“ค่ะ คุณหมอ”
พยาบาลสาวพยักหน้าอย่างเข้าใจ โดยไม่คิดจะเซ้าซี้อะไรเธออีก เพราะดูจากท่าทางของคุณหมอคนสวยแล้ว เธอคงรีบอยู่พอสมควร
ตั้งแต่เรียนจบรินนาราก็เข้ามาทำงานในโรงพยาบาลเอกชนเล็กๆ เปิดใหม่ ซึ่งตอนนี้รวมเวลาที่ได้ทำงานก็เกือบจะสี่ปีแล้ว เนื่องจากเป็นเด็กกำพร้าที่ได้รับทุนเรียน พอเรียนจบก็ไม่ได้มีภาระทางบ้านที่ต้องส่งเสีย เธอเลยมีเงินเก็บที่พอจะเดาคอนโดเล็กๆ อยู่ใกล้ๆ โรงพยาบาลที่เธอทำงานอยู่
ชีวิตประจำวันของเธอในแต่ละวันก็มีแค่โรงพยาบาลกับคอนโดเท่านั้นที่เธอจะพาตัวเองไป แต่วันนี้กลับแตกต่างออกไปจากทุกวัน เนื่องจากเป็นวันเกิดของเพื่อนสนิทเธอเลยจำต้องเลิกงานไวกว่าปกติเพื่อไปร่วมฉลองวันเกิดกับเพื่อนรัก
โดยที่ไม่รู้เลยว่าระหว่างทางกลับคอนโดเพื่อไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วออกไปพบเพื่อนนั้นมีคนสะกดรอยตามอยู่ตลอดเวลา
……………………………………
“นายสิงห์แน่ใจเหรอครับว่าจะทำแบบนี้จริงๆ ถ้าเราโดนจับได้ไม่ต้องติดคุกหัวโตกันเลยเหรอครับ”
มิ่งเด็กหนุ่มชาวไร่วัยยี่สิบต้นๆ หันมาถามผู้เป็นนายด้วยความไม่มั่นใจ หลังจากที่นั่งซุ่มรอเป้าหมายอยู่ในรถเป็นชั่วโมง กระทั่งอีกฝ่ายเดินออกมาจากงานเลี้ยงวันเกิดของเพื่อน
“นายจะมาขี้ขลาดอะไรตอนนี้วะไอ้มิ่ง ถึงจะถามฉันอีกเป็นร้อยรอบฉันก็ยังยืนยันคำตอบเดิมว่ายังไงก็จะลากยายหมอหน้าสวยนั่นไปลงนรกให้ได้”
เสียงลอดไรฟันของผู้เป็นนาย หนักแน่นขณะที่นัยน์ตาคมกริบจับจ้องไปยังเหยื่อสาวที่เดินมายืนรอรถแท็กซี่อยู่หน้าสถานบันเทิง ด้วยความเคียดแค้น ก่อนที่จะผลักประตูรถลงตรงไปหาเหยื่อทันที
“ว๊าย!!”
เสียงหวานหลุดรอดออกมาได้เพียงนั้นก็ถูกปิดปากปิดจมูกด้วยผ้าอะไรสักอย่าง จากคนตัวใหญ่ที่เดินมาประชิดตัวทางด้านหลัง ก่อนที่โลกของเธอจะดับมืดลงในเวลาต่อมา
…………………………………………….
ณ ไร่วรภพ จังหวัดเชียงใหม่
สิงหนาทพารินนารามาที่กระท่อมท้ายไร่ซึ่งอยู่ห่างจากผู้คนหลายกิโลเมตร นานทีปีหนจะมีคนงานผ่านมาที่นี่สักคน ถือได้ว่าเป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับการซ่อนความลับเอาไว้
“ถ้าคุณหญิงรู้ ว่าเราจับคุณหมอมาขังไว้ที่นี่ เรา…”
มิ่งพูดเพียงเท่านั้นก็ต้องกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเคือง เมื่อนึกถึงสิ่งที่จะตามมาหลังจากถูกจับได้ว่าตนรวมหัวกับผู้เป็นนายทำสิ่งที่ท้าทายต่อกฎหมาย
“ถ้านายไม่พูดแล้วใครจะรู้วะ และอีกอย่างตอนนี้คุณแม่ไปปฏิบัติธรรมอยู่ต่างจังหวัดคงอีกเป็นเดือนจะกลับมา ถึงเวลานั้นค่อยว่ากันอีกทีแล้วกัน”
“นายสิงห์มัดเธอแน่นเกินไปหรือเปล่า เดี๋ยวผิวสวยๆ ของคุณหมอก็ช้ำหมดหรอก”
มิ่งเอ่ยถามผู้เป็นนายเมื่อรู้สึกว่า ชายหนุ่มลงแรงกับข้อมือเล็กๆ ขาวเนียนนั้นหนักไปหน่อย ถึงแม้เขาจะไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ผู้เป็นนายทำตั้งแต่แรก แต่ในฐานะลูกน้องคนสนิทก็ไม่อาจปฏิเสธคำสั่งได้ สิ่งเดียวที่ทำได้ตอนนี้คือคอยเฝ้าดูแลเหยื่อสาวไม่ให้บอบช้ำจากการกระทำของผู้เป็นนายจนเกินไป
“ฉันไม่ได้ขอความเห็นจากนาย เพราะงั้นก็ช่วยหุบปากสักที! รำคาญ”
สิงหนาทหันมาตวาดใส่ลูกน้องอย่างหงุดหงิด เมื่ออีกฝ่ายมักจะแย้งสิ่งที่ตนทำแทบจะตลอดเวลา ตั้งแต่อยู่กรุงเทพฯ กระทั่งกลับมาถึงบ้านไร่
“ครับนายสิงห์ ว่าแต่จะให้ผมทำอะไรให้คุณหมอทานเย็นนี้เหรอครับ”
มิ่งจำต้องก้มหน้ารับคำ เพราะเกรงว่าหากพูดมากไปกว่านี้จะโดนบาทาของผู้เป็นนายเอาได้ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องคุยถามถึงอาหารเย็น สิงหนาททำสีหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็กระตุกยิ้มที่มุมปากเหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้
“ซอยจุ๊ ลาบเลือด”
“ว่าไงนะครับ!”
มิ่งทำตาโต จ้องหน้าผู้เป็นนายด้วยความตกใจ หลังจากอีกฝ่ายบอกเมนูสำหรับต้อนรับสาวสวยตรงหน้าที่ยังนั่งสลบคอพับไม่ได้สติ
“หูนายไม่ได้ตึงสักหน่อย แล้วจะมาถามซ้ำอีกทำไม ห๊ะ!”
“แต่คุณหมอเป็นแค่หญิงผู้ร่างน้อยเอวบาง แถมยังสวยราวกับนางฟ้าอีก คนกรุงเทพฯผิวขาวๆ สวยๆ แบบนี้จะกินของพวกนี้ได้เหรอครับ”
มิ่งแย้งอย่างไม่เห็นด้วยกับผู้เป็นนายอย่างแรง เพราะเมนูที่ว่านั้นมีแต่เนื้อดิบๆ และเลือดสดๆ ไม่เหมาะกับสาวสวยเลยแม้แต่น้อย
“ได้ไม่ได้ก็ต้องกิน เพราะฉันไม่ได้จับเธอมาให้เสวยสุข แต่จับมาทรมานให้สมกับความผิดที่เธอทำให้น้องสาวของฉันต้องตาย”
“คะ…ครับนายสิงห์ แล้วตอนเย็นผมจะมาอีกทีครับ”เมื่อไม่อาจขัดผู้เป็นนายได้ก็จำต้องก้มหน้ารับคำอีกตามเคย
“อย่าให้เรื่องนี้ถึงหูพี่เสือเด็ดขาด! ไม่งั้นนายโดนฉันกระทืบจมตีนแน่”สิงหนาทย้ำลูกน้องอีกครั้งด้วยน้ำเสียงเหี้ยม
“ครับนายสิงห์”
………………………………………….
รินนาราไม่รู้ว่าตัวเองสลบไปตั้งแต่เมื่อไหร่ พอมารู้สึกตัวอีกทีก็พบว่าตัวเองอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ ที่ทำจากไม้ มีเตียงเล็กๆ ตั้งอยู่ตรงมุมห้องซึ่งเธอกำลังใช้อิงอยู่ มือและเท้าทั้งสองข้างถูกเชือกมัดไว้แน่นหนา ติดกับขาเตียง
“ที่นี่ที่ไหน?”
เสียงหวานแหบแห้งขณะที่เงยหน้าขึ้นมาถามบุรุษร่างสูงใหญ่ที่ยืนพิงผนังห้อง นัยน์ตาคมกริบดุจพญาเหยี่ยวจับจ้องมายังเธอด้วยสายตาน่าขนลุก รินนารารู้สึกเหมือนกับตัวเองกำลังอยู่ในความฝัน แต่แล้วเสียงทุ้มหนักที่ตอบกลับมาทำให้ความจริงที่เธอกำลังเผชิญเด่นชัดขึ้น
“นรก…บน…ดิน”
สิงหนาทเน้นประโยคของตัวเองทีละคำช้าๆ ขณะที่ย่างสามขุมเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของเธอ ก่อนที่จะย่อตัวลงเพื่อจ้องหน้าเธอชัดๆ หัวใจของรินนาราหายวาบเมื่อสติกลับมาเต็มร้อย เธอขยับถอยหลังด้วยสัญชาตญาณรู้สึกกลัวคนตรงหน้าจับใจ
เธอยอมรับว่าบุรุษหนุ่มตรงหน้านั้นมีรูปร่างสมบูรณ์แบบ เช่นเดียวกับใบหน้าหล่อเหลาไร้ที่ติ ทว่าเวลานี้เธอกลับไม่รู้สึกพิศวาสเขาเลยแม้แต่น้อย เพราะสิ่งเดียวที่เธอมีตอนนี้คือความหวาดกลัวนัยน์ตาคมกริบดุดันซึ่งกำลังจ้องจับจ้องมาที่เธอ
“คุณเป็นใคร แล้วมัดฉันไว้ทำไม?”
แม้จะกลัวแสนกลัว แต่ก็ยังแสร้างถามออกไปเสียงแข็ง แสดงให้เขาเห็นว่าเธอนั้นไม่กลัวเขาเลยสักนิด
“เป็นเจ้ากรรมนายเวรของคุณยังไงล่ะ ยินดีต้อนรับสู่นรกอย่างเป็นทางการ”
สิงหนาทพูดพลางเหยียดยิ้มร้ายๆ ที่มุมปาก นัยน์ตาคู่คมแข็งกระด้างราวกับคนไร้ความรู้สึก
“ปล่อยฉันนะ ฉันไปทำอะไรให้ถึงต้องจับฉันมาแบบนี้”
“ลองคิดดูสิว่าทำอะไรกับชีวิตของคนอื่นไว้บ้าง แต่ถ้าจำไม่ได้ผมจะค่อยๆ เพิ่มความทรงจำให้ทีละนิดระหว่างอยู่ในขุมนรกนี้แล้วกันนะ”
“ปล่อยนะ ไอ้โรคจิต! ปล่อยฉัน!”
รินนาราพยายามออกแรงดิ้น ขณะที่ปากก็ต่อว่าเขาไม่หยุด แต่เชือกที่พันธนาการเธอไว้แน่นหนาเกินไป ยิ่งดิ้นก็ยิ่งรู้สึกเจ็บมากเท่านั้น
“ยังไม่ถึงเวลา เพราะผมจะไม่ปล่อยจนกว่าคุณจะได้ชดใช้กรรม”
“คิดเหรอว่าจะไม่มีคนรู้ ฉันเป็นหมอของโรงพยาบาลเอกชน ถ้าฉันหายไปนานๆ ทุกคนจะต้องสงสัยและออกตามหาฉัน แล้วตำรวจก็ต้องมาลากคนที่จับฉันเข้าตาราง”
รินนาราพูดอย่างมีความหวัง เพราะมั่นใจว่าจะต้องมีคนตามหาเธอแน่ๆ ทว่าคำพูดของชายตรงหน้ากลับทำให้ความหวังของเธอดับวูบลงอีกครั้ง
“อย่ามั่นใจไปหน่อยเลยน่ะคุณ ก่อนผมจะลงมือทำอะไรผมก็ต้องทำทุกอย่างให้แนบเนียนโดยที่จะไม่มีใครสงสัยได้ว่าคุณหายไปไหน”
“คุณทำไร! คุณทำอะไร บอกมานะ!”
“ทำให้ทุกคนเชื่อสนิทว่าคุณหนีตามผู้ชายจนละเลยหน้าที่การงาน แล้วก็ทำเรื่องลาออกให้คุณซะ แค่นี้ก็ไม่มีใครสงสัยแล้วว่าคุณหายไปไหน เพราะทุกคนรู้เพียงว่าคุณหนีตามผู้ชาย”
“ไม่จริง!”
รินนาราส่ายหน้าไปมาไม่อยากยอมรับว่าทุกสิ่งที่เขาพูดนั้นเป็นเรื่องจริง เธออยากจะกรีดร้องออกมาดังๆ ใส่ใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มนั้น เพราะตั้งแต่เติบโตจนกระทั่งอยู่ในวัยทำงานเธอไม่เคยมีชื่อเสียเรื่องผู้ชายมาก่อน
“ถ้าไม่เชื่อก็ลองดู ว่าใครจะมาช่วยบ้าง”
“ไอ้โรคจิต! ปล่อยฉันออกไปเดี๋ยวนี้! ช่วยด้วยค่ะ มีใครอยู่แถวนี้ช่วยฉันด้วย”
“แหกปากให้ตายก็ไม่มีใครช่วยได้หรอก แล้วถ้าเกิดร้องเสียงดังน่ารำคาญ ผมจะปิดปากสวยๆ ของคุณไม่ให้ร้องได้อีก”
รินนาราเชื่อว่าเขาไม่ได้ขู่แต่เขาทำจริง และเธอก็ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากปล่อยน้ำตาให้ร่วงหล่นออกมาจากดวงตาคู่สวยอย่างสุดจะกลั้นขณะที่มองตามร่างสูงใหญ่ที่ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แล้วเดินออกจากห้องไป