ด้วยความร้อนใจ จางฟางซินโผล่พรวดออกมาจากหลังฉากกั้น นางสวมเสื้อผ้าเรียบง่าย รัชทายาทขมวดคิ้วที่เห็นว่ามีสตรีซ่อนอยู่ในที่นี่ด้วย
“นี่เรื่องอันใดกันแน่”
จางฟางหรงถอนหายใจให้กับความใจร้อนของพี่สาวและเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้รัชทายาทฟัง ด้วยสถานการณ์บีบบังคับ องค์รัชทายาทมอบป้ายหยกของพระองค์ให้นางเพื่อยืนยันฐานะของนางต่อหลัวหลิวหยาง การเดินทางของจางฟางซินจึงเริ่มขึ้น
ดวงตาที่ปิดสนิทอยู่ค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ นางปรับสายตาอยู่ครู่หนึ่งก่อนค่อยๆ ยันกายขึ้นนั่งด้วยความยากลำบาก ความเจ็บปวดจากบาดแผลทำให้นางรู้ว่าตนเองตื่นจากความฝัน ความทรงจำที่นำพานางให้มาพบหลัวหลัวหยาง เดิมทีนางตั้งใจปรากฏตัวในฐานะจางฟางหรง มั่นใจว่าการแต่งกายเป็นชายของนางจะตบตาเขาได้ แต่ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องนี้ขึ้นทำให้นางต้องเปิดเผยตัวจริง
นางตั้งใจจะวาดเท้าลงจากเตียง แต่การขยับเล็กน้อยทำให้นางหลุดเสียงร้องออกมา
“โอ๊ย!”
“อย่าขยับ!”
น้ำเสียงดุดันทำให้นางชะงัก คล้ายได้ยินคำสั่งเช่นนี้มาก่อน นางหันไปตามเสียงที่ได้ยิน พบว่าหลัวหลิวหยางเดินตรงมาทางนาง จางฟางซินมองบุรุษในชุดสีครามด้วยสายตาเลื่อนลอย ราวกับนางกำลังฝัน ฝันว่าได้อยู่ใกล้บุรุษที่ตนชื่นชอบ นางคิดว่าถ้าเขาเดินเข้ามาใกล้นางอีกนิด ภาพตรงหน้าคงจะหายวับไป ทว่าเขากลับเดินเข้าจนถึงตัวนาง ช่วยประคองให้นางนั่งหลังพิงหัวเตียงซ้ำยังหยิบหมอนมาหนุนหลังอีกให้อีก
หรือนางยังไม่ตื่นจากฝันกันแน่
“แม่นาง”
หลัวหลิวหยางเรียก น้ำเสียงไม่ได้อ่อนโยนนักแต่เขาก็พยายามกดเสียงตัวเองไม่ให้ดุดันเหมือนเวลาพูดจากับทหาร ด้วยเกรงว่านางจะตื่นตระหนกตกใจหมดสติไป ทว่านางกลับยื่นมือมาแตะใบหน้าของเขาเบาๆ คราวนี้เป็นเขาที่ชะงักไป
“แม่นาง”
“อ๊ะ!”
จางฟางซินได้สติรีบชักมือกลับ นางกะพริบตาปริบๆ จ้องมองเขาอยู่ครู่หนึ่งจึงก้มหน้าลง นึกก่นด่าตัวเองในใจ เหตุใดมือไวเช่นนี้นะ ไม่สิ เพราะคิดว่าตนเองฝันไป จึงได้กล้ายื่นมือไปแตะแก้มของเขาเช่นนั้น
ทว่าเมื่อนางตั้งสติได้ กลับต้องอ้าปากค้างเมื่อก้มมองเห็นว่าตนเองสวมเพียงเอี้ยมผ้าไหมเปิดเผยผิวกายต่อหน้าบุรุษ นางรีบคว้าผ้าห่มขึ้นปิดทรวงอกแล้วเงยหน้าขึ้นจ้องเขม็งไปทางหลัวหลิวหยาง ชายหนุ่มเข้าใจสายตาของนางจึงขยับกายถอยห่างแล้วหันหลังให้
“แม่นางมีบาดแผลหลายแห่ง เพื่อสะดวกกับการใส่ยา แม่นมของข้าเป็นคนดูแลเจ้า” เขาอึกอัก ลืมตัวไปว่ายามนี้นางแต่งกายไม่เรียบร้อยซึ่งแม่นมก็บอกเขาแล้ว เพียงแต่เขาไม่คิดว่านางจะได้สติแล้วจึงได้พบกันในจังหวะที่ไม่เหมาะนัก
“ข้าจะให้แม่นมมาดูแลเจ้า”
จางฟางซินเห็นเขาก้าวเดินทำท่าจะออกไป นางรีบเรียกเขาไว้ก่อน ทำให้ร่างสูงชะงักแต่ยังไม่หันกลับมา
“ข้ามาด้วยมีเรื่องด่วนต้องพูดกับท่านแม่ทัพ” นางรีบใช้ผ้าห่มพันกายแต่เพราะร่างกายเต็มด้วยบาดแผลฟอกช้ำ แม้อดทนต่อความเจ็บปวดอย่างไร นางก็หลุดร้องเสียงหลงออกมาไม่ได้
หลัวหลิวหยางไม่ชอบสตรีอ่อนแอที่เอาแต่ร้องโอดครวญ แต่บาดแผลของนางนั้น เขาเห็นแล้วว่าเจ็บปวดไม่น้อยจึงเชื่อว่านางไม่ได้มารยาใส่เขา
“รอให้บาดแผลของเจ้าดีขึ้นค่อยพูดเถิด เอ็นข้อเท้าของเจ้าฉีกขาด ท่านหมอสั่งให้เจ้าอยู่นิ่งๆ ข้าจะให้เด็กรับใช้มาคอยดูแลเจ้า หากต้องการสิ่งใดก็สั่งเด็กๆ ได้”
“ข้ามีเรื่องสำคัญ” นางปรับน้ำเสียงของตน กลืนความตื่นตระหนกลงไปหมดสิ้น น้ำเสียงสงบเยือกเย็นของนางทำให้หลัวหลิวหยางยอมหันกลับมามอง
“ข้าเป็นคนขององค์รัชทายาท” นางพยายามค้นหาถุงใส่ป้ายหยกของตน แต่บนตัวนางมีเพียงผ้าสองชิ้น
“เจ้าหาสิ่งนี้อยู่หรือ?” เขาหยิบป้ายหยกยื่นให้นาง แน่นอนว่าเขาจำเป็นต้องตรวจค้นข้าวของของนางเพื่อจะได้รู้ว่านางเป็นใคร
“ใช่” นางยื่นมือไปรับไว้ “ท่านคงรู้แล้ว”
“ข้ารู้แค่ว่านี่เป็นป้ายประจำตัวองค์รัชทายาท” เขากอดอกยืนฟังนาง พยายามสนใจเพียงดวงตากลมโตสีนิล ไม่มองผิวกายเนียนละเอียดที่เต็มไปด้วยรอยบอบช้ำ
ตลอดการเดินทาง นางครุ่นคิดอยู่หลายตลบว่าจะเริ่มเรื่องอย่างไรให้เขาเชื่อใจนาง จะแสดงตัวเช่นไรไม่ให้ถูกจับได้ว่าเป็นหญิง แต่เมื่อฐานะถูกเปิดเผยแล้ว ก็ไม่เห็นว่าจะต้องปิดบังอันใดอีก นางสูดลมหายใจแล้วเอ่ยออกมา
“ข้าคือจางฟางหรง”
“หือ?” หลัวหลิวหยางเลิกคิ้วประหลาดใจ “จางฟางหรง?”
“จางฟางหรงที่เขียนจดหมายโต้ตอบกับท่าน” นางยังคงสงบใจกล่าวต่อ
“ข้าเคยพบจางฟางหรง เขาเป็นบุตรบุญธรรมของอาจารย์ข้า เขาเป็นบุรุษมิใช่สตรี”
“ถูกต้อง จางฟางหรงที่ท่านแม่ทัพพบคือน้องชายต่างมารดาของข้า ข้าชื่อจางฟางซิน ข้าและจางฟางหรงเป็นบุตรบุญธรรมของอาจารย์ หยางอี้เสียง” นางแนะนำตัวเอง และเมื่อเห็นว่าเขาไม่คิดจะพูดขัด นางจึงพูดต่อ “คนที่เขียนจดหมายถึงท่านคือข้า ข้าใช้ชื่อของน้องชายเพื่อคุยกับท่าน”
แววตาของหลัวหลิวหยางประหลาดใจเล็กน้อย เดิมทีเขาสงสัยมาตลอด บุรุษอย่างจางฟางหรงดูเหมือนคนที่ไม่สนใจตำราพิชัยยุทธ์ ไม่ชอบการทหาร แต่กลับแลกเปลี่ยนความคิดกับเขาและเสนอแนวทางให้เขาหลายต่อหลายครั้ง
“ที่ข้าต้องมาด้วยตนเองเช่นนี้เพราะ คนที่องค์รัชทายาทส่งจดหมายให้ท่านถูกกำจัดไปหมด องค์รัชทายาทต้องการให้จางฟางหรงมาอยู่ข้างกายท่าน เผื่อว่าจะได้ช่วยติดสินใจแก้ไขปัญหาที่เกิด พร้อมทั้งมอบหมายอำนาจตัดสินใจทางการทหารให้ท่านจัดการได้หากมีความจำเป็น”
หลัวหลิวหยางทำเพียงพยักหน้ารับรู้ เขาคิดสงสัยอยู่นาน สองเดือนมานี้ไม่มีข่าวสารจากเมืองหลวง ที่แท้เกิดเรื่องขึ้นจริง